“หมอวรงค์” ยันเจตนารมณ์คัดค้านแก้รัฐธรรมนูญ มองนักการเมืองหนุนแก้ หวังสร้างเผด็จการรัฐสภา เบรกยกเลิกกระบวนการ ยกศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัย หากดันทุรังไปไม่รอด ลั่นถ้าไม่ฟังเสียงประชาชน เรื่องนี้ต้องจบที่ศาล
วันนี้ (23 ก.ย.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี กล่าวถึงการยื่นรายชื่อ 130,000 รายชื่อ เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มาจากการลงประชามติ ว่าการคัดค้านการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญนั้นไม่มีกฎหมายรองรับ ดังนั้น การที่นำรายชื่อมาในวันนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน มีเพียงรายชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ยืนยันตัวตนก็เพียงพอ เนื่องจากเป็นเพียงการแสดงเจตนารมณ์คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น และหวังว่าสมาชิกรัฐสภาจะฟังเสียงประชาชน เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบนี้ไม่เห็นถึงประโยชน์ของประชาชน มีแต่ประโยชน์ของนักการเมืองที่ได้รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญปราบโกงฉบับบนี้ จึงอยากจะแก้ไขโดยเฉพาะระบบเลือกตั้งที่ต้องการแก้ไขระบบบัตร 1 ใบเป็น 2 ใบเพื่อจะได้ใช้เงินซื้อ ส.ส. เพื่อให้เกิดเผด็จการรัฐสภา เพราะปัจจุบันไม่สามารถทำได้ ซึ่งหากรัฐสภายังคงดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนจะใช้ช่องทางยื่นศาลรัฐธรรมนูญว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เช่นเดียวกับสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี 2555-2556 เคยมีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ตั้ง ส.ส.ร.แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ศาลวินิจฉัยแล้วว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ผ่านการทำประชามติ เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ประชาชนเห็นชอบได้ เว้นแต่การทำประชามติใหม่ ซึ่งรูปแบบการแก้ไขก็เหมือนที่เคยทำไว้ปี 2556 จึงขอเรียกร้องนักการเมืองศึกษาอดีตให้ดี เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้แล้ว หากดึงดันก็ไปต่อไม่ได้
โดยในช่วงท้าย นพ.วรงค์ และกลุ่มผู้ชุมนุมได้แสดงสัญลักษณ์ปราบมาร ถือเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าที่จะแสดงเมื่อพบมารผจญเพื่อเป็นการขับไล่ เนื่องจากประเทศไทยมีมารผจญอยู่ พร้อมตะโกนว่ามารของแผ่นดิน โดยเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามย้ำว่ามารนั้นหมายถึงใคร นพ.วรงค์ระบุสั้นๆ เพียงว่าทุกคนรู้ดีว่าเป็นใคร
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นว่า ระหว่างการปราศรัยของกลุ่มผู้ชุมนุม ได้มีนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตกร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ร่วมสังเกตการณ์อยู่ด้วย