เครือข่ายไล่รัฐบาล รวมตัวในชื่อ “คณะราษฎร” ตั้งโต๊ะในสนามหลวงแถลงข่าวจัดชุมนุม 14 ต.ค.เรียกร้อง 3 ข้อ 1. ให้ “ประยุทธ์” ออกไป 2. เปิดประชุมสภาวิสามัญรับร่างแก้ไข รธน. และ 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ “อานนท์” ย้ำจุดหลักอยู่ที่ข้อ 3 ยืนยันจะสู้จนชนะ แต่ถ้าคนมาน้อยก็อยู่ที่มวลชน และสะท้อนว่าบ้านเมืองอยากอยู่กับเผด็จการ
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่สนามหลวง กลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่า “คณะราษฎร” ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของเครือข่ายต่างๆ อาทิ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มคณะประชาชนปลดแอก นำโดย นายอานนท์ นำภา น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง นายทัตเทพ เรืองกิจประไพเสรี นายจตุภัทร บุญรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเกี่ยวกับการจัดชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค. โดยในการแถลงข่าวครั้งนี้ไม่ปรากฏ นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือ เพนกวิน มาร่วมด้วย
ทั้งนี้ ทางกลุ่มได้อ่านแถลงการณ์จัดชุมนุมโดยอ้างว่า คณะราษฎรได้ก่อกําเนิดอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อนําประชาธิปไตยกลับคืนสู่ปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้บริหารประเทศและเข้าสู่อํานาจอย่างหลอกลวง โฆษณาชวนเชื่อว่าสถานการณ์ยังอยู่ในเหตุการณ์ปกติ แท้จริงแล้วเศรษฐกิจกําลังพังพินาศ หลายล้านชีวิตต้องอดอยาก ในขณะที่ชนชั้น ศักดินา นายทุน และนายพล สุขสบายบนความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน เมื่อรัฐบาลไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องใดที่ผู้ชุมนุมก่อนหน้านี้ได้ประกาศไว้ เราในฐานะราษฎร และในนามคณะราษฎร ขอประกาศจัดการชุมนุม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดําเนิน ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ เป็นต้นไป โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ดังนี้ 1. พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกไปจากการเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงทุกองคาพยพด้วย 2. เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญทันทีเพื่อรับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจากประชาชนทั้งฉบับ และ 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ให้กลับมาอยู่ตามครรลองภายใต้รัฐธรรมนูญระบบประชาธิปไตยที่แท้จริง
ด้าน นายอานนท์ ได้ชี้แจงว่า ใช้วันที่ 14 ต.ค.ในการชุมนุม เพราะเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยจะนัดรวมพลหยุดงาน หยุดเรียนทั่วประเทศ และรวมตัวกันในเวลา 14.00 น.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะมีกิจกรรมทวงคืนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพราะเราเห็นว่าฝ่ายรัฐเผด็จการนำไปใช้โดยเจตนากลั่นแกล้ง นำต้นไม้ที่ไม่ได้มีความสวยงามมาประดับตกแต่ง เพื่อขัดขวางไม่ให้เราใช้ ซึ่งในวันดังกล่าวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะกลับมาเป็นของประชาชน ไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ ทั้งสิ้น ยืนยันว่า เราจะส่งต้นไม้เหล่านั้นกลับคืนให้ กทม.ไม่ได้นำไปทำลาย จากนั้นจะมีการชุมนุมปราศรัย พักค้างคืน พร้อมด้วยขอเรียกร้อง 3 ข้อดังกล่าว โดยการเรียกร้องขีดเส้นตายให้กับรัฐบาล เราจะใช้ยุทธวิธีแบบกินข้าวทีละคำ จึงขอเชิญชวนทุกคนที่อยากเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปฏิรูปสถาบัน ก็ออกมาร่วมกัน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมไม่น้อยไปกว่าวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา หรือมีความเป็นไปได้สูงว่าจะมามากกว่านั้น
นายอานนท์ กล่าวว่า จุดร่วมของการชุมนุมที่เป็นจุดหลักอยู่ที่ข้อ 3. คือ การอยากเห็นสถาบันอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ส่วนอีก 2 ข้ออาจจะเป็นจุดร่วมเฉพาะหน้า ยืนยันว่า เราชุมนุมโดยสงบแน่นอน และมีแนวทางชุมนุมกึ่งประท้วงเพื่อสร้างมาตรการกดดันรัฐบาลแน่นอน หากไม่รับข้อเสนอทั้ง 3 ข้อ ไม่ใช่การชุมนุมธรรมดา แต่หากรัฐบาลทำตามข้อเรียกร้องเพียง 1 ข้อ ก็อยู่ที่ผู้ชุมนุมว่าจะมีมติอย่างไร หากมีขบวนเสด็จ ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ เราไม่มีเจตนาที่จะขวางขบวนเสด็จ เพราะได้แจ้งล่วงหน้าก่อนแล้ว ในช่วงที่มีขบวนเสด็จประชาชนอาจจะยังไม่เต็ม ดังนั้น ถ้ารถทั่วไปผ่านได้ ขบวนเสด็จก็สามารถผ่านได้ ไม่มีการขัดขวางขบวน
นายอานนท์ กล่าวอีกว่า ผู้ชุมนุมมีวุฒิภาวะสูงมากในวันที่ไปชุมนุมหน้ารัฐสภา 24 ก.ย.ก็ไม่ได้ทำลายทรัพย์สินอะไร ทุกคนชุมนุมสงบปราศจากอาวุธ แต่รับรองว่าในวันชุมนุมมีเซอร์ไพรส์แน่นอน เราจะสู้จนชนะ แต่ถ้ามวลชนมาน้อยก็อยู่ที่มวลชนแล้ว ถ้าพูดกันตรงๆ เรามากันไกลมาก ไม่มีการยอมแพ้ หรือหาทางลงแน่นอน ทุกคนมุ่งไปสู่ประชาธิปไตยที่มันสมบูรณ์ แต่ถ้ามันไม่มากพอก็สะท้อนว่าบ้านเมืองเราอยากอยู่กับเผด็จการ ก็หวังว่าประชาชนจะเข้าใจและมาร่วมกับเรา
ส่วนประเด็นความขัดแย้งในกลุ่มแกนนำเยาวชนโดยเฉพาะเรื่องการคุกคามทางเพศจะส่งผลต่อการชุมนุมหรือไม่นั้น นายอานนท์ กล่าวว่า เป็นเรื่องการปรับตัว ถ้ามีการผิดพลาดก็ต้องขออภัยกัน ถือเป็นเรื่องธรรมดามาก เราไม่ได้มีแกนนำที่มีอำนาจในการชี้ขาดตัดสิน ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันหมด ยืนยันว่า การตัดสินใจชุมนุมครั้งนี้ ทั้งสถานที่ เวลา การเคลื่อนขบวน รวมถึงข้อเสนอเรียกร้องทุกข้อเกิดจากมติของคนรุ่นใหม่ทั้งหมด ส่วนจะเป็นครั้งสุดท้ายของการชุมนุมหรือไม่นั้น เราบรรลุทุกครั้ง ก่อนหน้านี้เราก็ยึดคืนสนามหลวงได้ จากที่คิดว่ายากก็ยังทำได้