ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“บิ๊กแดง”บวชแล้ว วัดเดียวกับ“พระบิ๊กแป๊ะ” ที่บวชไปก่อนหน้า ว่ากันว่า วัดนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ บิ๊กทหาร ตำรวจ เคารพศรัทธา แวะเวียนมากราบไหว้ขอพรกันเป็นประจำ
นับเป็นข่าวฮือฮาเลยทีเดียวเมื่อ “2 บิ๊ก” บวชหลังเกษียณในเวลาไล่เลี่ยกัน ที่วัดเดียวกัน คือ “วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร” เขตบางกอกใหญ่ ฝั่งธนบุรี โดยคนแรกคือ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ซึ่งบวชอย่างเงียบๆ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา... “พระจักรทิพย์” ได้รับฉายาทางธรรมว่า “จินตชโย” แปลว่า “ผู้ชนะจิตใจ”
ส่วน “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองราชเลขาธิการ และอดีต ผบ.ทบ. เพิ่งบวชเมื่อวันที่ 8 ต.ค. โดยมี “อาจารย์อ้อ” ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ ภริยา และ ลูกชาย ลูกสาว พร้อมผู้หลักผู้ใหญ่อย่าง “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด “บิ๊กอุ้ย” พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ “พระจักรทิพย์ จินตชโย” ซึ่งบวชก่อนหน้า รวมทั้งนายทหาร ตำรวจที่ใกล้ชิด ร่วมอนุโมทนาบุญในพิธีด้วย ...“พระอภิรัชต์” ได้รับฉายาทางธรรม ว่า “อภิรัชตโน” แปลว่า ผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง
... “พระอภิรัชต์” เคยปรารภว่า การบวชครั้งนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระบรมราชินี และเนื่องในโอกาสครบรอบวันสวรรคต “ในหลวงรัชกาลที่ ๙” 13 ต.ค.นี้ รวมทั้งเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ บิดา และ “คุณหญิงน้อย” พันเอกหญิง คุณหญิงอรชร คงสมพงษ์ มารดา ผู้ล่วงลับ โดยเป็นนาคในพระบรมราชานุเคราะห์ ซึ่งเดิม “พล.อ.อภิรัชต์” อยากจะบวชอย่างเงียบๆ ไม่ออกสื่อ แต่การเตรียมงานที่วัดทำให้ข่าวรั่วออกมา ...จึงกลายเป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” ไป
สำหรับ “วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร” หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ และสงสัยว่า ทำไมมาบวชที่วัดนี้ ... แต่สำหรับคนฝั่งธนฯ ย่านบางกอกใหญ่ จะรู้จักกันดี ...ที่ตั้งอยู่หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม ตามประวัติเป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาเมื่อ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ได้สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ได้กำหนดเขตพระราชฐานขึ้น วัดหงส์รัตนาราม จึงเป็นวัดที่อยู่ติดกับพระบรมราชวัง
ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ คือ “พระแสน” พระพุทธรูปศิลปะล้านช้าง ปางมารวิชัย หล่อสำริด ขนาดหน้าตักกว้าง 25.5 นิ้ว ... ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำโบราณ “หลวงพ่อสุข” เดิมทีเป็นพระหุ้มปูน ประดิษฐานอยู่ในวิหาร ที่ชำรุดทรุดโทรมจนคนเรียกว่า “วิหารร้าง” ...ต่อมาบังเอิญเกิดรอยกะเทาะของปูนหุ้มที่พระอุระหลุดออก เห็นเนื้อในเป็นทองสีสุกปลั่ง เมื่อกะเทาะปูนออกจึงเห็นเป็นพระพุทธรูปทองคำทั้งองค์ ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “หลวงพ่อทองคำวัดหงส์”
ในบริเวณวัดยังมี “สระน้ำมนต์” ขนาดใหญ่ ซึ่งว่ากันว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงโปรดที่จะสรงน้ำในสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกครั้งที่มีพระราชพิธีสำคัญ โดยเฉพาะก่อนจะทรงเสด็จออกรบ ....ปัจจุบันทางวัดได้ก่อสร้างตกแต่งบริเวณสระน้ำมนต์อย่างสวยงาม และมีความเชื่อต่อๆ กันมาว่า น้ำมนต์ในสระ ด้านทิศตะวันออก ดีทางเมตตา มหานิยม ...ทิศใต้ ดีทางมหาลาภ ... ทิศเหนือ ดีทางบำบัดทุกข์โรคภัย ไข้เจ็บ และทิศตะวันตก ดีทางแคล้วคลาด
นอกจากนี้ “วัดหงส์รัตนาราม” ยังเป็นที่ตั้งของ “ศาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช” ซึ่งตามตำนานเล่าขานว่า เป็นศาลพระเจ้าตากแห่งแรกในประเทศไทย สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่เคารพสักการะ
เหล่านี้คือ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ในวัดหงส์รัตนาราม ที่คนในย่านนั้นมักแวะเวียนมากราบไหว้ขอพร รวมทั้งนายทหาร นายตำรวจ ก็ให้ความเคารพศรัทธา ... อย่างเช่น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็เคยมาประกอบพิธีทางศาสนา และสักการะศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มาทำพิธีที่ “สระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์” ... “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์” ประธานองคมนตรี และอดีต ผบ.ทบ. และ “พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์” อดีต ผบ.ทร. ก็เคยมาบวชที่วัดนี้หลังเกษียณ ...
หลังจากการบวชของ “หลวงพี่แป๊ะ” และ “หลวงพี่แดง” คงทำให้เรื่องราวของ “วัดหงส์รัตนาราม” เป็นที่สนใจของประชาชนมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเป็นที่จับตาด้วยว่า หลังการลาสิกขาบทแล้ว เส้นทางชีวิตของ “2 บิ๊กศิษย์วัดหงส์รัตนาราม” ในอนาคตจะดำเนินไปอย่างไร...สำหรับ “บิ๊กแป๊ะ” ถูกจับตาในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่กำลังจะมีขึ้นในไม่ช้านี้ ส่วน “บิ๊กแดง” ก็ได้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท เป็นรองเลขาธิการสำนักพระราชวังอยู่แล้ว
โอกาสนี้ “ข่าวปนคนฯ” ก็ขอร่วมอนุโมทนาบุญ กับทั้ง “พระแป๊ะและพระแดง” ในการบวชครั้งนี้ด้วย...สาธุ
**เอฟเฟกต์กราบสะท้านแผ่นดิน มวลชนเสื้อแดงยูเทิร์น ขยับปกป้องสถาบันฯ...ไม่ร่วมม็อบคณะราษฎร 14 ตุลาฯ
ปรากฏการณ์ “กราบสะท้านแผ่นดิน” จากกรณี “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร พร้อมด้วย ลูกๆ ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทูลเกล้าถวายรถพยาบาลสำหรับผู้ป่วยหลอดเลือดสมองเพื่อมอบแก่โรงพยาบาลศิริราช เนื่องในวันมหิดล เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา โดย “คุณหญิงอ้อและครอบครัว” ในชุดแต่งกายสีเหลือง ก้มกราบและถ่ายภาพกับพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งภาพดังกล่าวถูกพูดถึง และวิเคราะห์กันอย่างกว้างขวาง โดยเชื่อกันว่า เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจน ถึงเครือข่ายของ “ทักษิณ ชินวัตร” ให้ต้องปรับเปลี่ยนท่าที ดังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ “พรรคเพื่อไทย” เกิดขึ้นไปแล้ว
มาวันนี้ก็ต้องบอกว่าปรากฏการณ์หญิงอ้อ ก็คงยังมี “อาฟเตอร์ช็อก” สะท้านสะเทือนต่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง และของมวลชนคนเสื้อแดง โดยท่ามกลางม็อบที่คุกรุ่น ฮึ่มๆ จะก่อตัวกันในวันที่ “14 ตุลา” ฟังว่า มวลชนคนเสื้อแดง ซึ่งเคยเป็นกำลังหลักสนับสนุนม็อบธรรมศาสตร์และการชุมนุม ซึ่งนำโดย “เพนกวิน-รุ้ง” เมื่อ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา กำลังเปลี่ยนท่าทีชัด จากเคยร่วมกระบวนการประท้วงมุ่งเป้าสถาบันฯ สนับสนุนข้อเรียกร้อง ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯ 10 ข้อ จะพลิกผันยูเทิร์น มาสู่การปกป้องสถาบันฯ
เรื่องนี้ “อานนท์ แสนน่าน” ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย “นิตยา นาโล” อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน “องอาจ วิเศษ” ประธานเครือข่ายภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่นไทย ร่วมประชุมกับอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน ทั้ง 20 จังหวัด เมื่อวันพุธ (7 ต.ค.) ทื่ผ่านมา เห็นร่วมกันว่า... หมู่บ้านเสื้อแดงจะผลักดันและขับเคลื่อน “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่เป็นแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ที่พระราชทานมานานกว่า 40 ปี และขอยืนยันว่า “กลุ่มอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง” และสมาชิกคนเสื้อแดงภาคอีสาน จะขอปกป้องสถาบันฯ และไม่เคยคิดจะเข้าร่วมชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 แต่อย่างใด
ประธานหมู่บ้านเสื้อแดง ระบุด้วยว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประกอบสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตามประเพณีการปกครองของไทย ประชาชนทุกคนจึงถือเป็นหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในอันที่จะเชิดชูสถาบันนี้ ไว้ด้วยความจงรักภักดี และปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ โดยจะใช้มาตรการทางกฎหมาย มาตรการทางสังคมจิตวิทยา และมาตรการทางระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการดำเนินการกับ “ผู้คะนองปาก ย่ามใจ หรือประสงค์ร้าย” มุ่งสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สำนึก และความผูกพันภักดีของคนอีกเป็นจำนวนมาก
ส่วนที่มีกลุ่มคนออกมาจาบจ้วง โปรดพึงสังวรเอาไว้ว่า ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์ไทย คงไม่มีแผ่นดินให้คนรุ่นใหม่ได้มีที่ยืนในวันนี้ คงเป็นทาสของต่างชาติ หรือไม่ก็จะไม่มีชาติให้ได้ภาคภูมิใจเหมือนเช่นทุกวันนี้ เพราะการที่พวกเรา “ยุบและสลายหมู่บ้านเสื้อแดง” เข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เป็นเครือข่าย “รวมไทยสร้างชาติ เรารักประเทศไทย” ก็ต้องการที่จะทำงานด้วยจิตอาสา เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพราะที่ผ่านมา พวกเราเป็นคนเสื้อแดง และแยกออกมาเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ก็จะใช้สโลแกนที่ว่า “หมู่บ้านเสื้อแดง เพื่อประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เพราะพวกเราซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์
เรียกว่า “อาฟเตอร์ช็อก” จากปรากฏการณ์ “กราบสะท้านแผ่นดิน” นี้ ก็น่าจะชัดเจนว่าสัญญาณ “ชักฟืนออกจากเตา” นั้น ปรากฏผลมาเรื่อยๆ อย่างน้อยๆ “ม็อบ14 ตุลาฯ” ของกลุ่มแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยหลายๆ กลุ่มย่อย ซึ่งล่าสุด แปลงร่างเรียกชื่อใหม่ว่าเป็น “คณะราษฎร 2563” ภายใต้แคมเปญ ไล่ “ศักดินา-เผด็จการ” ซึ่งแถลงการณ์ชัดเจนยังคงมุ่งไปที่การเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ
ที่โหมโรงทางโซเซียลฯ ว่า จะเป็น “ชุมนุมใหญ่” นั้น จะใหญ่ได้แค่ไหน เมื่อมวลชนคนเสื้อแดง ขอลาไม่เอาด้วยแบบนี้ และขอปกป้องสถาบันฯ ก็เท่ากับอยู่ตรงข้ามกับม็อบนี้
งานนี้จึงน่าสนใจว่า “ม็อบล้มเจ้า” จะไปต่อกันอย่างไร ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป