วันนี้ (21 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรค ภท. แถลงให้มีการยุบสภา หากจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นว่า เป็นประเพณีปฏิบัติที่ทำกันมาโดยตลอดอยู่แล้วว่าหลังจากที่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ต้องนำรัฐธรรมนูญฉบับนั้นมาบังคับใช้ และให้มีการจัดเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองทางการเมือง ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะทำให้พรรค ภท.เกิดความขัดแย้งกับพรรคที่เป็นแกนนำรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีอะไรขัดแย้งอยู่แล้ว ทั้งคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และแต่ละพรรคที่ร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคฝ่ายค้านก็มีแนวทางไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังจะเกิดขึ้นก็จะเริ่มจากมาตรา 256 โดยให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ปฏิบัติกันมาโดยตลอด และจะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นฉบับของประชาชน
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ ท่านอื่นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนได้พูดคุยหมดแล้ว ซึ่งทุกคนก็มองว่าให้เป็นเรื่องของแต่ละพรรคการเมือง ที่จะต้องมีแนวทางและจุดยืนของตัวเอง ขณะนี้ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นเรื่องของแต่ละพรรคไม่ใช่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรค ภท.สามารถรวบรวมเสียง ส.ส.มาเพิ่มให้ได้ครบ 100 เสียง หรือ 1 ใน 5 ของจำนวน ส.ส.เท่าที่มีอยู่ของสภา เสร็จเรียบร้อยแล้วหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า หลังจากที่ยื่นร่างไปแล้ว หาก ส.ส.คนไหนจากพรรคอื่น เห็นชอบ ก็คงจะมาร่วมลงชื่อสนับสนุนด้วย สำหรับท่าทีของพรรค ภท.ได้ปฏิบัติตามภารกิจ และสิ่งที่พรรคได้เคยแถลงไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งซึ่งทุกคนไปดูได้เลยว่าเราสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราพูดเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนเข้าร่วมรัฐบาลแล้ว อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรค ภท.ต่อกรณีอำนาจและหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า ถ้าพูดเรื่องนี้เราก็จะถูกกล่าวหาว่าไปกดดันเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่มี ส.ส.ร.มาทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว ควรจะให้ทุกอย่างเป็นไปตามการหารือ และพิจารณาโดย ส.ส.ร. ทั้งนี้ พรรค ภท.พร้อมสนับสนุนสิ่งใดก็ตามที่ทำให้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญบรรลุผล ทั้งการสร้างประโยชน์ต่อประชาชน ทำให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงการทำให้ประเทศมีเสถียรภาพ