xs
xsm
sm
md
lg

เดือด! “อุ๊” ซัด “ปิยบุตร” ตอแหล! “พุทธะอิสระ” ฉุน “บิ๊กตู่” “บูด” ชี้ “รัฐประหาร” “ม็อบล้มเจ้า” คนไทย 98.9 รับไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ม็อบคณะราษฎร 2563 ยึดราชประสงค์ จากแฟ้ม
เดือดระอุ “อุ๊ หฤทัย” ซัด “ปิยบุตร” “ตอแหล!” “พุทธะอิสระ” ฉุน “บิ๊กตู่” ไม่ได้ดั่งใจ อ่อนแอ “อานนท์” กลัวตาย “รังสิมันต์” ขู่ สตช.- รัฐบาลรับผิดชอบ “บูด” มุกเดิม “รัฐประหาร” โพลชี้คนไทย 98.9% รับไม่ได้ “ม็อบล้มเจ้า”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (15 ต.ค. 63) เฟซบุ๊ก หฤทัย ม่วงบุญศรี ของ “อุ๊” หฤทัย ม่วงบุญศรี โพสต์ข้อความระบุว่า

ภาพ “อุ๊” หฤทัย ม่วงบุญศรี จากแฟ้ม
“ปิยบุตร ตอแหล! เรียกร้องเสรีภาพ เปรียบเทียบเจ้าหน้าที่ในระเบียบเป็นสัตว์ แต่ป้าศรีนวลใช้สิทธิยกมือเห็นต่างจากในสภาฯ ขับเค้าออกจากพรรค ปฏิบัติกับเค้าเหมือนหมูเหมือนหมา แทบไม่เหลือศักดิ์ศรีความเป็น มนุษย์ หน้าด้าน ใจชั่ว เวลามีอำนาจใจคอโคตรอำมหิตกว่าสัตว์นรก

อีกอย่างนะ วาทกรรมโคตรเชย ลอกคำฝรั่งโบราณเก่าๆ หัดคิดเองบ้าง...”

ภาพ อดีตพระพุทธะอิสระ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โพสต์เฟซบุ๊๊กส่วนตัว ว่า

“เราจะคอยดูว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะสามารถล้างบางพวกที่แพร่เชื้อชั่วให้กับคนในชาตินี้ได้หรือไม่

คนชั่วที่ไร้สติบังอาจจาบจ้วงดูหมิ่นถึงขนาดเหิมเกริม ขัดขวางขบวนเสด็จของพระราชินีของประเทศ

อยากฝากบอกคุณประยุทธ์ และคณะรัฐบาลว่า กรุณาลากตัวไอชั่วที่เป็นคนปลูกฝังความคิดชังสถาบันมารับโทษทัณฑ์เสียที

อย่าเอาแต่กลัวเสียภาพลักษณ์และปล่อยให้คนไทยในประเทศต้องทุกข์ร้อนจิตใจ กับการพฤติกรรมชั่วช้า เลวร้าย ของพวกที่คอยทิ่มแทงสถาบันและจิตใจคนไทย

ไหนๆ ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งที ก็ล้างแผ่นดินให้สะอาด อย่าปล่อยให้พวกเนรคุณแผ่นดิน ได้มีที่เหยียบยืน

พวกแกนนำเด็กๆ จะไม่สามารถเหิมเกริมได้ขนาดนี้ หาก นายธนาธร นายปิยบุตร และนางสาวพรรณิการ์ รวมทั้งพวกที่เรียกตนเองว่า คณะนิติราษฎร์ ปลูกชุดความคิดที่ชั่วช้าพวกนี้ ให้แก่พวกเขา

ทำอะไรก็ให้มันจริงจังเสียที อย่าให้คนไทยเขาว่าได้ว่าอ่อนแอ”

ภาพ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จากแฟ้ม
ด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ คณะก้าวหน้า โพสต์ทวิตเตอร์ Piyabutr Saengkanokkul ว่า

“ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างร้ายแรงตอนตี 4 พร้อมกับออกข้อกำหนดตามมาจำนวนมาก เสมือนเป็น
"รัฐประหาร" เพื่อปราบปรามการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน และประชาชน การตัดสินใจใช้อำนาจแบบไม่ใช่ทางออก มีแต่พาบ้านเมืองไปสู่ทางตันและทางแยกชนิดที่ยากจะกลับมาเป็นดังเดิม”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มคณะราษฎร 2563 (หลังถูกจับกุม) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ว่า

“ตำรวจจะบังคับให้ผมขึ้นฮอไปเชียงใหม่ โดยไม่ให้ทนายไปด้วย นี่คือ การละเมิดสิทธิผมและอันตรายกับผมอย่างยิ่ง ล่าสุด มีหน่วยหนุมานกองปราบ พร้อมอาวุธ มาควบคุมตัวผม รอขึ้นฮอ ที่กองบินตำรวจ”

หลัง นายอานนท์ โพสต์ข้อความ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าว ว่า

“การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ได้เป็นใบอนุญาตให้ทำตามอำเภอใจ

การคุมตัวผู้ต้องหา ต้องมีทนายติดตามไปด้วย
ถ้าอานนท์ถูกนำตัวหายไป หรือเป็นอะไรไประหว่างทาง รัฐบาลและตำรวจทั้งองค์กรต้องรับผิดชอบ”

ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก คณะก้าวหน้า-Progressive Movement ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธานคณะก้าวหน้า โพสต์หัวข้อ “[แถลงการณ์คณะก้าวหน้า : รัฐบาลต้องปล่อยตัวผู้ชุมนุม ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันที หยุดก้าวล่วงประชาชน]

เนื้อหาระบุว่า “สืบเนื่องจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ตามด้วยการเข้าสลายการชุมนุมของคณะราษฎร 2563 ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล จับตัวแกนนำและผู้ชุมนุมจำนวนมากในช่วง 4 นาฬิกาเศษที่ผ่านมา

คณะก้าวหน้าขอยืนยันว่า การชุมนุมตลอดวันที่ 14 ตุลาคม เป็นการแสดงออกซึ่งสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) แกนนำและผู้ชุมนุมพยายามใช้ความอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงอยู่ตลอดเวลา พวกเขาแสดงออกอย่างสันติ สงบ เรียกร้องในสิ่งที่ประเทศประชาธิปไตยพึงมี

นอกจากนี้ แกนนำยังพยายามลดความตึงเครียด โดยยอมประกาศพักการชุมนุมไปแล้ว และจะให้มวลชนแยกย้ายกลับบ้านในเวลา 6 นาฬิกาของวันนี้ โดยสถานการณ์การชุมนุมได้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยตลอดคืน

การชุมนุมที่เกิดขึ้น ไม่เข้าเหตุให้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่มีความชอบธรรมและความจำเป็นใดๆ เลย ที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และนำกำลังเข้าสลายการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามวิกาล ซึ่งส่อเจตนาปกปิด ไม่สุจริตใจ ทำให้การใช้กำลังเข้าจัดการกับผู้ชุมนุมตรวจสอบได้ยาก ขัดต่อหลักการสากล

นอกจากนี้ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่เกินขอบเขตกฎหมายปกติอย่างมาก เช่นการตรวจสอบและยับยั้งการใช้เครื่องมือสื่อสาร การควบคุมตัวประชาชนได้ 7 วัน รวมถึงสั่งห้ามชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ซึ่งล้วนละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง
.
คณะก้าวหน้าเรียกร้องให้รัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมทั้งหมด โดยในระหว่างนี้ต้องให้ความเคารพต่อสิทธิของผู้ถูกจับกุม เปิดเผยสถานที่ที่แกนนำและผู้ชุมนุมถูกควบคุมตัวทั้งหมด ให้สิทธิในการติดต่อกับทนายและญาติ

รัฐบาลต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ซึ่งไม่มีความจำเป็นใดๆ นอกจากเอื้อให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจล้นเกินในการจัดการผู้ชุมนุม และเร่งหาวิธีการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของประชาชนโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้น สถานการณ์จะมีแต่ลุกลามบานปลาย ขยายวงการชุมนุมออกไปทั่วประเทศ

และที่สำคัญอย่างยิ่ง รัฐบาลต้องจัดการระงับขบวนการเผยแพร่ข่าวปลอมเพื่อด้อยค่า แพร่มลทินให้กับผู้ชุมนุมโดยด่วน รวมถึงดูแลไม่ให้เกิดการระดมมวลชนมาปะทะกัน ซึ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขปูทางไปสู่การรัฐประหาร

เราขอเตือนผู้มีอำนาจในประเทศนี้ ว่า ประวัติศาสตร์เลือดเดือนตุลาคม ได้พิสูจน์แล้วว่า การใช้กำลังปราบปราม ปิดปากประชาชน ไม่ช่วยให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบ แต่จะยิ่งสร้างความขัดแย้งและแตกแยก การกระทำของผู้มีอำนาจในวันนี้ กำลังผลักประเทศไทยให้เดินทางไปสู่จุดแตกหักอย่างมิอาจหวนคืนได้อีก

คณะก้าวหน้าขอยืนหยัดเคียงข้างประชาชนผู้ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ เราจะติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมทุกคนอย่างถึงที่สุด

โปรดอย่าลืมว่าการชุมนุมครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากประชาชน สื่อมวลชน และรัฐบาลทั่วโลก ความรุนแรงและการใช้กฎหมายอย่างอยุติธรรมใดๆ ที่เกิดกับผู้ชุมนุม รัฐบาลของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องรับผิดชอบ”

ในมุมตรงข้าม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า

ม็อบเจตนาขัดขวางขบวนเสด็จ ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง ต้องจัดการอย่างเฉียบขาดโดยไม่ละเว้น เพราะถือว่า การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการบ่อนทำลายชาติและความสงบสุขของประชาชน”

ส่วน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำม็อบ กปปส.และผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

“เมื่อเห็นคลิปที่ผู้ชุมนุมกระทำต่อขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ขอตัดสินใจทำหน้าที่ประชาชน ผู้จงรักภักดีพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ ขอเชิญชวนพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ เตรียมพร้อมลุกขึ้นปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ร่วมมือกันทุกฝ่ายที่มีอุดมการณ์เดียวกัน”

ภาพ ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนคนไทย ต่อการชุมนุมใหญ่ของ นักศึกษา ประชาชน เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม

โดย ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ความรู้สึกประชาชน กับ ม็อบ 14 ตุลาคม กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,831 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่าง 14-15 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา

พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 88.8 รู้สึกแย่ รับไม่ได้ กับ ม็อบประชาธิปไตย พาคนลงถนน ในขณะที่เพียงร้อยละ 11.2 ไม่รู้สึกแย่เลย

เมื่อถามถึงความรู้สึกประชาชนกับม็อบประชาธิปไตยละเมิดกฎหมาย พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.4 รู้สึกแย่ รับไม่ได้ ในขณะที่เพียงร้อยละ 4.6 ไม่รู้สึกแย่เลย

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.9 รู้สึกแย่ รับไม่ได้ กับ ม็อบประชาธิปไตย หยาบคาย คุกคาม จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน เสาหลักของชาติ ในขณะที่เพียงร้อยละ 1.1 ที่ไม่รู้สึกแย่เลย

รวมทั้งส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.1 รู้สึกแย่ รับไม่ได้ กับ ม็อบประชาธิปไตย ซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตโควิด เพิ่มทุกข์ยากและความเดือดร้อนของประชาชน ในขณะที่ร้อยละ 4.9 ไม่รู้สึกแย่เลย....(ดูรายละเอียดจากรายงานข่าวผ่านสื่อมวลชน)

แน่นอน, นี่คือ สิ่งที่ม็อบเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯจะต้องสำเหนียกให้มาก ถึงความรู้สึกนึกคิดของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่สักแต่อ้างประชาชน อ้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยไม่รู้ว่า ประชาชนและเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่แท้จริงนั้นเขาคิดและมีความเห็นอย่างไร

อย่างนี้ต้องบอกว่า ต้องการหลอกประชาชนโดยใช้โลกเสมือนจริง อย่าง “โซเชียลมีเดีย” เป็นสนามรบ ไม่พอ ยังหลอกตัวเองด้วย เมื่อรบในสนามจริง และยิ่งน่าเศร้าใจเข้าไปใหญ่ ถ้ายังขืนหลอกลูกหลานชาวบ้านออกไปรับเคราะห์แทนอยู่อย่างนี้

พอเถอะ! อย่าดันทุรังอีกเลย เพราะสิ่งที่ประชาชนสะท้อนอีกข้อหนึ่ง ที่นอกจากเหยียบย่ำสถาบันที่พวกเขาเทิดทูน ก็คือ คนส่วนใหญ่ร้อยละ 95.1 รู้สึกแย่ รับไม่ได้ กับ ม็อบประชาธิปไตย ซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตโควิด เพิ่มทุกข์ยากและความเดือดร้อนของประชาชน อย่างนี้จะยังจะมีหน้ามาอ้างว่า ทำเพื่อประชาชน เพื่อประเทศดีขึ้นอีกหรือ แล้วเมื่อไหร่ ประชาชนอยากถาม!?


กำลังโหลดความคิดเห็น