อดีตโฆษก ปชป.หนุน “ถาวร” ถลกหนัง “ปิยบุตร“ ฟันธงคิดล้มเจ้าจริง ย้อนแนวคิดห้ามกษัตริย์ตรัสกับ ปชช. ฉะคิดการใหญ่แต่ขี้ขลาดตาขาว ย้ำหลัก กม.กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา คิดร้ายอย่างไรดูที่การกระทำและสันดาน เปรียบดั่งคนกิริยางามแต่สันดานโจร
วันนี้ (27 พ.ย.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเรื่อง “สันดานปิยบุตร กล้าคิด แต่ไม่กล้ายอมรับความจริง” ว่าต้องการล้มสถาบันฯ มีเนื้อหาว่า “ผมเห็นข่าวนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ขู่ว่าสิ่งที่นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ออกมาเปิดโปงเกี่ยวกับแนวคิดล้มสถาบันฯ และชำแหละให้เห็นว่าเป็นผู้ชักใยม็อบสามนิ้วนั้น เข้าข่ายหมิ่นประมาท พร้อมแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ ด้วยวาทกรรมเดิมๆ ว่า ไม่คิดล้มล้างต้องการแค่ปฏิรูปสถาบันฯ แถมด้วยการดูหมิ่นดูแคลนคนเห็นต่างว่าเป็นกลุ่มไม่ทันยุคสมัยแล้ว รู้สึกอเน็จอนาถใจที่คนเป็นถึงอาจารย์สอนกฎหมาย กล้าคิดการใหญ่ แต่กลับไม่กล้ารับความจริง ซึ่งมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่านี่คือความขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงเพราะกลัวความผิด จึงใช้วิธีตะแบงไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่วิถีของนักประชาธิปไตย
ผมสนับสนุนการเปิดเผยข้อมูลของรัฐมนตรีถาวร และอยากเห็นนายปิยบุตรที่อ้างว่าถูกหมิ่นประมาท นำเรื่องไปฟ้องเป็นคดีต่อศาลจะได้มีการพิสูจน์ความจริง เปิดให้เห็นไส้ที่ซ่อนไว้ทุกขด ดูกันให้หมดจดว่ามีสิ่งไหนที่ซุกไว้บ้าง เพราะคนที่ติดตามการเคลื่อนไหวของนายปิยบุตรย่อมต่อจิ๊กซอว์ได้อย่างชัดเจนว่านายปิยบุตรไม่ได้แค่อยากปฏิรูป แต่ไปไกลถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์คิดล้มล้างสถาบันฯ เริ่มตั้งแต่มีข้อเสนอให้ยกเลิกมาตรา 112 และห้ามกษัตริย์ตรัสกับประชาชน จนเปลี่ยนเด็กเมื่อวานซืนใต้เงา วรเจตน์ ภาคีรัตน์ เมื่อปี 2555 ไต่ระดับตัวเองมาถึงวันนี้ ยังไม่รวมพฤติกรรมหลายอย่างที่ล้วนสอดรับกับแนวคิดล้มล้างสถาบันทั้งสิ้น เช่น การไปพูดหรือไปบรรยายว่า สถาบันพระมหากษัตริย์มีความเป็นทรราชในตัวเอง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดของคนที่ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ จนนำไปสู่ความเกลียดชังได้ในที่สุด นำเอาเรื่องปฏิวัติฝรั่งเศส มาหลอกล่อเยาวชนให้หลงคล้อยตาม ซึ่งปลายทางของการปฏิวัติฝรั่งเศส ส่งผลเปลี่ยนแปลงต่อสถาบันกษัตริย์อย่างไร ทุกคนคงทราบอยู่แล้ว พฤติกรรมทั้งหมดทั้งวิธีคิด คำพูด และการกระทำที่ไม่เคยแสดงออกถึงความเคารพต่อสถาบันกษัตริย์ แล้วยังจะแถว่าไม่เคยคิดล้มล้าง ใครเขาจะเชื่อล่ะครับ
ยิ่งถ้าดูวิธีคิดห้ามกษัตริย์ตรัสกับประชาชน ที่นายปิยบุตรเคยเปิดประเด็นไว้นั้น ยิ่งสะท้อนชัดถึงความไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะนอกจากเป็นการละเมิดสิทธิขององค์พระมหากษัตริย์ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งแล้ว ยังลิดรอนสิทธิคนไทยที่รักเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอีกด้วย นายปิยบุตรแนะนำให้ฝ่ายที่เห็นต่างยกกระจกส่องดูตัวเองจะได้รู้สาเหตุที่ทำให้เกิดการชุมนุม ผมก็อยากแนะนำในลักษณะเดียวกันคือให้นายปิยบุตรกับพวก ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเอง แล้วจะพบว่าพฤติกรรมทั้งหมดที่ผ่านมาล้วนแต่ละเมิดกฎหมาย เงาหัวตัวเองกำลังจะหายโดยเงื้อมมือกฎหมายแล้วยังจะไม่รู้ตัว
แต่เอาล่ะอีกไม่นานทุกคดีก็ต้องไปพิสูจน์กันที่ศาล ว่าแท้ที่จริงแล้วมันคือการปฏิรูปหรือปฏิปักษ์ล้มล้างกันแน่ แต่ถ้านายปิยบุตรร้อนใจกับคนที่เปิดโปงและกล่าวหาว่าเป็นการหมิ่นประมาทก็รีบฟ้องเลยครับ คงไม่ใช่เฉพาะรัฐมนตรีช่วยถาวร ผมเชื่อว่าคนไทย 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ก็เชื่ออย่างที่นายถาวรออกมาเปิดโปง เพราะในทางกฎหมายใช้หลักกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา นายปิยบุตรคิดร้ายต่อสถาบันฯ อย่างไรให้ดูที่การกระทำและสันดาน ไม่ใช่คำพูดที่ปากบอกว่าปฏิรูปคือทำให้ดีขึ้น แต่การกระทำกลับย้อนแย้ง เปรียนเปรยดั่งคนกิริยางามแต่สันดานโจร ยังไงก็เป็นโจรอยู่วันยังค่ำครับ” นายเชาว์ระบุทิ้งท้าย