ถึงคิวฮิวแมนไรท์วอตช์-แอมเนสตี้ “ดร.นิว” จวก อ้าง “สิทธิมนุษยชน” แทรกแซงการเมืองไทย ขัดกฎบัตรสหประชาชาติข้อ 2(7) “อดีตรองอธิการ มธ.” จับไต๋ขบวน “ล้มเจ้า” ถึงลูกถึงคน “หมอวรงค์” เตรียมร้องผ่านสื่อญี่ปุ่นถึงรัฐบาลจัดการ “ปวิน”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (1 ก.ย. 63) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์หัวข้อ “#ความจอมปลอมของฮิวแมนไรท์วอตช์กับแอมเนสตี้”
โดยระบุว่า “เราแทบจะไม่ค่อยได้เห็นฮิวแมนไรท์วอตช์ กับ แอมเนสตี้ ออกมาช่วยเหลือสังคมในเรื่องที่มีความจำเป็น และเกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนโดยตรง หรือช่วยเหลือผู้คนที่ด้อยโอกาสในสังคมไทย ก็เพราะทั้งสององค์กร ต่างก็เป็นเครื่องมือในการแทรกแซงทางการเมืองของมหาอำนาจตะวันตก ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งสององค์กรเอาแต่เคลื่อนไหวในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง โดยใช้คำว่า “สิทธิมนุษยชน” เป็นข้ออ้างในการแทรกแซงประเทศไทยอย่างชัดเจน ทั้งหมดก็เพื่อกดดันและตักตวงผลประโยชน์ทางการเมืองจากประเทศไทยทั้งสิ้น
ถ้าฮิวแมนไรท์วอตช์ กับ แอมเนสตี้ มีความเจริญทางประชาธิปไตยและจรรยาบรรณในการทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง ก็ควรที่จะเคารพกฎหมายของไทย และปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติในข้อ 2(7) ที่จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น แล้วหยุดแอบอ้างคำว่า “สิทธิมนุษยชน” เพื่อแทรกแซงกิจการทางการเมืองในบ้านของคนอื่น ทั้งๆ ที่สิทธิมนุษยชนในบ้านของตัวเองยังมีปัญหาอยู่เลย
- ฮิวแมนไรท์วอตช์เป็นของสหรัฐอเมริกามีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครนิวยอร์ก
แต่รู้หรือไม่ว่า นครนิวยอร์กกลับเป็นเมืองที่มีจำนวนคนไร้บ้านสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา เกือบแปดหมื่นคน รวมกันทั้งประเทศก็มีจำนวนเกินครึ่งล้าน
- แอมเนสตี้ เป็นของอังกฤษมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงลอนดอน
แต่รู้หรือไม่ว่า ทุกวันนี้ประเทศอังกฤษกำลังประสบกับปัญหาทาสสมัยใหม่ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นทุกปี จนล่าสุดน่าจะมีจำนวนสูงเกินกว่าหนึ่งหมื่นคนแล้ว
ดังนั้น ฮิวแมนไรท์วอตช์ กับ แอมเนสตี้ จึงควรกลับไปดูแลปัญหาสิทธิมนุษชนในบ้านของตัวเองให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะมาวุ่นวายเรื่องของชาวบ้าน แล้วแทรกแซงด้วยการแอบอ้างคำว่า “สิทธิมนุษยชน”
และฝากไปถึงบรรดาคนที่รับเศษเงินจากฝรั่งมาทำงาน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของต่างชาติมากกว่าชาติของตัวเอง พวกคุณเคยมีส่วนช่วยทำให้สังคมดีขึ้นบ้างหรือไม่? เคยลงมือช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสจำนวนมากในสังคมกันบ้างหรือเปล่า? หรือดีแต่เป็นเครื่องมือของต่างชาติในการแทรกแซงความมั่นคงภายในชาติของตัวเอง”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ของ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า ข้อเรียกร้องข้อหนึ่งของม็อบประชาชนปลดแอก ของกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม คือ การแก้รัฐธรรมนูญ จะได้รับการตอบรับจากทั้งรัฐสภา และจากรัฐบาล
เรื่องการยุบสภาคงต้องรอให้การแก้รัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นเสียก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนาน อาจมากกว่า 1 ปี หากต้องตั้ง ส.ส.ร.
เหลือแต่ข้อเรียกร้องข้อที่ 3 คือ ให้หยุดคุกคามประชาชน ซึ่งไม่น่าจะเป็นหัวข้อที่เรียกแขกในการชุมนุมได้
แล้วกลุ่มผู้ชุมต้องการอะไรอีก ถ้าไม่ใช่ข้อเสนอ 10 ข้อ เพื่อเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์
ดูเหมือนความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์จะทำเป็นขบวนการ สอดรับ ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ตลอดเวลา
กลุ่มแกนนำนักศึกษา และประชาชนปลดแอกมี นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง นายอานนท์ นำภา นายภานุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง มีหน้าที่จัดชุมนุม และปราศรัยบนเวทีในที่ต่างๆ
ในขณะที่ อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล ทำหน้าที่แสดงความเห็นในเวทีวิชาการต่างๆ ทั้งที่กลุ่มแรกจัดขึ้นเอง และที่กลุ่มหรือหน่วยงานต่างๆ จัดขึ้น
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขณะนี้อาศัยตำแหน่งกรรมาธิการงบประมาณ คอยป่วนงบประมาณ โจมตีงบประมาณของหน่วยงานในพระองค์ ล่าสุด โจมตี และเสนอตัด ไม่ให้งบประมาณแก่มูลนิธิ ปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงก่อตั้งขึ้น
พรรคก้าวไกลก็ทำหน้าที่ให้ ส.ส.คอยประกันตัวผู้ที่ปราศรัยในการชุมนุม ที่ถูกจับกุมดำเนินคดี
วันที่ 19 กันยายนนี้ กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมจะจัดการชุมนุมใหญ่อีก ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
น่าสงสารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ต้องถูกใช้เป็นสถานที่ชุมชุมอีกแล้ว คราวนี้จัดที่ท่าพระจันทร์ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความขลังอย่างยิ่ง หากมหาวิทยาลัยไม่ให้จัด ก็จะถูกโจมตีว่า ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษา หากจัดแล้วมีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็จะถูกโจมตีอีกเช่นเดียวกัน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงต้องตั้งหลักให้ดี เริ่มตั้งแต่ชื่อหัวข้อการชุมนุมเลยทีเดียว อย่าปล่อยให้ใช้ชื่อที่ดูเหมือนเป็นชาวธรรมศาสตร์ทั้งหมดไม่ได้อีกแล้ว ไม่เช่นนั้น หากมีการจาบจ้วง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งอย่างไรก็ยังผิดกฎหมายอีก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะแก้ตัวไม่ออก
เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุใด สหรัฐอเมริกาซึ่งปล่อยให้ตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยว่างกว่า 2 ปี จู่ๆ ก็แต่งตั้งนาย Michael G. DeSombre ซึ่งเป็นประธานองค์กรการกุศล Save the Children ประจำที่ฮ่องกง มากว่า 5 ปี มาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย เมื่อต้นปีนี้
หลังจากการระบาดของโควิดในประเทศเริ่มคลี่คลาย การชุมนุมทางการเมืองก็เริ่มปะทุ และต้องถือว่าจุดติดแล้ว ในขณะนี้
จะไปเกี่ยวกับการแต่ตั้งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยคนใหม่ หรือไม่อย่างไร จึงเป็นเรื่องน่าคิดอย่างยิ่ง”
ด้าน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานยุทธศาสตร์กลุ่มไทยภักดี โพสต์หัวข้อ “#ช่วยกันรุกกลับนายปวิน”
เนื้อหาระบุว่า “วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทางทีมงานของกลุ่มไทยภักดี ได้ไปยื่นหนังสือ ข้อเรียกร้อง ต่อท่านนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ผ่านสถานทูตญี่ปุ่น กรณีนายปวิน ใช้ประเทศญี่ปุ่นเป็นฐานโจมตี ให้ร้ายสถาบันหลักของประเทศไทย และยุยงปลุกปั่นเยาวชนไทยในข้อมูลบิดเบือน
บังเอิญผมมีนัดหมายสัมภาษณ์พิเศษ กับสำนักข่าวนิกเคอิ ในวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายนนี้ ผมตั้งใจจะยื่นข้อเรียกร้องของกลุ่มไทยภักดี ผ่านสำนักข่าวญี่ปุ่นนี้ด้วย เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารถึงรัฐบาล และประชาชนชาวญี่ปุ่นครับ
#ปกป้องชาติศาสน์กษัตริย์
#ไทยภักดี”
แน่นอน, ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย มีเบื้องลึก เบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่
แล้วที่สำคัญ คนไทยคิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร เพราะถึงที่สุด ย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกันนั่นเอง