แถลงการณ์ กสม.ห่วงชุมนุม วอนทุกฝ่ายยึดหลักสิทธิ-สันติวิธีแก้ปัญหา ชี้เด็กมีสิทธิแสดงออก ข้อเรียกร้องต้องชัดเจน ไม่ก้าวร้าว จาบจ้วง สร้างความเกลียดชัง ผูกขาดความถูกต้อง จี้รัฐเปิดกว้าง ไม่แทรกแซง จัดพื้นที่ปลอดภัยให้แสดงความเห็น
วันนี้ (20 ส.ค.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ( กสม.) ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ชุมนุมในขณะนี้ พร้อมเรียกร้องขอให้ทุกฝ่ายในการชุมนุมยึดหลักสิทธิมนุษยชนและใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ไขปัญหา ระบุว่า ตามที่มีการชุมนุมและเรียกร้องทางการเมืองของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 63 ทั้งในที่สาธารณะ สถาบันการศึกษาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยมีกลุ่มบุคคลที่เรียกตนเองว่า คณะประชาชนปลดแอก เสนอ 3 ข้อเรียกร้อง 2 หลักการ และ 1 ความฝัน กลุ่มบุคคลที่เรียกตนเองว่า สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย เสนอ 10 ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และกลุ่มนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ ที่แสดงสัญลักษณ์ชู3นิ้ว และผูกโบสีขาว เพื่อเรียกร้องทางการเมือง และปฏิรูปการศึกษา จนเกิดเป็นความเห็นที่แตกต่างกันอย่างกว้างขวางในสังคม กสม. ได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์และส่งเจ้าหน้าที่เข้าสังเกตการณ์ตลอดมา โดยมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีความละเอียดอ่อน อาจสร้างความขัดแย้งยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ กสม.เห็นว่าตามรัฐธรรมนูญและพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น มีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ แต่การใช้เสรีภาพดังกล่าว ย่อมอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ รักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมที่จะได้รับความคุ้มครองต้องไม่เป็นการพูด แสดงท่าทาง หรือกระทำโดยวิธีการอื่นที่ก้าวร้าว ดูหมิ่นเหยียดหยาม จาบจ้วง หรือใช้คำพูดที่สร้างความเกลียดชังอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้อื่น และตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยเป็นภาคี เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งสามารถมีความคิดเห็นเป็นของตนเองแล้ว มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นได้เสรีในเรื่องที่มีผลกระทบต่อเด็ก โดยความคิดเห็นดังกล่าวจะต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังตามสมควรแก่อายุ วุฒิภาวะของเด็กคนนั้น และแม้เด็กมีสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก แต่การใช้สิทธิก็ต้องเคารพต่อสิทธิและชื่อเสียงของบุคคลอื่นด้วย
นอกจากนี้ ผู้ชุมนุมควรแจ้งข้อเรียกร้องที่ชัดเจน มีเหตุผลอธิบายได้ ไม่เลื่อนลอย ไม่ผูกขาดความถูกต้องแต่ฝ่ายเดียว และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีมาตรการความปลอดภัยด้านสุขภาพในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หากมีการติดเชื้อนี้จากการชุมนุมที่ขาดความระมัดระวังและการใช้เสียงตะโกน ผลกระทบที่ตามมาคือค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล การสูญเสียความเชื่อมั่นในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อโรคนี้ที่นานาชาติมีต่อประเทศไทย ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐควรใช้หลักการสำคัญสำหรับการบริหารจัดการการชุมนุมอย่างเหมาะสม 10 ประการที่จัดทำโดยผู้เสนอรายงานพิเศษแห่งองค์การสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมและการรวมกลุ่มอย่างสันติ เช่น รัฐต้องเคารพและดูแลสิทธิทุกประการของผู้ที่เข้าร่วมในการชุมนุม การจำกัดการชุมนุมโดยสันติใดๆ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล รัฐควรอำนวยความสะดวกในการใช้เสรีภาพการชุมนุมโดยสันติ การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมจะต้องไม่แทรกแซงสิทธิในความเป็นส่วนตัวหรือสิทธิอื่นๆ ที่กฎหมายไม่อนุญาตให้ทำได้
ในกรณีมีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมการชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ เจ้าหน้าที่ของรัฐควรจัดให้มีพื้นที่ปลอดภัย เพื่อเป็นหลักประกันว่า เด็กและเยาวชนเหล่านี้จะไม่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงไม่ว่ากรณีใดๆ ผู้บริหารสถานศึกษาควรจัดให้โรงเรียน มหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียน นิสิต และนักศึกษา ในการแลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย และปฏิบัติตามข้อสั่งการขององค์กรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งทุกฝ่ายควรเปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน เคารพต่อความคิดเห็น ความเชื่อ และศรัทธาที่แตกต่าง ไม่ควรกระทำการใดๆ ที่มีลักษณะเป็นการยั่วยุ ใช้ความรุนแรงต่อกันทั้งทางกายและทางวาจา เช่น การดูหมิ่นเหยียดหยามกัน ยึดหลักสิทธิมนุษยชนและใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ไขปัญหา รับฟังความคิดเห็นอันบริสุทธิ์ใจของอีกฝ่ายหนึ่ง และพิจารณาหากลไกการหารือและเจรจาหาทางออกอันเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม