“นิพนธ์” เปิดหลักฐานใหม่ แฉพิรุธสองบริษัทร่วมประมูลจัดซื้อรถซ่อมบำรุง อบจ.สงขลา ทั้งปลอมเอกสารเป็นเอเยนต์เก๊ ทำสัญญาเป็นโมฆะ ยัน ไม่จ่ายเงินตามคำสั่ง มท. เผย ป.ป.ช.ปิดทางไม่ให้เข้าแจง อ้างข้อมูลครบแล้ว
วันนี้ (5 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการะทรวงมหาดไทย แถลงถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดสมัยที่เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) ฐานละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ไม่อนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณ ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด เป็นค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน วงเงิน 50,850,000 บาท ที่ทำสัญญาซื้อขายกันเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2556 โดย นายนิพนธ์ ย้ำว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า การจัดซื้อดังกล่าวเป็นการฮั้วประมูล มีผลเป็นโมฆะ และยืนยันว่า ตนกระทำโดยสุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการ ไม่ได้มีเจตนาละเว้น หรือกลั่นแกล้งเรียกผลประโยชน์กับบุคคลใด ทั้งนี้ เงินจัดซื้อรถซ่อมบำรุงอเนกประสงค์จำนวนดังกล่าวยังเก็บรักษาอยู่ที่คลังของ อบจ.สงขลา ไม่ได้มีเงินแม้แต่บาทเดียว ที่ทำไปเพราะต้องการรักษาประโยชน์ของแผ่นดินโดยแท้
นายนิพนธ์ เปิดเผยว่า ตนทำหนังสือไปยัง ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 63 เพื่อขอชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวด้วยวาจา แต่เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 63 ทาง ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือลงนามโดย นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ภาค 9 ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน ตอบกลับมายังตน โดยระบุว่า ได้ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ ครบถ้วนชัดเจน เพียงพอต่อการวินิจฉัยแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงด้วยวาจา
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบของคณะกรรมการ พบว่า การจัดซื้อครั้งนี้มีการสมยอม เนื่องจากมีการขยายเวลาซื้อแบบการประกวดราคาจากวันที่ 20-24 เม.ย. 56 ต่อมา 25 เม.ย. 56 กลับประกาศขยายเวลาถึงวันที่ 3 พ.ค. 56 ตรงนี้ ทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงระบุว่าทำไม่ได้ เพราะถ้าจะขยายเวลาจริงๆ ต้องขยายก่อนวันที่ 24 เม.ย. หากขยายหลังวันที่ 24 เม.ย. ถือเป็นการไม่ชอบและต้องประกาศยกเลิก อีกทั้งต้องประกาศให้มีการประกวดราคาใหม่ แต่พบว่าในระยะเวลาที่ขยายดังกล่าวในวันที่ 3 พ.ค. มีบริษัทเข้ามาซื้อแบบ คือ บริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ซึ่งพบว่าจดทะเบียนก่อนหน้านั้นเพียง 2 วัน ทำให้เห็นได้ว่าการขยายเวลาซื้อแบบมีเพียงบริษัท เอส พี เค ที่ได้รับประโยชน์ เพียงบริษัทเดียว
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังพบว่า บริษัท เอส พี เค ได้อ้างเป็นตัวแทนบริษัทต่างประเทศ ทั้งที่อยู่ในประเทศออสเตรเลีย และประเทศสหรัฐอเมริกา จนทำให้เป็นผู้มีคุณสมบัติผ่านเข้าร่วมประมูลเป็นคู่แข่งขันหรือคู่เทียบ แต่ความจริงจากการตรวจสอบได้รับเอกสารยืนยันจากหน่วยงานทางการของทั้งสองประเทศ ยืนยันว่า บริษัทเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง และบริษัท เอส พี เค ไม่ได้เป็นตัวแทนตามที่กล่าวอ้าง นอกจากนี้ ทางคณะกรรมการยังตรวจสอบได้รับเอกสารจากบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ ยืนยันว่า บริษัท พลวิศว์ฯ ไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทดังกล่าว ดังนั้น จากหลักฐานทั้งหมด บริษัททั้งสองแห่งนี้น่าเชื่อว่ามีการปลอมแปลงเอกสารและการสมยอมกันในการสู้ราคา
นายนิพนธ์ กล่าวด้วยว่า ยังตรวจพบความเชื่อมโยงของกลุ่มบริษัทที่มาร่วมยื่นประมูล เป็นการฮั้วประมูล มีการซื้อตั๋วแลกเงินให้กับบริษัทที่แข่งขันกับตัวเอง ซึ่งทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีความผิดปกติแน่นอน และพบด้วยว่ามีเอกสารปลอมอื่นๆ อีก เช่น การปลอมลายเซ็นบุคคลที่อ้างเป็นกรรมการบริษัท เอส พี เค ซึ่งประเด็นนี้ทาง อบจ.ได้ดำเนินคดีแล้ว
“พยานหลักฐานที่ได้มา เป็นหลักฐานใหม่ที่สามารถแสดงให้เห็นว่าการจัดซื้อเมื่อปี 56 เป็นการจัดซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ไม่ว่าจะเป็นการขยายระยะเวลา ส่อให้เห็นถึงการสมยอม หนังสือยืนยันจากประเทศออสเตรเลีย กงสุลไทยในออสเตรเลีย ยืนยันว่า ไม่มีอยู่จริง เมื่อไม่มีคู่เทียบ มีเพียงบริษัทเดียว ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย การจัดซื้อดังกล่าวต้องยกเลิก เพราะถือว่าผิดประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ และขัดต่อ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง 2560 ที่สำคัญ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 52 มีหนังสือจากกระทรวงมหาดไทย ส่งถึง อบจ.สงขลา โดยมีสาระสำคัญให้ชำระเงินต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว แต่ขณะนี้คดียังไม่ถึงที่สุด เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ดังนั้น ช่วงบ่ายวันนี้ผมให้ตัวแทนนำเอกสารที่ได้มาใหม่ไปยื่นต่อ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาเพิ่มเติมต่อไป” นายนิพนธ์ กล่าว