xs
xsm
sm
md
lg

“ระวี” แนะ “บิ๊กตู่” ตั้ง “วิชา” เช็กบิลผู้เกี่ยวข้องค่าโง่โฮปเวลล์ ชี้รัฐแพ้ทั้งที่ไม่ควรแพ้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส.ส.พลังธรรมใหม่ เสนอ “ประยุทธ์” ตั้ง “วิชา มหาคุณ” รับงานเผือกร้อนต่อ เช็กบิลค่าโง่โฮปเวลล์ สอบผู้เกี่ยวข้องย้อนหลังทั้งหมด ซัดรัฐแพ้ทั้งที่ไม่ควรแพ้คดี เพราะมีการเปลี่ยนเหตุแห่งการบอกเลิกสัญญา ทั้งที่เขาผิดสัญญาแน่นอนอยู่แล้ว

วันนี้ (3 ก.ย.) นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงโครงการก่อสร้างโฮปเวลล์มีปัญหาว่าจะเป็นโมฆะ เช่น การยื่นซองประมูลที่มีผู้ยื่นซองเพียงรายเดียว คือ บริษัท โฮปเวลล์ โฮลดิ้ง (ฮ่องกง) ขัดต่อกฎหมายพัสดุ อีกทั้งบริษัท โฮปเวลล์ เป็นนิติบุคคลต่างด้าวที่ไม่สามารถประกอบธุรกิจขนส่งได้ โดยไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เป็นต้น แม้จะมีการจดทะเบียนในประเทศไทย แต่ก็ยังมีสถานะเป็นนิติบุคคลต่างด้าว เพราะมีจำนวนหุ้นกับจำนวนผู้ถือหุ้นมีต่างด้าวเกินกว่าครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีการทำสัญญาเมื่อปี 2539 ซึ่งทำให้โครงการนี้อาจเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มต้น

นพ.ระวีกล่าวว่า ต่อมาปีในปี 2540 คณะรัฐมนตรีมีมติเลิกสัญญากับโฮปเวลล์ เพราะโฮปเวลล์ไม่ได้เร่งทำงานก่อสร้างซึ่งเป็นเหตุแห่งการผิดสัญญา แต่ปัญหาอยู่ตรงที่มีการเปลี่ยนเหตุแห่งการยกเลิกสัญญา ให้มาเป็นการยกเลิกสัญญาตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งๆ ที่ควรบอกเลิกสัญญาด้วยเหตุที่โฮปเวลล์กระทำผิดสัญญา การบอกเลิกสัญญาด้วยเหตุที่โฮปเวลล์ผิดสัญญานั้นจะทำให้โฮปเวลล์รับผิดชอบต่อภาครัฐฝ่ายเดียว เรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐไม่ได้ และเรียกร้องงบประมาณที่จ่ายไปแล้วไม่ได้ ส่วนเลิกสัญญาตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะมีผลแตกต่างกัน คือ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายกลับคืนสู่ฐานะเดิม โดยไม่มีประเด็นการผิดสัญญาของโฮปเวลล์ ผลประโยชน์ที่รัฐได้มาต้องส่งคืนให้โฮปเวลล์ ก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายต่างๆ คืนจากรัฐ และผลประโยชน์ที่โฮปเวลล์ได้รับก็ต้องส่งคืนรัฐ

นพ.ระวีกล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเกิดการต่อสู้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการ และศาลปกครองสูงสุด โดยโฮปเวลล์เรียกร้องค่าเสียหาย 14,700 ล้านบาท ซึ่งคดีมีการต่อสู้กันมาถึงปี 2562 ที่มีการพิพากษาโดยศาลปกครองสูงสุดให้รัฐต้องจ่ายเงินให้โฮปเวลล์ 24,000 ล้านบาท กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นตำนานอภิมหาค่าโง่ที่บัดซบที่สุดของประเทศไทย เพราะเขาผิดสัญญาแน่นอน เพียงแต่เราบอกเลิกสัญญาให้ถูกต้องเพื่อให้รัฐไม่ต้องเสียหาย ดังนั้น มีข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลให้ได้ข้อเท็จจริงที่อาจเป็นการทุจริตมิชอบของผู้เกี่ยวข้องย้อนหลังทั้งหมด และดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิดและบริษัท โฮปเวลล์

นอกจากนี้ ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองสูงสุด้วยข้อมูลหลักฐานใหม่เพื่อพิจารณาตัดสินใหม่ว่าประเทศไทยไม่ควรผิดในเรื่องนี้ เร่งแก้ไข พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ และวิธีพิจารณาคดีของศาลปกครอง ไม่เพียงเท่านี้ ควรต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเลขานุการ รมว.คมนาคมของนายมนตรี พงษ์พานิช รมว.คมนาคมในเวลานั้น คณะกรรมการดำเนินโครงการโฮปเวลล์เมื่อปี 2532 เจ้าหน้าที่กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่รับจดทะเบียนบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ช่วงปี 2533-2541 คณะกรรมการบอกเลิกสัญญาคมนาคม และ รมช.คมนาคม ที่เปลี่ยนเหตุแห่งการบอกเลิกสัญญา รวมไปถึงผู้แทนอัยการสูงสุด และอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และปลัดกระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี 2533 มาสอบว่าการจดทะเบียนบริษัท โฮปเวลล์ ประเทศไทย ถูกกฎหมายหรือไม่ โดยขอเสนอให้นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาเป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมด


กำลังโหลดความคิดเห็น