xs
xsm
sm
md
lg

“ม็อบ 3 นิ้ว” เริ่มโหมดคดี อนาคตเปลี่ยนนิรันดร์ !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา


สังเกตหรือไม่ว่าในช่วงเวลานี้จะได้เห็นภาพข่าวของบรรดาบุคคลที่เรียกว่า “แกนนำ” ของผู้ชุมนุมที่เรียกให้เข้าใจว่า “ม็อบสามนิ้ว” กำลังทยอยมารับทราบข้อกล่าวหา หรือรับหมายเรียกเพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวนตามกำหนดเวลา

อย่างที่เห็นก็มีทั้งระดับแกนนำที่เป็นที่รู้จัก เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวห้าวหาญ ฮึกเหิม มาก่อนหน้านี้ บางคนก็ได้รับการอุ้มชู ให้ท้ายจากกลุ่มการเมือง พรรคการเมือง และนักการเมือง ส่วนบางคนก็ยัง “โนเนม” ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก ก็พยายามถีบตัวเองขึ้นมา แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการสะสมคดีอาญาไม่แพ้กัน

หากให้โฟกัสก็ต้องมุ่งไปที่ระดับแกนนำหลักๆ 3-4 คนก่อน ซึ่งในที่นี้ก็ย่อมหมายถึง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นายอานนท์ นำภา น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก เป็นต้น คนพวกนี้กำลังเริ่มเดินเข้าสู่ “โหมดหนัก” ขึ้นเรื่อยๆ โดยเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา สามในสี่ คนดังกล่าว (ยกเว้น นายอานนท์ ที่โดนแจ้งข้อหาไปก่อนหน้านี้) ได้เดินทางไปรับทราบข้อหาตามความผิด มาตรา 112 ที่สถานีตำรวจภูธรนนทบุรี และหลังจากนี้ ก็น่าจะมีการทยอยออกหมายเรียก รวมไปถึงการแจ้งข้อกล่าวตามมาอีกหลายท้องที่ “แบบต่างกรรม ต่างวาระ” ซึ่งบางคนก็ได้รับหมายเรียกจากบางท้องที่ไปบ้างแล้ว

เพราะก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เคยแถลงให้รับทราบกันไปแล้วว่า บรรดาแกนนำเด่นๆ พวกนี้มีคดีอาญาติดตัว ณ เวลานี้มีกว่าร้อยคดี ถือว่า “ทะลุเพดาน” ทำลายประวัติศาสตร์ของบรรดาแกนนำการชุมนุมทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นยุคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อยมาจนถึงกลุ่ม นปช. คนเสื้อแดง ก็เพียงแค่นับสิบคดีเท่านั้น

 แต่เมื่อเล่นเป็น “ร้อยคดี” แบบนี้ มันถือว่า “ไม่ธรรมดา” เพราะหากบอกว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ก็ไม่น่าจะใช่ หรืออีกมุมหนึ่งอาจเป็นเพราะได้รับข้อมูลเฉพาะตัวมาบางอย่าง ทำให้ถึงมีความมั่นใจ และเดินหน้าในลักษณะท้าทายกฎหมายแบบ “ห้าวเป้ง” ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน แกนนำบางคนอย่างเช่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ เคยทำถึงขั้น “ฉีกหมายเรียก” หน้าโรงพักก็ทำมาหลายครั้งแล้ว


นอกจากนี้ ยังมีคำพูดและท่าทีที่เป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์แบบไม่อ้อมค้อม มาอย่างต่อเนื่อง โดยพวกเขาถึงกับ “เคลม” ด้วยความภาคภูมิใจว่า “ชนะแล้ว” หรือ สำเร็จแล้ว เป็นลักษณะเหมือนกับว่าพวกเขาได้ทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน อะไรประมาณนี้

แต่สิ่งที่ตามมาแบบเลี่ยงไม่ได้ ก็คือ “ข้อหาหนัก” เพิ่มเติมเข้ามาอีกเป็นร้อย นั่นคือ ที่กำลังเจอก็คือคดีความผิดเกี่ยวกับคดีอาญา มาตรา 112 ที่มีโทษสูงเป็นสิบปี และเมื่อต่างกรรมต่างวาระ มันก็ต้องบวกเข้าไป

แม้ว่าก่อนหน้านี้ พวกเขาเจอข้อหาความผิดตาม มาตรา 116 ที่ว่าด้วยเรื่องการยุยงปลุกปั่น ซึ่งก็ถือว่าร้ายแรงใช้ได้แล้ว และเมื่อหลายกรรม หลายวาระ ก็อ่วมไม่น้อย แต่เมื่อยังไม่หยุดห้าว ยังเลยเถิดไปในเรื่องกล่าวโจมตีสถาบันฯ แบบรุนแรงและก้าวร้าว มันก็ยิ่งทำให้ฝายรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ผู้รักษาก็กฎหมายย่อมต้องดำเนินการตามหน้าที่ เพราะหากยังวางเฉยเหมือนก่อนหน้านี้ ก็จะถูกประชาชนที่รัก และจงรักภักดีรุมถล่มเละแน่ รวมไปถึงเจอข้อหา “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” เสียเอง

เอาเป็นว่า นับตั้งแต่นาทีนี้บรรดาแกนนำม็อบสามนิ้วทั้งหลาย น่าจะเริ่มเข้าสู่โหมดดำเนินคดีอย่างจริงจังกันแล้ว และหากพิจารณาจากข้อมูลของฝ่ายตำรวจที่เคยแถลงระบุว่า ระดับแกนนำหลักมี “กว่าร้อยคดี” นั่นก็หมายความว่า นับจากนี้ไปพวกเขาก็ต้องเดินไปรับทราบข้อกล่าวหาสลับการรับหมายเรียกที่ส่งไปถึงบ้านแทบจะทุกวัน ซึ่งนี่คือขั้นตอนเริ่มต้น ยังต้องมีขั้นตอนในชั้นอัยการ และสุดท้ายในชั้นศาล ตั้งแต่ศาลชั้นต้นไปจนถึงศาลฎีกา

หากพิจารณาจากตัวเลขจำนวนคดีนับร้อยคดี รับรองว่าหากใจไม่แข็งพอ มันก็อาจ “สติแตก” ได้เหมือนกัน เพราะหากต้องมาลุ้นกันทุกวันว่าจะได้รับการประกันตัวออกมาหรือไม่ รวมไปถึงในชั้นศาลว่าแต่ละคดีต้องมาลุ้นว่าต้องติดคุกสักกี่คดี คิดแล้วก็เหนื่อยแทน แต่อีกมุมหนึ่งสำหรับแกนนำพวกนี้บางคน (ยกเว้น นายอานนท์ ที่เป็นทนายความย่อมรู้กฎหมายดี) อาจยังเป็นวัยรุ่น ยังห้าว ได้รับเสียงปรบมือบนเวทีชุมนุม ก็ยิ่งฮึกเหิม แต่เมื่อฟังจากการเล่าสู่กันฟังของบรรดาแกนนำม็อบในอดีต ล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่สนุก” กับการติดคุก และบรรยากาศการต้องมาลุ้นว่าจะติดคุกหรือไม่ ในศาล

และที่สำคัญเมื่อเวลาผ่านไป “คนมักจะลืม” ไม่มีใครมาห้อมล้อมเหมือนกับในช่วงบรรยากาศการชุมนุมอย่างแน่นอน คนที่เคยรับปากว่าจะ “ไม่ทอดทิ้ง” ถึงเวลานั้นล้วนมีแต่สายลม และน้ำลายสกปรกเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงพวกเขาจะต้องต่อสู้อย่างเดียวดาย

ดังนั้น หากจะให้โฟกัสเฉพาะแกนนำหลักที่เห็นในเวลานี้ ตามข้อมูลของตำรวจที่บอกว่ามีกว่าร้อยคดี มันก็ถือว่า “หนักหนาสาหัส” กับการต้องเดินทางมารับทราบข้อหา การลุ้นประกันตัว และเดินทางไปขึ้นศาลในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งนั่นหมายความว่า อนาคตพวกเขาทุกคนจะ “เปลี่ยนแปลงแบบนิรันดร์” แน่นอน !!



กำลังโหลดความคิดเห็น