ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ยินดีกับลุงๆ ด้วย ช่องไอโอใหม่สถาปนาแว้วว “ต้อย สนธิญาณ” ปิดดีลเซ้ง “นิวทีวี 18” 8 ปี 800 ล้าน!
ความเคลื่อนไหวเพื่อหาช่องทางออกสื่ออีกครั้ง หลังจากยกขบวนออกจากเนชั่นทีวีของกลุ่ม “ต้อย” สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และชาวคณะ อาทิ “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก, สันติสุข มะโรงศรี, กนก รัตน์วงศ์สกุล, ธีระ ธัญไพบูลย์, วรเทพ สุวัฒนพิมพ์, สถาพร เกื้อสกุล และ อุบลรัตน์ เถาว์น้อย แม้จะยังไม่แถลง หรือยอมรับอย่างเป็นทางการ แต่ก็เชื่อกันว่า เป็นช่อง “นิวทีวี 18” ของ “ประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด” หรือ คุณแดง ค่อนข้างแน่
ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อมีข่าววงในเล็ดลอดมาจาก บริษัท ดีเอ็น บรอดคาสท์ จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ นิวทีวี 18 บอกกับสื่อออนไลน์ว่า “คุณแดง” ได้เจรจาที่จะขายสัมปทานช่อง NewTV 18 ที่เหลืออายุสัมปทานอีกประมาณ 8 ปี ให้กับกลุ่มของ “ต้อย สนธิญาณ” เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพูดคุยกันถึง 5 รอบ ในช่วงเวลา 3 สัปดาห์ โดยเจ้าสัว “ชาติศิริ โสภณพนิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของนิวทีวี ทำหน้าที่คนกลาง
ว่ากันว่า “ชาติศิริ” เชิญ “ประภา” มาหารือโดยตรงกับ “สนธิญาณ” ในที่สุดก็ตกลงราคาค่าเซ้งกันได้อยู่ที่ 800 ล้าน ซึ่งกลุ่มสนธิญาณโชว์ว่ามีสปอนเซอร์เป็นบริษัทมีชื่อเสียงที่ไม่กลัวผลกระทบการเมือง 6-7 แห่ง ที่ใจป้ำ กล้าเซ็นใบสั่งซื้อโฆษณาระยะยาวเพื่อการันตีให้ ธนาคารกรุงเทพ เจ้าหนี้ มั่นใจว่า ช่องจะมีรายได้จากโฆษณาจ่ายหนึ้ได้แน่นอน
ข่าวว่า “สนธิญาณ” จะเปิดแถลงข่าวเป็นทางการ ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ เวลา 15.00 น. ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล และจะเริ่ม ออนแอร์ อย่างเป็นทางการในวันที่ 21 ธ.ค. เวลา 15.00 น. โดย 2 ชั่วโมงแรก จะเป็นรายการพิเศษ จากนั้นหลัง 17.00 น. เป็นต้นไป จะเข้าสู่ผังรายการปกติ ระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการโอนที่ดิน โอนตึก โอนเครื่องมือ เปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทใหม่
ขณะที่ เฟซบุ๊ก Anchalee Paireerak ของ “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก โพสต์ภาพหมู่โปรโมตพร้อมหมู่คณะ ระบุไปทำนองเดียวกันว่า “สิ้นสุดการรอคอย อีกไม่นานพวกเราจะกลับมาหน้าจอทีวี ในมือถือ บนเฟซบุ๊กไลฟ์ ในยูทูป ไม่ต้องเดาว่าเราจะไปที่ไหน อย่าร้อนรนว่าเราจะเปิดตัววันใด หรือส่องว่าใครทำอะไรบ้าง เพราะจุดหมายที่เราหลอมรวมกันคือ การทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีต่อประเทศชาติ เราไม่เถียง เราทำ เราไม่นำพากับคำนินทา เราเดินหน้าต่อไป อีกไม่กี่วัน พบกันในวันแถลงข่าว ตอบหมดเปลือก”
หากเป็นไปตามข่าว ก็น่าสนใจว่า ดีลนี้ ในแง่ “กลุ่มต้อย-สนธิญาณ” ก็ถือได้ว่าสิ้นสุดการรอคอย อย่างที่ “เจ๊ปอง” ว่า เหล่าพิธีกร-ผู้ประกาศข่าว ที่มีภาพลักษณ์ของสื่อสนับสนุนข้าง “เชียร์ลุง” ที่อุตส่าห์ตีจาก “เนฉาย” เนชั่นทีวีของ “ฉาย บุนนาค” มาตามๆ กัน ได้มีที่ทางออกมาวาดลวดลายได้เหมือนเดิม
ส่วน “ต้อย สนธิญาณ” งานนี้จะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของช่องของตัวเอง รับรู้รสชาติการบริหารจัดการด้วยตัวของตัวเองแบบเต็มๆ หลังจากเป็นมือปืนรับจ้างเข้าร่วมกับ ฉาย กับคนนั้นคนนี้ แอบอิงคนอื่นมาตลอด จะรอดหรือรุ่งริ่ง คงจะได้เห็นกัน
ขณะที่ฝั่ง “คุณแดง” ก็อาจจะพูดได้ว่า ยกภูเขาออกจากอก เพราะต้องไม่ลืมว่าตั้งแต่ได้ไลเซนส์ทีวีดิจิทัลมา เมื่อปี 2557 ก็ขาดทุนมาตลอด ถือเป็นทุกขลาภของนายทุนที่กระโจนลงทีวีดิจิทัล ที่คิดว่าจะตักตวงเงินจากโฆษณา
แม้ว่า นิวทีวี ปีหลังๆ จะมีรายได้อยู่ที่ 120 ล้านต่อปี แต่ก็ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับช่องอื่นๆ ที่มีเรตติ้งต่ำเตี้ยเรี่ยดินเช่นเดียวกับ นิวทีวี
ว่ากันว่า ปี 2563 ผลกระทบจากโควิด เศรษฐกิจซบเซา นิวทีวีก็น่าจะขาดทุนเพิ่มขึ้นไปอีก จากรอบ 6 ปี (57-62) ที่รายงานกับ กสทช.ไว้ว่าขาดทุนสะสม 2,934.01 ล้านบาท ตัวเลขก็คงพุ่งไปมากกว่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ดีลเซ้งต่อนิวทีวี มูลค่า 800 ล้านนี้ “กลุ่มต้อย สนธิญาณ” ต้องแบกรับภาระขาดทุนสะสมของช่องเกือบๆ 3 พันล้านบาทไปด้วยหรือไม่ อย่างไร ?
ในวงการธุรกิจ ว่ากันว่า พื้นฐานเวลานี้ ธุรกิจทีวีดิจิทัล มืดมน นิวทีวี ยิ่งถือว่ามืดมนในมืดมน ลำพังอาศัยสปอนเซอร์ที่ว่ามา จะล้างขาดทุนสะสมขนาดนี้ แล้วพลิกกลับมามีกำไรได้ในเวลาอันสั้นคงไม่ง่าย แต่ดูๆ จากภาพโปรโมต “ต้อย สนธิญาณ” นั่งแถวหน้า แอ็กชันแบบมาดมั่น มั่นใจเต็มประดา เหมือนๆ จะบอกว่า เงินสปอนเซอร์ 6-7 ราย 800 ล้าน จ่ายกันปีละจิ๊บๆ ราวๆ 100 ล้าน ตกรายละไม่กี่ล้านต่อเดือน บวกกับบารมี “เครือข่ายใหญ่” สปอนเซอร์หลักตัวจริง น่าจะคิดว่า ชิลชิล ไม่ครณา
นี่คงต้องรอฟังจาก สนธิญาณ อีกที และเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไป
ที่แน่ๆ วันนี้ต้องขอแสดงความยินดีกับ ลุงๆ และ สาวกแฟนๆ สลิ่ม ที่สื่อที่ชื่นชอบจะกลับมา
ลุงๆ ก็คงจะดีใจกันยกใหญ่ ที่ “ช่องไอโอใหม่” ได้สถาปนาเกิดขึ้นอีกครา จะได้เชียร์กันยาวไป
ไหนๆ ก็ไหนๆ มาถึงจุดนี้ก็เอากันให้สุดๆ ไปเลยเพ่.
**“น้องธนาธร” ติดสินบนเจ้าหน้าที่ หวังฮุบที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ หลักฐานชัดแต่ยังลอยนวล “วงศ์สกุล” อัยการสูงสุด ต้องชี้แจงทำไมสั่งไม่ฟ้อง !!
ถึงวันนี้ก็ยังเป็นประเด็นร้อนทั้งในโซเชียลฯ นอกโซเชียลฯ... ก็เรื่อง “พี่ชาย” ชูธงปฏิรูปสถาบันฯ แต่ “น้องชาย” จ้องหาประโยชน์จากสถาบันฯ
กรณี “สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นน้องชาย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าคณะก้าวหน้า เข้าไปเกี่ยวข้องในฐานจ่ายเงินใต้โต๊ะ 20 ล้านบาท ให้กับ “จำเลย” 2 คน ซึ่งเป็นคนในของสํานักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ แลกกับการได้สิทธิเช่าที่ดินระยะยาว บริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ย่านชิดลม ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยไม่ผ่านการประมูลแข่งขันตามขั้นตอน
เรื่องนี้ชัดแจ้งด้วยคำพิพากษาของศาลไปแล้ว เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพว่า ได้ทำการปลอมแปลงเอกสารรายละเอียดที่จะให้เอกชนเข้ามาพัฒนาโครงการพัฒนาที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เสนอให้ “สกุลธร” เพื่อแลกกับเงินสินบน 20 ล้านบาทจริง ... ศาลตัดสินว่าเป็นความผิดทุจริตต่อหน้าที่ และปลอมแปลงเอกสารราชการ สั่งจำคุกคนละ 5 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดเหลือจำคุกคนละ 3 ปี ...แต่ “สกุลธร” คนที่ติดสินบนเจ้าหน้าที่กลับลอยนวล !!
สังคมจึงวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง พร้อมตั้งคำถามว่า หน่วยงานใดควรเป็นผู้รับผิดชอบ ?... จะฟ้อง “น้องชายธนาธร” หรือไม่ เพราะคดีนี้ความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว เหตุเพราะ “น้องชายธนาธร” ไปจ่ายเงินใต้โต๊ะ ติดสินบนข้าราชการ เพื่อให้ได้ที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์มาพัฒนา หาประโยชน์ โดยไม่ผ่านกระบวนการประมูล แล้วทำไมคนผิดจึงมีฝ่ายเดียว
วันก่อน “วัชระ เพชรทอง” อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ไปยื่นหนังสือถึง “วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์” อัยการสูงสุด ขอให้ชี้แจงเหตุผล เหตุใดอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จึงไม่ฟ้อง “สกุลธร” และยังตามบี้ไป ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นหนังสือถึง “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อสอบถามว่าพนักงานสอบสวนทำสำนวนคดีกันอย่างไร เหตุใดถึงสั่งไม่ฟ้อง “สกุลธร”...แต่ก็ยังเงียบ !!
ล่าสุด “ส.ว.สมชาย แสวงการ” ประธาน กมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้ออกมากระทุ้งอีกรอบว่า ในทางกฎหมายแล้ว “สกุลธร” ในฐานะที่ถูกโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับจ่ายสินบน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กลับฟ้องเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ เพียงแค่ 2 คน แล้วอัยการปล่อยผ่านไปได้อย่างไร ซึ่งทาง กมธ. ได้มีการหารือถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเบื้องต้นได้ให้อัยการทำหนังสือชี้แจงการพิจารณาคดีนี้ ว่าเหตุใดไม่สั่งฟ้อง “น้องชายธนาธร”
เพราะเรื่องนี้กระทบถึงความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ เมื่อต้นทางคือตำรวจ ทำสำนวนมาไม่รัดกุม อัยการปล่อยผ่าน ไม่ทักท้วง เรื่องก็ถูก “ตัดตอน” ไปไม่ถึงศาล
กรณี “น้องชายธนาธร” นี้ ทำให้สังคมนึกถึงคดี “บอส กระทิงแดง” วรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ...คำถามเดิมจึงยังดังก้องว่า... เพราะ “สกุลธร” ที่ติดสินบนเจ้าหน้าที่เป็นคนรวยใช่หรือไม่ ...คุกมีไว้ขังคนจนใช่หรือไม่...
เรื่องนี้ “วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์” อัยการสูงสุด ควรออกมาตอบข้อข้องใจของสังคม เพราะเบื้องต้นคนทั่วไปคิดแบบ “คอมมอนเซนส์” ว่าต้องผิดทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ให้ และผู้รับ แต่ทำไมคดีนี้ถึงมีคนผิดเพียงฝ่ายเดียว !!