"มนัญญา"สั่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตรตรวงจสอบการตั้งสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย สวนทางนโยบายรัฐมนตรี พยายามนำสารพิษกลับมา ทั้งที่เรื่องจบไปแล้ว ถามกลับตั้งสมาคมกันขึ้นมาเพื่ออะไร แค่มาเดินทักทายกันแล้วอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้
วันนี้ (15 ธ.ค.) เมื่อเวลา 08.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกำกับกรมวิชาการเกษตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย ระบุว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่มีสารทดแทน หลังแบนสารพาราควอต ทำให้เกษตรกรต้องยกเลิกอาชีพเกษตรไป 25 เปอร์เซ็นต์ ว่า ขณะนี้ในกรมวิชาการเกษตร มี 7 สมาคมที่ตั้งอยู่ภายใน จึงมอบหมายให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรไปสอบว่าดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงฯ อย่างไร ไม่ใช่ว่าพอมีการประชุม ผลออกมาก็ย้อนแย้งกับนโยบายของกรม ย้อนแย้งกับนโยบายรัฐมนตรีที่กำกับดูแล จากเดิมที่เป็นประโยชน์แก่เกษตรกรก็กลายไม่เป็นประโยชน์ และจ้องที่จะทำอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์กับสารเคมี
น.ส.มนัญญา กล่าวต่อว่า ความจริงแต่ละคนในสมาคมฯ ก็เป็นนักวิชาการในกรมวิชาการเกษตร มาก่อน แม้กระทั่งอธิบดี ซึ่งในทุกวันนี้การโยกย้ายตำแหน่งในกรมวิชาการเกษตรก็มีปัญหา ย้ายใครก็ต้องเป็นเส้นทางตรงไม่มีการนำคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานในกรมวิชาการเกษตร ซึ่งประเด็นเหล่านี้ควรจะจบไปตั้งนานแล้ว เพราะขัดกับวัตถุประสงค์ของกรมวิชาการเกษตรที่ต้องทำงานเพื่อเกษตรกร ที่ผ่านมาคนที่ทำงานก็เอาแต่พยายามจะนำสารพิษกลับเข้ามา อย่าลืมว่ากรมวิชาการเกษตรตั้งขึ้นมาเเพื่อ เกษตรกร งานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร อย่างเรื่องน้ำมันมะคาเดเมียบำรุงผิว เรื่องต้นพันธุ์มันสำปะหลัง ทำไมเรื่องแบบนี้ไม่เอามาดูกัน ดูกันแต่ว่าจะเอาสารพิษ ทั้งที่เป็นเรื่องที่จบไปแล้ว ทำไมต้องวนเวียนกลับมา และยังตั้งสมาคมซึ่งอยู่ในกรมวิชาการเกษตร เวลาขึ้นต้นการประชุมทุกครั้งก็จะอ้างชื่อรัฐมนตรีมนัญญาแบนสารเคมีต่างๆ อยากถามว่าทำกันเพื่ออะไร คุณมีกันเพื่ออะไร คุณต้องมาช่วยเกษตรกร คุณต้องไปดูสิประเทศไทยต้องนำพืชผักผลไม้เข้ามาเท่าไหร่ แล้วทำไมไม่ส่งเสริมเกษตรกรของเราให้ปลูก ทำไมไม่ขยายพันธุ์ให้เกษตรกร อย่างมันฝรั่งต่างๆ บริษัทเอกชนต้องการจำนวนมากก็ถูกละเลย ดังนั้นตนจึงอยากถามว่า มีสมาคมฯ กันเพื่ออะไร และ 7 สมาคมที่ตั้งภายใต้กรมวิชาการเกษตร ถูกหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลังหรือไม่ และอยากถามว่าน้ำไฟที่สมาคมฯ ใช้นั้น เป็นของใคร เกษตรกรได้ประโยชน์อะไร ก็ต้องฝากให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรไปดูเรื่องนี้
เมื่อถามว่า สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทยมีความพยายามนำสารพาควอตกลับมาใช้อีกครั้งใช่หรือไม่ น.ส.มนัญญา กล่าวว่า การตั้งสมาคมมีเส้นทางอยู่แล้ว มันคืออะรไรหล่ะ มันก็คือคนคนที่ปลดเกษียณจากราชการและองค์กรเอกชน แล้วอย่างที่ตั้งในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งแนวทางการทำงานก็มีอยู่แล้ว ส่วนมูลนิธิชีววิถี หรือ ไบโอไทย ก็อยู่มานาน เขาต่อสู้มานาน และมีเอกสารหลักฐานอะไรของเขาอยู่แล้ว ถามว่าเรารู้ไหม เราก็พูดแค่ในสิ่งที่เราพูดได้ แต่สิ่งที่นอกไปจากนี้เราก็ไม่อยากพูด แต่ถ้ายังเล่นงานเราไม่หยุดยังมีการประชุมและก้าวร้าวกับเรา ยังให้เราไปชี้แจงใน ส.ว.หลายๆ ครั้ง ยังไม่หยุดกัน เดี๋ยวเราก็จะไม่หยุดบ้าง
น.ส.มนัญญา กล่าวอีกว่า ได้ให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรไปตรวจสอบสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทยว่าตั้งมาได้อย่างไร มีใบอนุญาตของกระทรวงการคลังหรือไม่ น้ำไฟใช้ของใครอย่างไร ถ้าตั้งมาแล้วมาวิจัยร่วมกันเราก็ยินดี แต่ถ้าตั้งแล้วไม่มีประโยชน์ ผิดหลักเกณฑ์หลักการของสมาคมฯ ก็ต้องมาว่ากันอีกครั้ง ไม่ใช้ว่าตั้งขึ้นมาแล้วให้คนในสมาคมมาเดินสวัสดีทักทายกัน แล้วบอกว่าอยากได้โน่นอยากได้นี่ มันหมดสมัยแล้ว สมัยนี้มันไม่มีแล้ว สมัยนี้มีแต่คนต้องออกมาทำงาน ถ้าตราบใดที่ยังมีแต่ขะหน่อแต่ไร้แขนงมันก็เป็นอย่างนี้