xs
xsm
sm
md
lg

ดรามาหนักมาก #แจงรายจ่ายม็อบด้วยจ้า “ทราย-เฮียบุ๊ง” ท่อน้ำเลี้ยงเป็ด เสียงแข็งไม่แจงแม้แต่บาทเดียว **เมื่อจัด “ยาแรง” ให้ม็อบล้มเจ้า ด้วยมาตรา 112 ก็เริ่มเห็นจุดหมายปลายทางของบรรดาแกนนำ กำลังเดินไปสู่นรก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์






ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ดรามาหนักมาก #แจงรายจ่ายม็อบด้วยจ้า “ทราย-เฮียบุ๊ง” ท่อน้ำเลี้ยงเป็ด เสียงแข็งไม่แจงแม้แต่บาทเดียว

กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลฯ เมื่อมีการตั้งคำถามและติดแฮชแท็ก #แจงรายจ่ายม็อบด้วยจ้า ถึงการรับบริจาคเงินเพื่อเป็นท่อน้ำเลี้ยงของม็อบ 3 นิ้ว หลังจากเหตุการ์ดยิงกันเองในม็อบหลังยุติการชุมนุม บริเวณสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อคืนก่อน

ดรามาฟาดกันนัวในกลุ่มของม็อบ 3 นิ้ว ทำนองว่า เงินที่มีคนโอนเข้ามาบริจาคให้ม็อบนั้น คนที่ดูแลเงินบริจาคหรือ “ท่อน้ำเลี้ยง” เอาไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ขอให้แจกแจงรายละเอียดหน่อยเพื่อความโปร่งใส เท่าที่เห็นมีแต่การจ่ายเงินที่ไร้สาระ เช่น ซื้อเป็ด ซื้อเอเลี่ยนยักษ์ ตัวละสองหมื่นห้า โชว์ในม็อบ แต่กลับไม่ซื้อเซฟตี้ให้การ์ด
แน่นอนว่า ถ้าพูดถึงท่อน้ำเลี้ยงม็อบเด็ก โซเชียลฯ ต่างชี้ไปที่ “ทราย เจริญปุระ” อดีตนักร้อง-นักแสดงที่พรีเซนต์เป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ให้ม็อบ 3 นิ้ว มาตั้งแต่ต้นๆ ร่วมกับ “เฮียบุ๊ง” ปกรณ์ พรชีวางกูร โดยว่ากันว่า ทั้งสองคนมีคนโอนเงิน และแบรนด์สินค้าติดต่อมาให้ Tie-in ในม็อบจำนวนหนึ่ง
พูดง่ายๆ รายรับ-รายจ่าย ของม็อบ “ทราย และเฮียบุ๊ง” จะเป็นคนรู้เรื่องดี แต่ก็ปฏิเสธที่จะแจกแจงรายจ่ายตามที่พวกเดียวกันขอมา โดย ทราย อ้างว่าที่ไม่ชี้แจงเงินบริจาคเนื่องจากมีผู้บริจาคหลายคนไม่ประสงค์ที่จะเปิดเผยชื่อ


ส่วนพร๊อพต่างๆ ที่ตอนนี้ใช้เป็ดยางท่อน้ำเลี้ยงซื้อมา โดยอ้างว่าใช้เพื่อลดความรุนแรงในกรณีเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สลาย เพราะว่าซื้อโล่ เสื้อเกราะไม่ได้ ขณะที่ ยูนิคอร์น ฟลามิงโก เอเลี่ยน “ทราย” ชี้แจงว่ามีคนส่งมาให้ แกนนำเด็กก็เห็นชอบด้วย “รุ้ง” อยากได้ยูนิคอร์น ส่วน “กวิ้น” ก็ชอบฟลามิงโก้ เอเลี่ยนยักษ์ ที่เป็นประเด็นก็ว่ามีคนช่วยส่งมาเพื่อบอกว่าม็อบไม่มีท่อน้ำเลี้ยงต่างชาติ มีแต่ต่างดาว ถือเป็นลูกเล่น
พูดไปพูดมา ท่อน้ำเลี้ยงมีเหตุผลในการใข้เงินบริจาค โดยไม่ได้คิดว่าจะมีคนติดใจเรื่องใช้เงินที่โอนเข้ามาในบัญชีส่วนตัว ไม่อนุญาตให้ จนท.ตรวจสอบที่มา ถ้าแจงรายจ่าย ก็ต้องแจงที่มารายรับทั้งหมดด้วย
แต่ที่สุด ถ้าจะต้องการให้แจงบัญชีงานซัปต่อๆ ไปของม็อบ จะหานักบัญชีมาเปิด และให้เค้าจัดการไปเลย
พอเป็นเรื่องแบบนี้ โซเชียลฯ ฝั่งม็อบ 3 นิ้วเองหลายคนก็งงกับคำชี้แจงของ “ทราย” แต่ก็มีบางคน เช่น “จรรยา วงศ์สุรวัฒน์” หรือ โรซี่ พี่สาวของ “จอห์น-วิญญู” ทวีตข้อความผ่าน @Rosie_Spokedark ปกป้องทรายว่า “เรื่องเงินบริจาคอะไรกันอีกแล้ว? ไม่สบายใจไม่ต้องบริจาคนะ จบ! คนรับบริจาคเค้าไม่ได้มีหน้าที่มาชี้แจงค่าใช้จ่ายให้คุณ เค้าช่วยงานม็อบ ทำกิจกรรมก็ยุ่งจะตายห่าอยู่แล้วค่ะ นี่คือการออกเงิน “ช่วยกันตามศรัทธา” ไม่ศรัทธาไม่ต้องให้ ให้เงินไม่ได้ทำให้คุณเป็นนายเค้าเว้ย” พร้อมติดแฮชแท็ก #ท่อน้ำเลี้ยง

ทราย เจริญปุระ - ปกรณ์ พรชีวางกูร
ท่าทีของ “ทราย” ก็เป็นเช่นเดียวกับ “เฮียบุ๊ง” หรือ ปกรณ์ พรชีวางกูร ทีมซัปพอร์ตม็อบ ที่ทำงานร่วมกับ ทราย เจริญปุระ ในนาม “ทีมเสกของ” โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่ง ระบุว่า “...ตอนนี้มีสินค้ามาฝากให้กุกับทราย Tie-in ในม็อบเยอะมากๆ แต่พวกกุก็เลือกเอาเฉพาะที่เป็นประโยชน์กับผู้ชุมนุมเท่านั้น แล้วก็พร็อพต่างๆ ในงานเมื่อวานที่เป็นดรามา ว่าพวกกุทำอะไรไร้สาระ กุจะบอกนะว่า ที่กุสั่งกันเข้ามา เช่น เป็ด หรือม้าโพนี่ ไม่ได้เพื่อเอามาวางสวยๆ ไว้ถ่ายรูป แต่กุสั่งของพวกนี้เข้ามาก็เพราะว่ากุมองว่า หากเกิดการปะทะ มีการเขวี้ยงของและฉีดน้ำสารเคมีใส่ผู้ชุมนุม ทุกคนสามารถยกตุ๊กตาสูบลมพวกนี้มาบังหัว บังหน้าได้ การปะทะที่เกียกกาย มันก็ชัดแล้วว่าอุปกรณ์พวกนี้ใช้ได้จริง แต่เมื่อวานแกนนำมันแกง ซึ่งพวกกุก็ไม่รู้ว่าแผนเปลี่ยน แต่ของก็สั่งมาแล้วก็เป่าลมกันขำๆ วางไว้ให้คนถ่ายรูปเล่น
ส่วนดราม่า ให้แจงเรื่องเงิน…กุกับทราย ขอตอบเลยว่า…ไม่แจง และจะไม่แจงแม้แต่บาทเดียว กุจะเอาไปทำไรก็เรื่องของพวกกุ ใครมีปัญหาเรื่องนี้ นั่นคือเรื่องของมึง ไม่ใช่เรื่องของกุ”
ขณะที่ “FreeYOUTH” บอกว่า ไม่เคยเปิดรับบริจาคอย่างเป็นทางการ เพียงขายสินค้า เพื่อใช้เป็นทุนในการดำเนินงานระยะยาว โพสต์ที่เคยลงรับบริจาคเป็นของคณะราษฎร ซึ่งเราไม่ได้ดูแลเรื่องนี้เพียงช่วย PR ดอกไม้ ลูกโป่งชุดมาสคอตไม่ได้มาจากเราแต่มาจากที่อื่นๆ
งานนี้ ดรามาสาวไส้กันสนุก เสร็จม็อบเมื่อไร ไม่ใช่แค่แจงเงินบริจาค เชื่อว่าคำว่า “สู้แล้วรวย” จะตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนเป็นใครบ้างในกลุ่ม #ท่อน้ำเลี้ยง ม็อบ 3 นิ้ว ก็รอเช็กบิลกันเอาเอง!!



** เมื่อจัด “ยาแรง” ให้ม็อบล้มเจ้า ด้วยมาตรา 112 โทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี ก็เริ่มเห็นจุดหมายปลายทางของบรรดาแกนนำแล้วว่า กำลังเดินไปสู่นรก

อานนท์ นำภา - พริษฐ์ ชิวารักษ์
การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มนักเรียน นิสิตนักศึกษา ในช่วงเริ่มต้นในนาม “เยาวชนปลดแอก” ให้รัฐบาลหยุดคุกคามประชาชน แก้รัฐธรรมนูญ นายกฯลาออก ...เป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยที่ดูเป็นความงดงามของ “พลังบริสุทธิ์”
แต่หลังจากการชุมนุมที่ลานพญานาค ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ในชื่อ “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” มีการปราศรัยที่หมิ่นเหม่ รุนแรง และยังมีข้อเสนอ10 ข้อ ที่จะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งแต่ละข้อนั้นรุนแรงชนิดที่แม้แต่สื่อยังไม่กล้านำเสนอในรายละเอียด ด้วยเกรงว่าจะเข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 ... ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และมองว่าการชุมนุมของคนกลุ่มนี้เป็น “ปฏิปักษ์” ต่อสถาบันฯ
หลังจากนั้น การชุมนุมก็มีการ “ยกระดับ” ความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการปราศรัย การโพสต์ข้อความในโซเชียลฯ เปลี่ยนชื่อการชุมนุม การเลือกสถานที่จัดชุมนุม และการจัดกิจกรรมในระหว่างที่ชุมนุม...ไม่ว่าจะเป็นการ “ปักหมุดคณะราษฎร” ที่สนามหลวง... ขวางขบวนเสด็จที่หน้าทำเนียบฯ ...บุกไปที่สถานทูตเยอรมนี เรียกร้องให้รัฐบาลเยอรมนี ตรวจสอบการใช้พระราชอำนาจในขณะที่ประทับอยู่ประเทศเยอรมนี ...การจัดกิจกรรมส่งจดหมาย “ถวายฎีกา” ...การชุมนุมที่หน้ารัฐสภา กดดันให้มีการรับร่างแก้ไข รธน.“ฉบับไอลอว์” ที่จะมีการแก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์ ตามข้อเสนอ 10 ข้อที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านั้น
การชุมนุมบ่งบอกเจตนาชัดว่ามีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่การ “ล้มเจ้า” !! จนกลุ่มที่เทิดทูน จงรักภักดีต่อสถาบันฯ ต้องออกมาใส่ “เสื้อเหลือง” แสดงพลังปกป้อง ทั้งในกรุงและต่างจังหวัด พร้อมกับเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีโดยเฉียบขาดกับบรรดาแกนนำ
แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่เคยแจ้งความดำเนินคดีตาม มาตรา 112 ... จะมีก็เพียงแจ้งข้อหา ความผิดตามมาตรา116 ยุยง ปลุกปั่น ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ก่อความไม่สงบ ...ผิดกฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ผิดกฎหมายจราจร เครื่องขยายเสียง การรักษาความสะอาด
นั่นเป็นเพราะ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เคยบอกว่า... มาตรา 112 ไม่ได้ใช้เลย เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงพระเมตตา ไม่ให้ใช้ นี่คือสิ่งที่ท่านทรงทำให้แล้ว แล้วคุณก็ละเมิดกันไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้ หมายความว่า ยังไง ต้องการอะไรกัน...
การออกมา “ปราม” ของ พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนเป็นการยั่วยุ ให้บรรดาแกนนำแสดงออกหนักข้อขึ้น ทั้งการโพสต์ข้อความในโซเชียลฯ ...การชุมนุมที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สาดสี พ่นสีด้วยข้อความจาบจ้วง หยาบคาย ที่ป้ายรถเมล์ และกำแพงวัดปทุมวนาราม แถมยังประกาศนัดชุมนุมที่หน้า “สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์” ในวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ก่อนจะเปลี่ยนสถานที่เป็นหน้าสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่แยกรัชโยธิน
ทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ต้องออกแถลงการณ์กำชับเจ้าหน้าที่ให้ใช้กฎหมาย ทุกฉบับ ทุกมาตรา กับผู้ชุมนุมที่ละเมิดกฎหมาย ...นั่นคือเป็นการส่งสัญญาณว่าต้องใช้ “ยาแรง” มาตรา 112 “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี”
... นั่นจึงเป็นที่มาของการแจ้งข้อหา 12 แกนนำม็อบ ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งบรรดาแกนนำคนสำคัญ ก็โดนกันไปคนละหลายคดี อย่างเช่น “เพนกวิน” พริษฐ ชิวารักษ์ 8 คดี “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล 6 คดี “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก 4 คดี อานนท์ นำภา 4 คดี “มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล 3 คดี ...และคนอื่นๆ อีกคนละคดี สองคดี

สุลักษณ์ ศิวรักษ์
ทำให้แกนนำม็อบต้อง “แก้เกม” ด้วยการไปลากเอา “ส.ศิวรักษ์” สุลักษณ์ ศิวรักษ์ มาปรากฏตัว ที่หน้าสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมปราศรัยพุ่งเป้าไปที่ การใช้มาตรา 112 ว่า ... พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ มีพระราชกระแสว่า ใครนำ “มาตรา 112” มาใช้ เป็นการทำลายพระองค์ท่าน และเป็นการทำให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมโทรม ... นอกจากนี้ ในหลวงองค์ปัจจุบัน ตอนเสวยราชสมบัติ ทรงมีพระราชหัตถ์ ถึงอัยการสูงสุด ประธานศาลฎีกา ให้ยุติ มาตรา 112...แต่ตอนนี้ “พล.อ.ประยุทธ์” กลับเอา มาตรา 112 มาใช้ ถือเป็นการขัดพระราชโองการ เป็นการทำลายล้างสถาบันกษัตริย์ เป็นการรังแกพระเจ้าแผ่นดิน ฉะนั้นประเด็นนี้ ประเด็นเดียวที่เราจะต้องร่วมกันถีบ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปให้พ้นอำนาจรัฐบาลให้ได้
เป็นการพยายามดึงเอา “พล.อ.ประยุทธ์” ให้มาร่วมรับผิดตาม มาตรา 112 ด้วย
ล่าสุด “อานนท์ นำภา” โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า ผ่านเฟซบุ๊กว่า ได้รับจดหมาย 2 ฉบับ ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมที่ สน.ชนะสงคราม กรณีชุมนุมเมื่อ19 ก.ย.ตำรวจเขาจะแจ้ง มาตรา 112 เพิ่ม และให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ ปอท. เขาจะแจ้ง มาตรา 112 จากกรณีเขียนจดหมายถึงในหลวง เมื่อวันที่ 8 พ.ย.
พร้อมข้อความลงท้ายอย่างไม่ยี่หระว่า... ชีวิตมันไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องพวกนี้แล้ว ปล่อยวาง และปล่อยผ่าน เหมือนนั่งจิบเบียร์ ฟังเพลงบลูในผับแถวถนนพระอาทิตย์...
เมื่อเจอ “ยาแรง” อย่างมาตรา 112 แม้บรรดาแกนนำหลายคนจะแสดงออกว่าไม่กลัว แต่เชื่อเถอะว่านั่นเป็นอาการของคน “ปากกล้าขาสั่น” ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่มีกระแสข่าวว่า... บรรดาแกนนำเหล่านี้ได้ทำเรื่องขอลี้ภัยไปต่างประเทศกันแล้ว!!
หลังจากนี้ ก็คงต้องจับตากันต่อไปว่า จุดหมายปลายทางของบรรดาแกนนำม็อบเหล่านี้ จะเป็นนรกในประเทศ หรือนรกในต่างประเทศ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น