รองนายกฯ เผยสถานการณ์พัฒนาไปมาก-หนักขึ้นกว่าเดิม จ่อถก ครม.ขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ไม่ทราบใครดำเนินการเจรจาผู้ชุมนุม แจงต่างจังหวัดไม่จำเป็นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เหตุมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่แล้ว
วันนี้ (19 ต.ค.) เวลา 09.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ว่าทราบว่าหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังหารือ เพราะว่าไม่สามารถทำได้โดยง่ายและเร็ว ขณะนี้กำลังหาช่องทางกันอยู่ เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาสมัยสามัญลงมาแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเวลาประมาณ 10 วันก่อนจะเปิดประชุมสามัญฯ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญสามารถแทรกได้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 และมาตรา 123 ซึ่งก็ไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะเป็นฝ่ายขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเองหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ก็เป็นไปได้ เพราะมาตรา 122 รัฐบาลเป็นคนขอเปิดเอง ส่วนมาตรา 123 นั้นสมาชิกสภาเป็นผู้ลงชื่อขอเปิดจำนวนเกิน 1 ใน 3 ของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ ทั้งนี้ หากจะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญต้องกำหนดทั้งวันเปิดและวันปิดก่อนที่จะเปิดประชุมสมัยสามัญในวันที่ 1 พฤศจิกายน โดยสมาชิกขอเปิด แล้วรัฐบาลเป็นผู้ขอปิด ดังนั้นจะต้องประสานและหารือกันให้ดี แต่ถ้ารัฐบาลเป็นผู้ขอเปิดเสียเองก็จะได้สามารถกำหนดวันปิดได้
เมื่อถามว่า ครม.จะหารือกันในที่ประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ (20 ต.ค.)เลยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ไม่แน่ว่าอาจจะคุยกันวันนี้ก็ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องออกเป็นมติ ครม.” เมื่อถามย้ำว่าจะเรียกประชุม ครม.นัดพิเศษในวันนี้เลยหรือ นายวิษณุกล่าวว่า พรุ่งนี้ก็จะประชุมกันอยู่แล้ว วันนี้คงตามตัวกันไม่ทัน
เมื่อถามว่าระยะเวลาที่เหลืออยู่นี้ยังสามารถเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญได้ทันหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ได้ แต่อยู่ที่ว่าจะขอเปิดกี่วัน และเปิดเพื่อทำอะไร ส่วนระยะเวลาที่จะใช้นั้นตนไม่ทราบ
เมื่อถามว่า ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเห็นว่าควรใช้สภาเป็นช่องทางหาทางออกหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ได้พัฒนาไป โดยจะใช้คำว่ารุนแรงก็ไม่เชิง แต่ก็มากขึ้นและหนักขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น การจะนำเรื่องนี้เข้าไปหารือในสภาน่าจะมีประโยชน์ ซึ่งประโยชน์มีหลายอย่างมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย
เมื่อถามว่า มีเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลมีแนวโน้มจะใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา นายวิษณุกล่าวว่า ขณะนี้กำลังพูดถึงเรื่องเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญกันอยู่
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่ารัฐบาลจะเปิดเวทีพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมโดยตรงเพื่อแก้ปัญหา นายวิษณุกล่าวว่านั่นก็เป็นทางออกทางหนึ่ง แต่ตนไม่ทราบว่าใครกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนจะมีโอกาสใช้แนวทางนี้หรือไม่ ตนก็ตอบไม่ถูก เมื่อถามว่า ความกดดันจากข้อเสนอแนะขณะนี้มาอยู่ที่รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ กล่าวว่า ก็รับทราบเป็นข้อเสนอแนะ
นายวิษณุยังกล่าวถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีการชุมนุมจะมีการประกาศหรือไม่ว่า ยังไม่มีความคิด เมื่อถามว่าจะสามารถควบคุมการชุมนุมได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อย่าลืมว่า พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่ใช้แก้ปัญหาโควิด-19 คุมทั้งประเทศอยู่แล้วซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฉบับดังกล่าวไม่ได้ห้ามชุมนุม และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่อื่น ส่วนที่จะมีการประกาศอะไรเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ