“อดีตเพื่อนทอน” มองทะลุเกม ม็อบ นศ. “19 ก.ย.” ชิงการนำ ม็อบ ปชช.ปลดแอก ชี้ มีโอกาส “มวลชน” เป็นเหยื่อ สนอง “10 ข้อ” เพื่อ “ปวิน-สมศักดิ์” “ศาสดา” ยุ “ยึดสนามหลวง” คืนไพร่ “เพนกวิน” ห้าว! ไม่สนผู้บริหาร มธ.ห้ามจัด อ้างเป็นของประชาชน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (10 ก.ย. 63) เฟซบุ๊ก Pichit Chaimongkol ของ นายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตเพื่อน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวในสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ด้วยกัน โพสต์หัวข้อ “ข้อสังเกต”
โดยระบุว่า “การชุมนุม 19 ก.ย.จัดโดย กลุ่ม 10 ข้อเรียกร้อง ตามข้อเสนอของ สมศักดิ์ (สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล) และ ปวิน (ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์) เหมือนเป็นการชุมนุมเพื่อชิงการนำ จากวันที่ 16 ส.ค. จากกลุ่ม 3 ข้อเรียกร้อง ที่ปฏิเสธ เพนกวินขึ้นเวที
19 ก.ย.ผู้นำการชุมนุม มีท่าทีแตกต่างจากการชุมนุม 16 ส.ค.
ท่าทีสุ่มเสียง เอามวลชนเป็นเหยื่อ พร้อมปะทะ ระวังจะรับผิดชอบไม่ไหวนะครับ อย่าหลงมวลชนเกินไป แนวทางผู้นำขัดแย้งกันเองในทิศทาง มวลชนจะกลายเป็นเหยื่อสนองข้อเสนอของพวกคุณ หรือพวกคุณต้องการให้มวลชนเป็นเหยื่อ คุณปวิน ตอบได้ไหมจะไปต่อยังไง ในเมื่อคุณเองก็หนีความรับผิดชอบต่อความคิดก้าวหน้าแบบคุณออกนอกประเทศ”
ขณะเดียวกัน หลังจากทราบว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ ออกแถลงการณ์ไม่อนุญาตให้มีการจัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมือง ในวันที่ 19 กันยายน 2563 เนื่องจากการขออนุญาตดังกล่าว ยังไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่มีการประกาศเรื่องแนวทางการอนุญาตจัดชุมนุมทางการเมือง นั้น
นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” แกนนำม็อบปลดแอก โพสต์เฟชบุ๊ก ระบุว่า
“ถึงแม้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจะไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในการชุมนุม เราก็จะจัดการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์กันต่อไป เพราะธรรมศาสตร์เป็นของประชาชน ไม่ใช่ของขี้ข้ารับใช้เผด็จการไม่กี่คน”
ด้าน เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ผู้ต้องหาคดี ม.112 ลี้ภัยประเทศญี่ปุ่น โพสต์ข้อความวันนี้ ว่า
“ยึดของสาธารณะไปมากแล้ว ตอนนี้ ยังมายึดสนามหลวงไปด้วย ดิชั้นขอเริ่มแคมเปญ #ทวงสนามหลวงคืน เพื่อให้กลับมาเป็นสมบัติของไพร่ ที่ที่เคยเป็นแหล่งนัดพบ แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ แหล่งค้าขาย หรือแม้แต่เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่มีทั้งเรื่องน่าภูมิใจและการฆาตกรรม เราขอทวงสนามหลวงคืน ยุติการเปลี่ยนสนามหลวงให้เป็นพื้นที่ศักดินา เพราะสนามหลวงเป็นของไพร่ทุกคน”
ทั้งนี้ วานนี้ (9 ก.ย. 63) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่หน้าตึกโดม ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน”, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง”, นายณัฐชนน ไพโรจน์ และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” ในฐานะคณะประชาชนปลดแอก
ร่วมกันแถลงข่าว ว่า 1. ทางแนวร่วมจะจัดการชุมนุมใหญ่ ใช้ชื่อว่า “19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร” รวมพลตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป
2. หากมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมมากจนพื้นที่มหาวิทยาลัยแออัด อาจมีการเคลื่อนขบวนเข้าใช้พื้นที่สนามหลวง เป็นการถัดไป นอกจากนี้ ยังอาจมีการปิดถนนราชดำเนินกลาง เพื่อใช้เป็นพื้นที่ศิลปะและทำกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย โดยรายละเอียดอาจปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
3. การชุมนุมดังกล่าว จะเป็นการชุมนุมปักหลักข้ามคืน โดยกิจกรรมต่างๆ จะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา14.00 น. ไปจนถึงรุ่งเช้า และจะมีการเดินขบวนต่อต้านเผด็จการไปยังทำเนียบรัฐบาลในวันรุ่งขึ้น (20 กันยายน) โดยจะเริ่มเคลื่อนขบวนตั้งแต่ 8.00 น. เป็นต้นไป
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ที่รัฐสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ตอบคำถามที่ว่า กังวลหรือไม่ว่าที่ถูกมองว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุมของนักเรียน นักศึกษา
นายปิยบุตร กล่าวว่า เป็นข้อกล่าวหาที่โดนมาตลอด และปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ชุมนุมหลายคนก็สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่มาตลอด แต่หากจะกล่าวว่า ตนอยู่เบื้องหลัง ก็จะเป็นการดูถูกความคิดของเยาวชน ดังนั้น ขออย่าปิดกั้นการแสดงออกของใคร ทุกฝ่ายไม่ได้เป็นผู้ชนะตลอด
“การรัฐประหาร เป็นการแก้ไขที่ไม่ถูกต้อง เป็นการติดกระดุมเม็ดแรกผิดมาตั้งแต่ 19 ก.ย. 49 ดังนั้น วิธีการแก้ไข คือ ทำรัฐธรรมนูญให้เป็นปกติ หากมีการรัฐประหารขึ้นมาเมื่อไหร่ ผมและนายธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ) จะลุกขึ้นมาต่อต้านแน่นอน และในการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.นี้ ผมไม่ได้ไปประกาศเป็นแกนนำม็อบแต่อย่างใด แต่ยืนยันว่า จะไปร่วมชุมนุม แต่ไม่ขึ้นปราศรัยเพราะให้เป็นภารกิจของน้องๆ”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าจับตามอง ก็คือ การชุมนุมในวันที่ 19-20 ก.ย. ของ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จะใช้พื้นที่ไหน? จะสามารถต่อรอง หรือดึงดันที่จะใช้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้หรือไม่ ด้วยแรงกดดันอะไรเป็นสำคัญ เพราะเชื่อว่า จะต้องมีอาจารย์บางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวกดดันผู้บริหาร มธ. ด้วยข้ออ้างที่ยากปฏิเสธ ก็เป็นได้? เหมือนที่ผ่านมา และดูเหมือนท่าที “เพนกวิน” ก็คงไม่ยอมง่ายๆ ด้วย
แต่ถ้าจับสัญญาณไปที่ “ปวิน” ซึ่งถูกจับตามองในฐานะคนอยู่เบื้องหลัง “10 ข้อเรียกร้อง” คนหนึ่ง ที่ยุให้ “ทวงคืนสนามหลวง” ก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน ถ้าไม่มีข้อจำกัดในการขออนุญาต เหลือก็แต่เรื่องความปลอดภัย ซึ่งก็เชื่อว่า รัฐบาลจะดูแลเหมือนไข่ในหินแน่ เพราะไม่ต้องการให้เกิดกรณี “น้ำผึ้งหยดเดียว”
ประเด็นต่อมา ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาจได้กลิ่นอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับการปราศรัยเรียกร้อง ที่แกนนำประกาศเอาไว้ว่า ไม่เพียงแค่รักษาเพดาน ซึ่งก็คือ 10 ข้อเรียกร้อง “ปฏิรูปสถาบัน” หากแต่จะ “ทะลุเพดาน” ที่แปลความหมายอย่างไร ก็คงไม่ลดเพดานลงมาเป็น “ม็อบธรรมดา” พื้นๆ ได้ เพราะถ้าเช่นนั้น ก็ไม่รู้จะจัดให้เปลืองเงินทำไม?
ประเด็นที่น่าวิเคราะห์จึงอยู่ที่ว่า การชุมนุมครั้งนี้ต้องยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมาแน่นอน ต้องประเมินได้ทั้งปริมาณและคุณภาพของคนที่เข้าร่วม ไม่เช่นนั้น คงไม่เตรียมสถานที่รองรับเอาไว้ถึงสามแห่ง คือ ม.ธรรมศาสตร์ สนามหลวง และ ถนนราชดำเนิน
ส่วนเรื่อง “เงิน” จัดการม็อบ ที่มีข่าวว่า “แกนนำ พ.” เที่ยวไล่ขอบริจาค จาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย นั้น อาจเป็นเกมลวง เพื่อสร้างภาพม็อบไม่มี “เงินอัดฉีด” ก็เป็นได้ เพื่อทำให้สังคมเห็นว่า ไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง ทั้งที่แท้จริงแล้ว อาจมีท่อน้ำเลี้ยงอย่างอุดมสมบูรณ์เสร็จสรรพอยู่แล้วก็ไม่รู้?
สุดท้าย ม็อบคาดหวังอะไร อย่างน้อยที่สุด ถ้าฟังจาก “ปิยบุตร-ธนาธร” ซึ่งเปรียบเสมือนผู้นำทางความคิดของม็อบ ก็จะเห็นว่า พวกเขาไม่เชื่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญในรัฐสภา จะทำให้ได้รัฐธรรมนูญตามที่หวัง แม้จะมี “ส.ส.ร.” ที่มาจากประชาชนก็ตาม เพราะไม่ได้หวังแค่รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น หากแต่ยังต้องการแก้ไขชนิดเปลี่ยนแปลงประเทศได้
นี่เอง ที่คาดหวังว่า จะใช้ “มวลชน” เป็นเครื่องมือกดดันให้ถึงที่สุด และก็นี่เช่นกัน ที่หลายฝ่ายเป็นห่วง เป็นกังวลว่า มันคือ การเดินเข้าหาความรุนแรงอย่างไม่มีทางหลีกพ้น และในที่สุด “เหยื่อ” สนองตัณหาการเมืองของพวกเขา ก็คือ “มวลชน” ลูกหลานประชาชนที่พูดถึงกันบ่อยๆ ของนักการเมืองนั่นเอง