“บิ๊กตู่” ย้ำไทยหนุนตั้งกองทุน ACMECS พลิกวิกฤตโควิดเป็นโอกาสพัฒนา

“ประยุทธ์” ประชุม ACMECS ระบุไทยหนุนตั้งกองทุน ACMECS บอกต้องพลิกวิกฤตโควิดเป็นโอกาสพัฒนา ส่งเสริมให้ภูมิภาคนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัย สร้างโอกาสด้านเศรษฐกิจ การพัฒนา

วันนี้ (9 ธ.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ร่วมประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 9 (The 9th Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS Summit) ผ่านระบบ VDO Conference โดยนายกฯ แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา นายกฯ แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นายกฯ แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และเลขาธิการอาเซียน เข้าร่วมประชุม

โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยินดีที่ทุกคนเห็นพ้องกับหลักการใหม่ที่ไทยเสนอ เรื่อง “อนุภูมิภาคที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้” ให้เป็นอีกหนึ่งสาขาความร่วมมือภายใต้แผนแม่บท ACMECS เราต้องให้ความสำคัญต่อประเด็นต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาในอนาคต และขอเสนอให้ ACMECS กระชับความร่วมมือกันใน 3 ประเด็น ได้แก่ การพัฒนาความเชื่อมโยงในทุกมิติ และยินดีที่จะเรียนให้ทุกคนทราบว่าไทยได้ ลงนามกับบริษัทแอสทราเซเนกา เพื่อจัดหาวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับอนุญาตให้ใช้และผลิตได้ในช่วงกลางปี 2564 เมื่อถึงเวลานั้น ไทยพร้อมสนับสนุนให้ยาและวัคซีนดังกล่าวเป็นสินค้าสาธารณะเพื่อให้ประชาชนในอนุภูมิภาค ประการที่สองเราต้องมีกลไกทางการเงินที่จะสนับสนุนการพัฒนา ACMECS

นายกฯ กล่าวว่า ยินดีที่เราได้ร่วมแสดงเจตนารมณ์ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนา ACMECS ในการประชุมผู้นำครั้งที่ผ่านมา โดยไทยขอยืนยันคำมั่นที่จะสนับสนุนเงินจำนวน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่กองทุน เพื่อใช้ขับเคลื่อนโครงการ ประการสุดท้ายเพื่อให้ ACMECS สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เห็นว่าเราต้องมีกลไกกลางเพื่อทำหน้าที่ผู้ประสานงานหลัก จึงเห็นด้วยที่เราจะเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสำนักเลขาธิการ ACMECS

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ยินดีที่ทุกคนเห็นพ้องกับหลักการใหม่ที่ไทยเสนอ เรื่อง “อนุภูมิภาคที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้” ให้เป็นอีกหนึ่งสาขาความร่วมมือภายใต้แผนแม่บท ACMECS โดยเห็นว่าเราต้องให้ความสำคัญต่อประเด็นต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาในอนาคต เช่น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจพร้อมกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ ในอนาคต เราต้องพลิกวิกฤตโควิด-19 ให้เป็นโอกาสเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงภาพลักษณ์ของอนุภูมิภาค และส่งเสริมให้ภูมิภาคนี้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และเต็มไปด้วยโอกาสที่หุ้นส่วนภายนอกจะเข้ามาร่วมมือด้านเศรษฐกิจ และการพัฒนา