“ก้าวไกล” แถลงการณ์ 4 ข้อ จี้ “บิ๊กตู่” ลาออก-ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พรรคร่วม รบ.ถอนตัว-เปิดประชุมวิสามัญ “โรม” ชี้ม็อบแค่แรงทางความคิด ด้าน “วิโรจน์” แนะ “ประยุทธ์ 57” นั่งไทม์แมชีนมาเตือน “ประยุทธ์ 63” ให้เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปัดอยู่เบื้องหลังม็อบ อัดพรรคร่วมรัฐบาล ล้าหลังเลิกดูละครน้ำเน่า หันมาดูซีรีส์เกาหลี
วันนี้ (20 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล ถึงข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อสถานการณ์การชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในปัจจุบัน
โดย น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม อ่านแถลงการณ์ว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา ได้เกิดการชุมนุมประท้วงของประชาชนจำนวนมากที่ไม่พอใจต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 ที่มีการตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อยื้อเวลาในการลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกไปอีก 30 วัน และปัจจุบันก็ยังได้ขยายเวลาของคณะกรรมาธิการนี้ออกไปอีก ประชาชนจึงทราบโดยสิ้นข้อสงสัยแล้วว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่มุ่งสืบทอดอำนาจจากเผด็จการโดยใช้รัฐธรรมนูญ 60 ส.ว.250 คน และองค์กรอิสระที่มาจากกลไกการแต่งตั้งของ คสช.เป็นเครื่องมือในการค้ำจุนอำนาจของตน เพื่อให้ตนและพวกสามารถครอบงำและปกครองประเทศเอาไว้เพื่อประโยชน์ส่วนตนโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
เมื่อเกิดการประท้วงต่อต้านโดยประชาชน แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะสำนึกว่าตนเองกำลังหลงใหลมัวเมาในอำนาจ เสพติดความเป็นเผด็จการ และกำลังกระทำให้นิติรัฐของประเทศพังทลายลง กลับไม่เคยสำนึกผิดอะไรเลย หนำซ้ำยังใช้ความรุนแรงที่ขัดต่อหลักสากล ในการสลายการชุมนุมของประชาชน และยังลุแก่อำนาจ ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อย่างขาดสติ ใช้กฎหมายในการคุกคามประชาชนไม่จบไม่สิ้น ประกอบกับความไร้ประสิทธิภาพ และการไม่ใส่ใจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จนทำให้ปากท้องของประชาชน เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า สิ้นหวัง มองไม่ให้เห็นอนาคตของประเทศ
ณ บัดนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้หมดความชอบธรรมในการบริหารราชแผ่นดินแล้ว พรรคก้าวไกล จึงขอเสนอข้อเรียกร้อง ที่เป็นทางออกของประเทศชาติบ้านเมือง เพื่อยุติความเสียหายทางสังคม และเศรษฐกิจของประเทศไปมากกว่านี้ ดังนี้ 1. พล.อ.ประยุทธ์ต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และปล่อยประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยทันที 2. พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภายหลังจากยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 3. พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต้องถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยไม่อยู่ภายใต้การครอบงำของวุฒิสภา และ 4. ต้องมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อให้รัฐสภาพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีสาระสำคัญ คือ การตั้ง ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชน ยุติอำนาจของวุฒิสภา ในการเลือกนายกรัฐมนตรี และลงมติกฎหมายปฏิรูปประเทศ รวมถึงการออกแบบระบบการเลือกตั้งที่สะท้อนถึงความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลหยิบยกเอาประเด็นในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ มาใช้สร้างสถานการณ์ ยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความเกลียดชังในหมู่ประชาชน เพื่อให้รัฐบาลนำมาใช้เป็นเหตุในการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้เห็นต่างทางการเมือง ชาติ คือ ประชาชน
ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวความเป็นไปได้ของช่องทางกฎหมายที่จะให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุติการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงว่า ต้องยอมรับว่าตัวกฎหมายนี้เป็นกฎหมายพิเศษที่ให้อำนาจฝ่ายบริหาร และเป็นกฎหมายที่ตัดเรื่องการตรวจสอบของศาลปกครอง ทั้งนี้ ในอดีตเคยมีกรณีที่ศาลแพ่งให้ความคุ้มครองม็อบกลุ่มหนึ่งซึ่งดูเสมือนว่าศาลสามารถเข้ามาดูได้ แต่ปัญหาทางกฎหมายไม่สามารถตอบได้ว่ากรณีแบบนี้ถ้าจะลองยื่นไปจะสามารถทำได้หรือไม่ ต้องยอมรับว่าม็อบสมัยนั้นกับม็อบสมัยนี้ไม่เหมือนกัน เพราะมีสาระบางอย่างที่มีความแตกต่างกันอยู่ แต่คิดว่าการจะทดลองใช้กลไกของศาลเพื่อเข้าไปดูการใช้อำนาจตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินถูกต้องหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าก็น่าลองดู อย่างน้อยเป็นโอกาสที่ดีจะได้มีการประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้ในระดับหนึ่ง
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในสถานการณ์ปัจจุบันต้องยอมรับว่าในความเป็นจริงไม่มี หากไปดูจุดประสงค์ของกฎหมายฉบับนี้ ต้องเข้าข่ายกรณีก่อการร้าย มีภัยสงคราม เป็นเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่ความเสียหายต่อการทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชนจำนวน กรณีเช่นนี้จึงจะสามาระประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงได้ แต่รัฐบาลนี้อ้างถึงการชุมชนทางการเมืองว่ามีความรุนแรง ซึ่งเป็นความรุนแรงทางความคิด ไม่ได้เป็นความรุนแรงทางกายภาพ ซึ่งเป็นความคิดเรียกร้องต่อการปฏิรูปสถาบันต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลจะตอบสนองได้หรือไม่ได้ ก็ควรจะใช้หนทางของการเจรจรา การไปใช้กฎหมายพิเศษเพื่อจัดการกับการชุมนุม ท้ายที่สุดจะไม่สร้างทางออกอะไรเลยนอกจากสร้างความขัดแย้ง สร้างความเจ็บปวดไปมากว่าเดิม นอกจากระบวนการทางศาลแล้วถ้ารัฐบาลสำนึกหรือตระหนักเรื่องนี้ได้ รัฐบาลควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนี้ก็จะทำให้ประเทศเดินต่อไปได้ นอกจากนั้น พรรคก้าวไกลได้มีการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย เสนอร่าง พ.ร.บ.ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้ามีการบรรจุวาระและรัฐสภาหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็จะเป็นหนทางหนึ่งที่ให้อำนาจฝ่ายบริหาร แต่จะเพิ่มเติมการตรวจสอบถ่วงดุลโดยสภา เพราะก่อนที่จะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต้องมาขอสภาว่าจะให้ประกาศหรือไม่
ด้านนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.กล่าวว่า ขอเรียกร้องต่างๆ ของพรรคก้าวไกล ถ้า พล.อ.ประยุทธ์มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา มุ่งมั่นติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม และข้อเสนอทางออกของประเทศของพรรคก้าวไกลใกล้เคียงกัน สิ่งที่ทำได้ และตัดสินใจได้ทันทีนั้นคือการลาออกของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ข่าวที่ออกมาระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ตอบหลังจากข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมเรื่องการลาออก แต่ พล.อ.ประยุทธ์กลับไม่ลาออก พร้อมคำถามพวงว่าผิดอะไร นี่คือเครื่องยืนยันว่าเป็นการหลงระเริงในอำนาจกว่า 6 ปีที่ผ่านมา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าสถานการณ์ตอนนี้ตัวเองทำถูกหรือทำผิด มาถึงขนาดนี้ จนประชาชนออกมาเรียกร้องทั่วประเทศโดยไม่มีแกนนำ หรืออุปกรณ์ใดๆ แต่เรียกร้องเพื่อหาทางออกให้ประเทศอย่างเดียว ฉะนั้นคิดว่าควารมจริงใจเท่านั้น ที่จะทำให้ข้อเรียกร้องของพรรคก้าวไกลเป็นจริงได้
ขณะที่นายวิโรจน์กล่าวถึงการปิดกั้นสื่อว่า นี่คือปัญหาของการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ขัดต่อสิทธิเสรีภาพ และกรอบรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดเป็นการเติมฟืนลงในไฟ ตั้งแต่การสลายการชุมนุมที่ขัดต่อหลักสากล แม้รัฐบาลจะยืนยันว่าเป็นไปตามหลักสากล แต่จะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ ต้องดูที่สากลให้การยอมรับหรือไม่ วันนี้พิสูจน์แล้วว่า ยูเอ็นก็ยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลกระทำไม่ถูกต้อง และไม่เป็นที่ยอมรับ ขัดต่อหลักสากลโดยสิ้นเชิง และที่ผ่านมามีพฤติกรรมที่ย้อนแย้งหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการปิดกั้นสื่อ ซึ่งสถานการณ์ปกติในบรรยากาศประชาธิปไตยไม่อาจทำได้ อีกทั้งสมัยก่อนคราวที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ.ก็ได้เคยพูดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสมัยนั้นว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยิ่งจะทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น
“ผมอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อปี 2557 นั่งไทม์แมชีนมาเตือน พล.อ.ประยุทธ์ ปี 2563 ด้วย และอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ในปี 2557 มาเข้าฝัน พล.อ.ประยุทธ์ในปี 2563 เตือนสติเขาให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และสำนึกในโทษานุโทษของตัวเอง ลาออก และคืนสังคม เศรษฐกิจที่เป็นความหวังให้กับประชาชนได้แล้ว” นายวิโรจน์กล่าว
นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลกล่าวหาว่าตนอยู่เบื้องหลังจ้างวาน บงการม็อบ มีการจัดระเบียบตั้งแถวผู้ชุมนุม จึงอยากฝากถึงพรรคร่วมรัฐบาลให้ไปดูตอนเขาซื้อบัตรคอนเสิร์ต แฟนมีตติ้ง หรือซื้อบัตรจับมือ มีการเตรียมร่ม เสื้อกันฝน และเอาเก้าอี้ไปด้วย อย่าล้าหลังกะละมังเต่าถุย อยากให้ไปดูคอนเสิร์ตเกาหลีบ้าง เลิกดูเถอะละครน้ำเน่าตบจูบ มาดูซีรีส์เกาหลีสนุกๆ มาฟังเพลง Say Yes ดีกว่า