ก.ก.ถ.เบรกแผนอัปเกรดโครงการ 1 พันล้าน “ธนาคารน้ำใต้ดินท้องถิ่น” ใน อปท.7.8 พันแห่ง เป็น “ศูนย์การเรียนรู้การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ” เหตุซ้ำซ้อนโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล พร้อมไฟเขียวหลักเกณฑ์จัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปฯ ตามงบฯ ปี 64 ให้ “เทศบาลตำบล-อบต.” วงเงินกว่า 4.4 หมื่นล้าน
วันนี้ (6 ต.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ วานนี้ (5 ต.ค.) เห็นชอบให้ ก.ก.ถ.ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปตามอำนาจหน้าที่และภารกิจถ่ายโอน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
โดยรัฐบาลจัดสรรรายได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตามร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ในสัดส่วนร้อยละ 29.50 ของรายได้สุทธิของรัฐบาล (2,677,000 ล้านบาท) เป็นจำนวน 789,803.3400 ล้านบาท ตามสัดส่วนที่เทศบาล และ อบต.ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ซึ่งตั้งไว้ที่ สถ. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปฯ ของเทศบาลตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ซึ่งตั้งไว้ที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) วงเงิน 44,714.1490 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 และปฏิทินงบประมาณ พ.ศ.2564 สำนักงบประมาณ ได้กำหนดให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เป็นหน่วยตั้งงบประมาณตรง สำหรับเทศบาลตำบล และ อบต.ยังคงตั้งงบประมาณผ่าน สถ.เช่นเดิม
วันเดียวกัน ที่ประชุม ก.ก.ถ.ยังเห็นชอบในหลักการให้ สถ.จัดตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนให้แก่ อปท.ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วงเงิน 1,000 ล้านบาท เป็นรายการใหม่ รายการเงินอุดหนุนสำหรับพัฒนายกระดับ อปท.ต้นแบบการบริหารจัดการน้ำตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ธนาคารน้ำใต้ดิน) จำนวน 7,849 แห่ง ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็น “ศูนย์การเรียนรู้การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ” เช่น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ฐานการเรียนรู้ธนาคารน้ำใต้ดิน ฐานการเรียนรู้เกษตรผสมผสาน แปลงสาธิต ฯลฯ และจัดทำกิจกรรม “เยาวชน...รักษ์น้ำ” ในอนาคต
“อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีข้อสังเกตว่าโครงการดังกล่าวอาจจะมีความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น โดยให้ฝ่ายเลขานุการฯ ทำเรื่องสอบถามไปยังคณะกรรมการทรัพยากรน้ำ (กนช.) พิจารณาก่อน เพราะโครงการบริหารจัดการน้ำของ อปท.จัดอยู่ในอำนาจการพิจารณาของ กนช.”