สภานิสิต 3 ม.ดัง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมออกแถลงการณ์ปกป้องกลุ่มคณะราษฎรที่ชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค. ไม่ได้หมิ่นสถาบันฯ หลังยืนชู 3 นิ้ว ระหว่างขบวนเสด็จ ย้ำอย่าบิดเบือนหาเรื่องรัฐประหาร
วันนี้ (15 ต.ค.) สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสภานักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ออกแถลงการณ์ เรื่องการชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม และ สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน โดยหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญคือการที่ขบวนเสด็จฯ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ผ่านบริเวณถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมม็อบปลดแอก ยืนชู 3 นิ้ว จนกลายเป็นที่วิจารณ์ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่ทางสภานิสิตของทั้ง 3 มหาวิทยาลัย กลับมองว่าการกระทำดังกล่าวมิได้กระทำอันใดที่ถือว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ได้ระบุข้อความอธิบายไว้ว่า
“ตามที่ได้มีการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณทำเนียบรัฐบาลและบริเวณใกล้เคียงในวันที่ 13-15 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ และสถานการณ์ดังกล่าวยังคงดำเนินมาอยู่จนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะคลายความตึงเครียดลงนั้น พวกเรา ผู้แทนนิสิตนักศึกษาทั้งสามมหาวิทยาลัย ขอแสดงท่าทีต่อเหตุการณ์ต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. การจับกุมแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ ในวันที่ 13 และ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา แม้ว่าการดำเนินการจับกุมดังกล่าว จะเป็นไปตามหมายจับที่ศาลได้อนุมัติไว้ก่อนหน้า แต่การดำเนินการเกี่ยวกับการจับกุม รวมถึงการพิจารณาการประกันตัวผู้ต้องหานั้น จะต้องเป็นไปโดยธรรม เปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาที่ไม่มีพฤติการณ์หลบหนีหรือพฤติการณ์อื่นๆ ตามมาตรา 108/1 ได้มีสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อต่อสู้คดี และต้องให้ผู้ต้องหานั้นมีสิทธิในการติดต่อทนายความได้ พวกเรา ผู้แทนนิสิตนักศึกษาทั้งสามมหาวิทยาลัย จึงขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ให้ใช้บังคับกฎหมายอย่างเป็นธรรม และไม่ใช้บังคับกฎหมายและดำเนินการจับกุมเพียงเพราะต้องการให้การชุมนุมนั้นยุติลงหรือเพียงเพื่อขัดขวางไม่ให้แกนนำผู้ชุมนุมนั้นได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไป
อนึ่ง พวกเรา ผู้แทนนิสิตนักศึกษาทั้งสามมหาวิทยาลัยได้รับข่าวสารว่า มีนิสิตนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ถูกจับกุมเนื่องในการชุมนุมในวันดังกล่าวด้วย พวกเรา ผู้แทนนิสิตนักศึกษาทั้งสามมหาวิทยาลัย จึงขอเรียกร้องไปยังทางมหาวิทยาลัยประสานงานช่วยเหลือนิสิตดังกล่าวเพื่อให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวฯ โดยพวกเราเชื่อว่า “ไม่มีบุคคลใดต้องถูกจับกุมเพียงเพราะเขามีความเห็นต่าง”
2. การสลายการชุมนุมและการขอคืนพื้นที่เมื่อเย็นวันที่ 13 ตุลาคม และคืนวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา การดำเนินการสลายการชุมนุมและขอคืนพื้นที่นั้นจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้มีการร้องขอต่อศาลแพ่งหรือศาลจังหวัดก่อนตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้ารื้อที่ตั้งของผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม จึงมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการสลายการชุมนุมเมื่อคืนวันที่ 14 ตุลาคมนั้น คาดว่าน่าจะเป็นการสลายการชุมนุมโดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ แต่อย่างไรก็ดี การสลายการชุมนุมนั้นก็คงยังต้องเป็นไปตามหลักสากลและคำนึงถึงการใช้สิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็นสำคัญ และไม่พึงสลายการชุมนุมในช่วงเวลายามวิกาล พวกเรา ผู้แทนนิสิตนักศึกษาทั้งสามมหาวิทยาลัย จึงขอเรียกร้องไปยังผู้บังคับใช้กฎหมาย ให้ใช้บังคับกฎหมายอย่างละมุนละม่อม จากเบาไปหาหนัก เพื่อมิให้เกิดความรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้น
3. กรณีขบวนเสด็จพระราชดำเนินผ่านมาบริเวณที่กลุ่มผู้ชุมนุมปิดทางจราจรอยู่ กรณีนี้ พวกเรา ผู้แทนนิสิตนักศึกษาทั้งสามมหาวิทยาลัย เห็นว่า การชุมนุมในบริเวณดังกล่าว แม้ส่งผลให้ขบวนเสด็จพระราชดำเนินฯ นั้นต้องชะลอตัวลงอยู่บ้าง แต่ก็มิได้เกิดความรุนแรงหรือการกระทำใดอันอาจถือว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ได้แต่อย่างใด ทั้งนี้ พวกเรา ผู้แทนนิสิตนักศึกษาทั้งสามมหาวิทยาลัย เห็นว่า ไม่ควรมีผู้ใดนำเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมานี้ ไปบิดเบือนหรือไปใช้ปลุกระดมมวลชนเพื่อให้เกิดความรุนแรงหรือความกระทบกระทั่งระหว่างกัน เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ความสูญเสียครั้งประวัติศาสตร์ เช่น เหตุการณ์สังหารหมู่ที่ธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ต้องเกิดขึ้นอีก และเพื่อไม่ให้เป็นการเปิดทางไปสู่การรัฐประหารในอนาคต
ทั้งนี้ สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสภานักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้สันติวิธีและการเจรจาในการแก้ไขปัญหา เคารพสิทธิ เสรีภาพและความเห็นต่างทางการเมือง เพื่อระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืนต่อไป"