ไบโอไทย แฉยับ “สมาคมวิทยาการวัชพืชฯ” หนุน “พาราควอต” เพราะได้รับทุนวิจัย เรียกร้องให้กรมวิชาการทบทวนให้ที่ตั้ง เหตุทำงานสวนทางนโยบายรัฐ และ รมช.เกษตรฯ
วันนี้ (13 ธ.ค.) นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี หรือ “ไบโอไทย” ออกมาตั้งข้อสังเกตกรณี “สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย” ได้จัดประชุมใหญ่ และจัดการเสวนาในหัวข้อ “ก้าวต่อไปอย่างไร เมื่อเกษตรกรไทยไร้พาราควอต” เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีเนื้อหาให้ทบทวนการแบนสารเคมีพิษภาคเกษตร (พาราควอต) โดยอ้างว่า มีเกษตรกรยกเลิกอาชีพไป 25% ว่า สมาคมนี้มีบทบาทเชิงวิชาการ ส่วนใหญ่เป็นพวกอาจารย์ในภาควิชาพืชไร่ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาเป็นกรรมการและนายกสมาคม ในช่วงหลังมานี้สมาคมนี้เริ่มมีการแต่งตั้งให้บริษัทสารเคมีเข้ามาเป็นกรรมการ ซึ่งก่อนหน้านี้มีกรรมการที่มาจากบริษัทขายสารเคมีเป็นกรรมการ เราเห็นบทบาทสมาคมนี้ เริ่มไม่เป็นวิชาการ ตั้งแต่ข้อเรียกร้องให้มีการแบนพาราควอต
“เรามีหลักฐานอยู่นะครับหลักฐานตัวนี้อยู่ที่ น.ส.ปรกชล อู๋ทรัพย์ เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ว่าสมาคมฯ ได้รับทุนวิจัยจากบริษัท ซินเจนทา เจ้าของที่ผลิตพาราควอต เพราะฉะนั้นก็อาจจะกล่าวได้ว่าสมาคมฯ นี้ไม่ได้ยืนอยู่บนฐานวิชาการจริงๆ แต่มามีบทบาทสนับสนุนบริษัท ซินเจนทา เจ้าของพาราควอต ซึ่งเรามีหลักฐานอยู่ชิ้นหนึ่งนะครับที่มันเกี่ยวพันกัน” นายวิฑูรย์กล่าว
นายวิฑูรย์กล่าวด้วยว่า สมาคมวิทยาการวัชพืชฯ มีที่ตั้งอยู่ในกรมวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะบทบาทของมหาวิทยาลัย หรือกรมวิชาการเกษตร หากองค์กรที่มีบทบาททางวิชาการ มีคนมาขอใช้ประโยชน์ตั้งเป็นสำนักงานก็อาจจะพอรับได้ แต่ถ้าตราบใดที่ไม่ได้ยืนอยู่บนวิชาการอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีบทบาทในการคัดค้านนโยบายของรัฐบาล คัดค้านโยบายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่คุมกรมวิชาการเกษตร ซึ่งการคัดค้านนโยบายมาจากการสนับสนุนของบริษัทสารเคมีข้ามชาติพวกนี้
“ผมคิดว่าตรงนี้กรมวิชาการฯ อาจจะต้องทบทวนนะครับ เรื่องของการให้พื้นที่เป็นที่ตั้งสำนักงานของคนพวกนี้นะครับ เพราะว่าเวลามีการเผยแพร่งานพวกนี้ไป คนก็จะสับสนระหว่างบทบาทของสมาคมฯ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากต่างประเทศ กับบทบาทของสถาบันทางวิชาการ กลายเป็นว่าจัดตั้งสถาบันเพื่อคัดค้านนโยบายของราชการเสียเอง ซึ่งอันนั้นผมพอเข้าใจได้ในการคัดค้านนโยบายของทางราชการ ถ้ามันไม่ถูกต้องอะไรพวกนี้นะครับก็สามารถทำได้ แต่ว่าการที่สมาคมซึ่งมีหลักฐานชัดเจนนะครับว่าพึงรับการสนับสนุนจากบริษัทเอกชน ซึ่งแน่นอนขัดแย้งกับนโยบายของรัฐ มันก็มีปัญหานะครับ มันเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันทางวิชาการนะครับที่ดำเนินการโดยรัฐ โดยภาษีของประชาชน ว่าอย่างนั้นเถอะ มันกลายเป็นว่าคนจะจำแนกไม่ออกระหว่างสมาคมที่ได้รับการอุดหนุนจากภาคเอกชน กับสถาบันทางวิชาการ ที่จริงไม่สมควรนะครับ ถ้าจะทำควรจะแยกตัวออกไปเลยนะครับ ไปทำการโดยเอกเทศ และต้องเปิดเผยด้วยว่างานวิจัยแต่ละอัน ได้รับการสนับนุนจากใครด้วยนะครับ” ผอ.ไบโอไทยกล่าว
นายวิฑูรย์ระบุว่า หน้าที่ของไบโอไทย จะดำเนินการ เปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบ
1. เราจะเปิดเผยเรื่องเนื้อหาเป็นหลักว่าไม่เป็นความจริงอย่างไร บิดเบือนอย่างไร มีอคติอย่างไร และ
2. ในโลกสมัยใหม่ เมื่อใดที่ทำงานทางวิชาการ แต่ได้รับการสนับสนุนจากแหล่งทุนที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน คุณต้องชี้แจง และเราจะติดตามเรื่องนี้