xs
xsm
sm
md
lg

เอาล่ะสิ! “ไพศาล-อานนท์” ชิงเกม “ขบวนเสด็จฯ” ผ่านม็อบ “หมอวรงค์” ชี้ “ไอโอ-ส.ส.เยอรมัน” ชักศึกเข้าบ้าน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ที่คาดว่าจะเป็นพื้นที่ชุมนุมของม็อบ 14 ตุลา จากแฟ้ม
รุกหนัก! “ลุงไพศาล” มองบวก “ขบวนเสด็จฯ” ผ่านม็อบ 14 ตุลา “น้ำพระทัยกล้าหาญ” ไม่เห็นใครเป็นศัตรู “อานนท์” ปลุกชู 3 นิ้วอ่านกวี “วิสา” เรียกร้อง “หมอวรงค์” จวกพวกปั่นกระแส “ไอโอ-ส.ส.เยอรมัน” ชักศึกเข้าบ้าน

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (10 ต.ค. 63) เฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol ของ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“ใครมีหน้าที่ปกป้องพระบรมเดชานุภาพและถวายพระเกียรติก็ทำไป

ประชาชนผู้จงรักภักดีย่อมทำหน้าที่ของตนเช่นกัน***
ข่าวการเสด็จพระราชดำเนินไปวัดพระแก้ว เพื่อถวายสัญญาบัตรพัดยศแด่พระภิกษุสงฆ์ ในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 และการเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 30-31 ตุลาคม นั้น

ย่อมประจักษ์ชัดแก่คนทั้งหลายว่า พระองค์ท่านมิได้เห็นผู้ใดเป็นศัตรูหรือเป็นที่ชิงชังรังเกียจเลย****

นายไพศาล พืชมงคล จากแฟ้ม
นี่คือ น้ำพระทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณและวีระกล้าหาญยิ่ง

มิได้หวั่นไหวเลยว่า อาจจะมีใครทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ***

ซึ่งจะเป็นเวรกรรมของผู้นั้นเอง โดยเฉพาะก็จะได้ดูใจ พวกหัวหน้าม็อบไม่กี่คนกันสักหน่อย!!!!

ขอจงทรงพระเจริญพระพุทธเจ้าข้า”

ขณะเดียวกัน นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบปลดแอก โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า

“นึกภาพขณะขบวนรถกษัตริย์วิ่งผ่านประชาชนเรือนแสน แสดงออกอย่างอารยะด้วยสันติวิธี ร่วมกันชู 3 นิ้ว และท่องบทกวีของคุณวิสา กึกก้องราชดำเนิน เพื่อเรียกร้องให้สถาบันกษัตริย์ปรับปรุงตัว เป็นสถาบันที่อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ

จะมีพลังขนาดไหน นี่คือ การแสดงออกอย่างสงบ และสันติวิธี ตำรวจมีหน้าที่ในการดูแลการชุมนุมและขบวนรถกษัตริย์ ไม่ให้ผู้ไม่หวังดีมาก่อกวน เจอกัน 14 นาฬิกา 14 ตุลา”

สำหรับ บทกวีของ วิสา หรือ วิสา คัญทัพ คนเสื้อแดงที่ลี้ภัยในต่างประเทศ ซึ่ง อานนท์ เอามาโพสต์ประกอบ ก็คือ บทที่ว่า

“ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาบสูญ

ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป

เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่ ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่

เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”

ภาพ จาก เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“#แท้จริงทวิตเตอร์สีอะไร #ข่าวเช่นนี้สมควรเชื่อหรือไม่ ขบวนการชักศึกเข้าบ้าน น่าสนใจมากที่อยู่ๆ มีสองเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงนี้

1. ทวิตเตอร์อ้างไอโอกองทัพ 926 บัญชี ฝ่ายชังชาติขานรับขยายผลทันที แต่การปั่น #หยุดคุกคามประชาชน ที่มีรายงานบัญชีมาจากต่างประเทศมากถึง 7,928,492 บัญชี กลับไม่สนใจที่จะพูด ทั้งๆ ที่การปั่นครั้งนี้ ส่วนใหญ่มาจากบัญชีทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ถ้าเทียบกับ 926 บัญชี แทบจะเป็นเศษธุลี
ที่สำคัญใน 926 บัญชี ไม่ใช่มีแต่บัญชีกองทัพ แต่ในรายงานยังมีบัญชีชื่อ @WassanaNanuam @VoiceTVOfficial @ThairathNews หรือแม้แต่บัญชี @FWPthailand ซึ่งเป็นบัญชีของ (อดีต) พรรคอนาคตใหม่ รวมอยู่ด้วย

2. การที่ ส.ส.พรรคกรีนเยอรมัน ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีต่างประเทศด้วยข้อมูลผิด เช่น รัฐบาลทหารยุบพรรคอนาคตใหม่หลังการเลือกตั้ง ข้อเท็จจริง : พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบเพราะทำผิดกฎหมายการเงินของพรรคการเมืองโดยคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ

หรือ มีการใช้คำว่ารัฐบาลทหาร เมื่อพูดถึงรัฐบาลไทยทุกคำพูด
ข้อเท็จจริง : หลังการเลือกตั้งไม่ใช่รัฐบาลทหารแล้ว แต่เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

หรือแม้แต่ มีการใช้อำนาจปฏิเสธบุคคลไม่ให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ข้อเท็จจริง : เรื่องดังกล่าวเป็นการเตือนสติบุคคลในราชวงศ์ให้รักษาจุดยืนอยู่เหนือการเมือง และมีความเป็นกลาง แต่ข้อมูลเหล่านี้ก็ถูกนำมาขยายผล บิดเบือนคนไทย ทั้งๆ ที่รู้ว่า ข้อมูลไม่ถูกต้อง

สิ่งที่รัฐบาลและคนไทยต้องตระหนัก คือ เราจะปล่อยให้คนพวกนี้ ร่วมมือกับต่างชาติกระทำกับประเทศแบบนี้อีกนานเท่าไร”

ขณะที่ เฟซบุ๊ก “ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์” ของ นายปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา สังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล เคยมีผลงานเขียนทั้งบทกวีและบทความตามสื่อมวลชนมาระยะหนึ่ง ก่อนจะปักหลักทำงานสอนและวิจัยในวิชาชีพที่ถนัดอย่างจริงจังในปัจจุบัน (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย) โพสต์ข้อความระบุว่า

5 ชาติที่ผู้บริหารทวิตเตอร์ตรวจพบไอโอของรัฐ : “ไทย คิวบา อิหร่าน ซาอุฯ และ รัสเซีย”

สังเกตมั้ยครับ?
1. ประเทศทั้ง 5 ประเทศเหล่านี้ คือ เป้าหมายของ regime change (การสร้างม็อบจัดตั้งไล่รัฐบาล) ของอเมริกาทั้งนั้น ไทยก็ตกเป็นเป้า เพราะไทยเอียงไปทางจีน พอเห็นไทยเอียงไปทางจีน อเมริกาก็อยากได้สนามบินอู่ตะเภา

แม้จะไม่ได้สนามบินอู่ตะเภา แต่ก็ยังได้สถานที่ขยายสถานทูตเพิ่มที่เชียงใหม่ เพิ่มอัตรากำลังคนให้เข้ามาประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น

คณะของรัฐบาลหอยในปัจจุบันนี้ คงภาคภูมิใจมากที่ทำให้อเมริกาขยายเครือข่ายปฏิบัติการในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้น

2. ผู้บริหารทวิตเตอร์ไม่พูดถึงซีไอเอทุ่มเงินควบคุมสื่อ... ของรัฐบาลอเมริกาเลย ชี้นิ้วตำหนิแต่ชาติอื่น แต่ไม่มองดูชาติตัวเอง โดยภาพรวมแล้ว อเมริกาปฏิบัติการไอโอมากกว่าประเทศใดในโลก

ใครอ่านภาษาอังกฤษออก อยากรู้รายละเอียดให้ตนเองฉลาดขึ้น เชิญอ่านครับ
https://www.paulcraigroberts.org/.../the-cia-owns-the-us.../
https://www.globalresearch.ca/the-cia-and-the.../5471956
แค่นี้ก็พอจะมองภาพรวมออกแล้ว ผมถึงพยายามสื่อให้ทุกท่านทราบมาตลอดว่า สื่อตะวันตกล้วนเป็นสื่อโฆษณาชวนเชื่อ ไม่ใช่สื่อโดยวิชาชีพอย่างที่เข้าใจกัน ส่วนสื่อกระแสหลักของไทย ซึ่งผมเรียกว่า เป็นสื่อสากกะเบือไม่ออกดอก ก็เพราะตกเป็นทาสสื่อกระแสหลักตะวันตกอีกที คิดออกนอกกรอบไม่เป็น

ภาพ จากบีบีซี ไทย ที่เฟซบุ๊ก ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นำมาอ้าง
3. ประเทศทั้ง 5 เหล่านี้ ปฏิบัติการไอโอเพื่อรักษาอธิปไตยของตนเองเอาไว้ แต่อเมริกาใช้ไอโอเพื่อยึดครองประเทศอื่น

ถ้าการทำงานไอโอเป็นไปเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติในยุคที่ประเทศชาติกำลังเจอสงครามข่าวสารเช่นนี้

ไม่เพียงแต่ทหารครับ นักวิชาการมหาวิทยาลัยที่ออกมาช่วยวิเคราะห์ข่าว ก็น่าชื่นชมด้วย ยิ่งถ้าลงชื่อจริง นามสกุลจริงได้ ผมคิดว่าน่าชื่นชมมากกว่านักวิชาการที่อยู่กันเงียบๆ ตกเป็นเหยื่อสื่อกระแสหลักไปตามสังคมด้วยครับ”

แน่นอน, สิ่งที่น่าจับตามอง สถานการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นอยู่ในเวลานี้ โดยเฉพาะม็อบ “ปฏิรูปสถาบันฯ” ดูเหมือนไม่อาจสนใจแต่เฉพาะในประเทศไทยโดยลำพังอีกต่อไปได้แล้ว

เพราะอย่าลืม เว็บไซต์ นสพ.The Straits Time ของสิงคโปร์ คนเสนอข่าวเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2563 เรื่อง Pro-democracy Milk Tea Alliance brewing in Asia ว่า ด้วยความเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่จากไทย ไต้หวัน และ ฮ่องกง ในการจับมือเป็น “พันธมิตรต่อต้านเผด็จการอำนาจนิยม” ซึ่งมีชื่อว่า “พันธมิตรชานม (Milk Tea Alliance)”

ข่าวนี้มีการยืนยันในเวลาต่อมา และขานรับจากหลายคนที่เกี่ยวข้องกับม็อบ ไม่ว่า ฮ่องกง ไทย ไต้หวัน สิงคโปร์

คนที่สนับสนุนเรื่องนี้เป็นหลัก ก็คือ โจชัว หว่อง (Joshua Wong) แกนนำม็อบฮ่องกง รวมถึง พริษฐ์ “เพนกวิน” ชีวารักษ์ (Parit “Penguin” Chiwarak) แกนนำม็อบธรรมศาสตร์และการชุมนุม ก็เคยกล่าวว่า การแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยของประเทศต่างๆ ในเอเชีย ทำให้เห็นความสนิทสนมอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น...

นี่คือ สิ่งที่พูดได้ว่า ประมาทพันธมิตรที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะอย่างน้อยที่สุด ต้องยอมรับว่า พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างโดดเดี่ยวแน่นอน และที่ผ่านมา ก็เห็นอยู่แล้วว่ามีการหนุนเสริมกันในเวทีต่างประเทศ

ส่วนพลังสนับสนุน และผู้อยู่เบื้องหลัง ทั้งในไทย และต่างประเทศ ก็แทบไม่ต้องสงสัย ถ้าดูจากโพสต์ของ “หมอวรงค์” และ นายปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ แฉข้อมูลออกมา และไม่นับว่า มีการพูดถึงอยู่หลายครั้งก่อนหน้านี้ ว่า เรื่องนี้มีการแทรกแซงจากต่างประเทศ ทั้งบางคนยังระบุด้วยซ้ำว่า รัฐบาลไทย ก็รู้ดีว่าใครเป็นใคร?

เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้ม็อบ “14 ตุลา” ไม่มีอะไรน่ากลัว และเอาอยู่... แต่การชุมนุมทางการเมืองในไทย ก็จะไม่มีวันจบ เพราะพวกเขาไม่ได้มาเพื่อ “ไล่รัฐบาล” เท่านั้น

ส่วนแท้จริงแล้ว ม็อบต้องการอะไร เชื่อว่า วันนี้ไม่มีอะไรจะปิดบัง หรือ อ้อมค้อมอีกต่อไปแล้ว เพราะม็อบก็บอกเองอยู่แล้วว่า พวกเขาต้องการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างตรงไปตรงมา ความจริงพวกเขาทำได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2563 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เพียงแต่ความชอบธรรม และข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ในทางนิตินัยยังไม่บรรลุผล เท่านั้นเอง

แต่เหนืออื่นใด นี่คือ สิ่งที่คนไทยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะผู้ชุมนุมก็คือ ลูกหลาน คือ คนไทย ที่ชัดเจนว่า ไม่มีใครอยากเห็นคนไทยฆ่ากันเองอีกแล้ว จึงยากที่จะแก้ไขและน่าเศร้า ที่กลุ่มคนหนุนหลัง โดยเฉพาะที่เป็นคนไทย ไม่คิดถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย!


กำลังโหลดความคิดเห็น