“เชาว์” ติง “หมอวรงค์” ภักดีจริง อย่าดึงสถาบันยุ่งเกี่ยวการเมือง ชี้ ยก 16 ล้านเสียง ขู่ไม่แก้รัฐธรรมนูญ ยิ่งตอกลิ่มความขัดแย้ง แนะ ทำประชามติใหม่ ยุติข้อพิพาททางการเมือง ห่วงสองฝ่ายเคลื่อนสุดโต่ง ไม่จบที่รุ่นเรา แต่จะจบที่รัฐประหาร ถามกลุ่มเคลื่อนไหว อยากเหยียบกองเลือดขึ้นเถลิงอำนาจหรือ
วันนี้ (22 ส.ค.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก “Chao Meekhuad” เรื่อง “ภักดีจริง ต้องไม่ดึงสถาบันมายุ่งเกี่ยวการเมือง” มีเนื้อหาระบุว่า ผมอ่านข่าว นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม (อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์) แกนนำกลุ่มไทยภักดี โพสต์ Facebook ในเชิงยั่วยุเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญว่าจะทำให้ประชาชน 16 ล้านคน ที่ลงประชามติ เห็นชอบกับรัฐธรรมนูญ ลุกขึ้นมาต่อต้าน แล้วไม่สบายใจ เพราะนอกจากมีการอ้างประชาชนแบบพร่ำเพรื่อแล้ว ยังดึงเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มายุ่งเกี่ยวด้วย ในขณะนี้ ผมคิดว่า ทั้ง 2 ขั้วขัดแย้ง ต่างก็กระทำในสิ่งที่ไม่บังควร ฝ่ายหนึ่งพยายามเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ที่สังคมไทยเคารพยกขึ้นเหนือหัว ขณะที่อีกฝ่าย หน้ามืดตามัว ไม่แยกแยะประเด็นเหมารวมทุกอย่าง โดยใช้สถาบันมาเป็นที่แอบอิง จนแทบดูไม่ออกแล้วว่า ใช้อำนาจเพื่อรักษาสถาบัน หรือกำลังอ้างสถาบันมารักษาอำนาจตัวเอง
อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุต่อไปว่า นายแพทย์วรงค์ บอกว่า ให้ยกตัวอย่างรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหา ผมขอยกให้เห็นชัดๆ ก็คือ เรื่องการต่อท่ออำนาจให้ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรีได้ เป็นจุดที่ทำให้อีกฝ่ายใช้เป็นประเด็นในการเคลื่อนไหว จนเกิดความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นอยู่ในขณะนี้ ผมคิดว่า แทนที่จะเอา 16 ล้านเสียงมาขู่ เราควรใช้วิธีกลับไปหาประชาชนอีกครั้ง เพราะรัฐธรรมนูญใช้มาแล้ว 3 ปีกว่า เห็นข้อบกพร่อง และปัญหาในทางปฏิบัติหลายเรื่อง จึงควรกลับไปถามประชาชนอีกครั้ง ว่า จะให้แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าแก้จะแก้เฉพาะมาตราหรือให้มี ส.ส.ร.มายกร่างใหม่ นี่คือ หนทางที่เคารพประชาชน ที่ลงประชามติก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน ก็ใช้เสียงของประชาชนมายุติข้อพิพาททางการเมือง ไม่ให้บานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมือง ผมขอย้ำคำพูดเดิมที่เคยพูดไว้ว่า เราไม่จำเป็นต้องรักกัน ไม่จำเป็นต้องเข้าใจกันในทุกเรื่อง แต่ต้องเคารพความเห็น ซึ่งกันและกัน บนความหลากหลายทางความคิด และใช้วิจารณญาณตัดสิน เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ด้วยหลักเหตุผล บนความถูกต้องไม่ใช่ความถูกใจ นี่คือ สิ่งที่ทุกคนในสังคมไทย ต้องช่วยกันรั้งสติตัวเองเพื่อนำพาชาติเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
“ขณะนี้ประเทศไทยเสมือนอยู่ระหว่างเขาควายที่กำลังจะขวิดกัน ฝ่ายหนึ่งเกาะเกี่ยวอยู่กับขั้วอำนาจ ไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการล้มอำนาจเดิม เพื่อสถาปนาอำนาจใหม่ โดยมีตัวเองเป็นผู้ถืออำนาจ หากปล่อยให้ความขัดแย้ง 2 ฝ่าย ลุกลามบานปลายไปเรื่อยๆ ความเสียหายจะเกิดขึ้นเหมือนอดีต และจะเป็นเงื่อนไขในการทำรัฐประหารอีกรอบ พวกที่เรียกร้องอยากเปลี่ยนแปลงให้จบที่รุ่นเรา ก็ต้องถามตัวเองด้วยว่าเคลื่อนไหวแบบนี้ มองไม่เห็นปลายทางหรือว่าจะเกิดอะไร เว้นแต่ต้องการเหยียบกองเลือดขึ้นเถลิงอำนาจ ส่วนผู้ที่ถืออำนาจในปัจจุบัน ก็ต้องระมัดระวังอย่าสร้างประเด็นที่ทำให้เกิดการยั่วยุจนเกิดชนวนเหตุเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว หยุดตั้งสติกันสักนิด เปิดพื้นที่ตรงกลางเพื่อให้สังคมไทยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่ใช่ปลุกระดมให้เกิดการฆ่าฟันกันเอง” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย