xs
xsm
sm
md
lg

หมอไม่รับเย็บ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ฟ้อง “บิ๊กตู่” สั่งย้ายฟ้าผ่า ศาลปกครองไม่รับคดี โอกาสกลับตำรวจริบหรี่ต่อไป ** หยุดม็อบชนม็อบ!! นักการเมืองฝั่งรัฐบาลต้องปราม ไม่ใช่ให้ท้าย หรือส่งคนของตัวเองออกมาก่อเรื่อง หวังสร้างผลงานในทางผิดๆ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์







ข่าวปนคน คนปนข่าว

** หยุดม็อบชนม็อบ!! นักการเมืองฝั่งรัฐบาลต้องปราม ไม่ใช่ให้ท้าย หรือส่งคนของตัวเองออกมาก่อเรื่อง หวังสร้างผลงานในทางผิดๆ การชุมนุมของกลุ่ม “คณะราษฎร” ที่นัดหมายรวมพลบ่ายวันนี้ (25 พ.ย.) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนเคลื่อนไปยังสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ย่านเทเวศร์ เขตดุสิต เป็นที่หวั่นเกรงกันว่าจะเกิดเหตุ “ม็อบชนม็อบ” เหมือนที่เคยเกิดที่หน้ารัฐสภา แล้วลุกลามบานปลาย จนนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์

ส่วนใหญ่แล้วเหตุการณ์ปะทะของการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นการปะทะกับเจ้าหน้าที่ หรือมวลชนฝ่ายตรงข้าม จะเริ่มจาก “การ์ด” ที่นอกจากจะมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุมแล้วยังเป็นเสมือน “หน่วยรบแนวหน้า” ในการบุกทะลวง ฝ่าแนวป้องกัน สิ่งกีดขวาง เพื่อไปสู่เป้าหมาย
ช่วงที่ผ่านมา “การ์ดคณะราษฎร” จะมี “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เป็นหัวหน้า โดยมีกลุ่มนักเรียนอาชีวะ และ “การ์ดเสื้อแดง” ซึ่งถือว่าเป็นการ์ดมืออาชีพ มาร่วมทีมแบบไม่เปิดเผยตัว...แต่มักจะใช้ชื่อเรียกรวมๆ ว่า กลุ่ม “การ์ดอาชีวะ” เพื่อให้ภาพออกมาดูว่าพวกเขายังเป็น นักเรียน นักศึกษา
แต่ล่าสุด ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ถนนอักษะ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศจัดตั้ง “การ์ดภาคีเพื่อประชาชน” ที่เป็นการรวมตั้งของการ์ด 10 กลุ่มเพื่อภารกิจนี้ อาทิ การ์ดปลดแอก มวลชนอาสา ราษฎรฝั่งธนฯ ฟันเฟื่องประชาธิปไตย อาชีวะพิทักษ์ประชาชน

ปิยรัฐ จงเทพ - พลาม พรมจำปา
และที่ฮือฮา ก็มี ทีม “บอดี้การ์ด สเปเชี่ยล ฟอร์ส” ซึ่งนำโดย “ครูพลาม” พลาม พรมจำปา อดีตครูฝึกหน่วยรบพิเศษ เข้าร่วม พร้อมประกาศจะเข้ามาทำหน้าที่รวบรวมทีมอาสาสมัครเป็น “การ์ดรบพิเศษ” ให้กับคณะราษฎร
ล่าสุด “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ หัวหน้าการ์ดคณะราษฎร ถูกตำรวจ บก.สส.บช.น. ถือหมายจับความผิดตาม มาตรา 116 ไปรวบตัวได้ที่ ย่านตลาดสนามหลวง 2 ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา เรียบร้อยแล้ว
คราวนี้มาดูของฝ่ายตรงข้ามคณะราษฎรบ้าง...
ที่ผ่านมา กลุ่มเคลื่อนไหวที่มีจุดยืนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างกลุ่มไทยภักดี ของ “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” กลุ่มอดีตพระพุทธะอิสระ กลุ่มหมอเหรียญทอง กลุ่มเชียร์ลุง กระทั่ง กลุ่ม “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ก็ไม่ได้มีการ์ด ที่เป็นลักษณะ “หน่วยรบแนวหน้า” ... แต่ล่าสุด ได้มีการตั้งกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “คณะแผ่นดินสยาม” นำโดย “บัญชา ปานนิวัฒน์-สาธุ อนุโมทามิ และ สุเมธ ตระกูลวุ่นหนู” เพิ่งนัดชุมนุม ที่ถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ตรงข้ามวัดมกุฏกษัตริยาราม ซึ่งไม่ไกลจากสำนักงานทรัพย์สินฯ ไปเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมานี่เอง ...กลุ่มนี้จึงถูกมองว่าเป็นสาย “ฮาร์ดคอร์” ของทางฝั่งนี้
มาทำความรู้จักกับแกนนำ “คณะแผ่นดินสยาม” ว่าเป็นใคร มาจากไหน ?
เริ่มจาก “ป๋าชู วัดเศวต” บัญชา ปานนิวัฒน์ หัวหน้าข่าวอาชญากรรม หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม ประธาน อปพร. เขตคลองสาน ที่ปรึกษาสมาคมศิลปินตลก (ประเทศไทย) คนดังฝั่งธนบุรี มีคอนเนกชันทั้งสายตำรวจ และ สายนักการเมือง

บัญชา ปานนิวัฒน์ - สาธุ อนุโมทามิ
ครั้งหนึ่งช่วงต้นปี 61 มี คนของ “เสี่ยโป้” อภิรักษ์ ชัชอานนท์ เน็ตไอดอลชื่อดัง มาท้าตีท้าต่อยกับลูกน้อง “ป๋าชู” ก่อนที่ “เสี่ยโป้” จะทักมาว่า “น้าเป็นผู้ใหญ่อะไรให้เด็กจูงจมูก” ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน และว่าแล้วแต่น้าเลย จะเอาไงกับผมก็ได้...งานนี้ “ป๋าชู” ต่อสายไปยัง “วัน อยู่บำรุง” ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เจ้าของสโลแกน “ใจถึงพึ่งได้” เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง สุดท้าย “เสี่ยโป้” ต้องกราบขอโทษผ่านทางเฟซบุ๊ก อ้างว่ามีมือที่สาม ทำให้เข้าใจผิดกัน ...ถือว่าสงบศึกกันไป
ในทางการเมือง “ป๋าชู” เคยเคลื่อนไหวในนาม “กลุ่มคนฝั่งธนรักสันติ” ต่อต้านกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 19 ม.ค. และเคยมอบกุหลาบขาว และยื่นหนังสือให้กำลังใจทหาร ที่กองทัพบก เมื่อ ก.พ. 62
คนต่อมา “สาธุ อนุโมนามิ” ชื่อเดิมคือ “วิโรจน์ พูลสุข” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งเรื่องการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุชุมชน และเคยร่วมผลักดันให้บรรจุคำว่า “พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ” ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550...“สาธุ” มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ “พ่อมดดำ” นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ถึงกับเคยจดจอง จัดตั้ง “พรรคพลังไทยดี” ไว้รองรับยามฉุกละหุก โดยตัวเขารั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งล่าสุดในปี 62 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง

สุเมธ ตระกูลวุ่นหนู
ส่วน “สุเมธ ตระกูลวุ่นหนู” หรือ “เม่น” อดีตการ์ดกลุ่มนักรบองค์ดำ สมาชิกกลุ่มซีลราชสิทธิ์ และ อดีตหัวหน้าการ์ด กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ ปัจจุบันเป็นแกนนำ ศูนย์กลางประสานงานนักศึกษา อาชีวะ ประชาชน ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ (ศอปส.)
จะเห็นได้ว่า แกนนำของ “คณะแผ่นดินสยาม” ล้วนเป็น “เด็กนักการเมือง” ของฝ่ายรัฐบาล!! และคงจะมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากมองว่าเป็นกลุ่มจัดตั้งของนักการเมือง ที่พร้อมจะปะทะกับกลุ่มคณะราษฎร ...
อันที่จริงในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ แทนที่นักการเมืองจะคอยห้ามปราม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง เสียเลือดเสียเนื้อ แต่กลับให้ท้าย ส่งคนของตัวเองออกมา “หาเรื่อง” หวังจะสร้างผลงานให้ผู้หลักผู้ใหญ่ได้เห็น ในแบบที่ผิดๆ
เรื่องนี้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ถึงกับออกมายืนยันว่า จะไม่มีการจัด “ม็อบชนม็อบ” เด็ดขาด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแล ใช้กฎหมาย และจะไม่มีการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม
เมื่อ “บิ๊กป้อม” ส่งสัญญาณมาแบบนี้ บรรดานักการเมือง “เฮ้าเลี่ยน” ทั้งหลายก็ควรจะดูแลเด็กๆ ของตัวเองไว้บ้าง อย่าให้ออกมาก่อเรื่องจนลุกลาม บานปลาย !!



** หมอไม่รับเย็บ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ฟ้อง “บิ๊กตู่” สั่งย้ายฟ้าผ่า ศาลปกครองไม่รับคดี โอกาสกลับตำรวจริบหรี่ต่อไป

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล
เรื่อง “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตนายตำรวจใหญ่ในตำนาน “ลูกเลิฟ” ของเครือข่ายใหญ่ พยายามจะกลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้ง หลังถูกคำสั่งเด้งฟ้าผ่าเปรี้ยง จาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สมัยนั้นใช้อำนาจ “ม.44” สั่งปลดพ้นจากตำรวจ กลายเป็น “ข้าราชการพลเรือนสามัญ” เข้ามา “ตบยุง” ในตำแหน่ง “ที่ปรึกษาพิเศษ” ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 นั้น
หลังจากหายเงียบจากวงการ ไปพักเลียบาดแผล “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ก็ก็ออกมาเคลื่อนไหวเป็นข่าวตามสื่ออีกครั้ง ด้วยการตระเวนทำบุญ ตามด้วยเข้าพิธีสะเดาะเคราะห์ ขอพรให้กลับมาเป็นตำรวจอย่างยิ่งใหญ่ และต่อด้วยการ ยื่นฟ้อง “ลุงตู่” ออกคำสั่งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ต่อศาลปกครอง เมื่อ 22 ก.ย. ไม่นานมานี้
มาวันนี้ (24 พ.ย.) ศาลปกครองกลาง มีคำสั่ง “ไม่รับคำฟ้อง” ไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากศาลเห็นว่า “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” มีหนังสือลงวันที่ 20 ส.ค. 63 ถึงนายกรัฐมนตรี และปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณา และมีคำสั่งให้เขากลับไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในสังกัดเดิม คือ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ซึ่งนายกรัฐมนตรี ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ต้องพิจารณาหนังสือของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 18 พ.ย. 63 หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยังไม่ทราบผลการพิจารณา จึงจะถือได้ว่าเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน หรือเสียหายจากนายกรัฐมนตรี และปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ดังนั้น เมื่อ นายกรัฐมนตรี และ ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาให้ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” ทราบ และหนังสือของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี และปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ยังไม่พ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่นายกรัฐมนตรี และปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ได้รับหนังสือของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ การที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 63 จึงไม่อาจถือได้ว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องนายกรัฐมนตรี และ ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีต่อศาล ศาลจึงไม่อาจรับคำฟ้องของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไว้พิจารณาได้
งานนี้ถือว่า “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” หน้าแหกหมอไม่รับเย็บ เจ็บกระดองใจไปตามระเบียบ โอกาสที่จะกลับมาเป็นตำรวจอย่างยิ่งใหญ่ ก็รออย่างริบหรี่ต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น