xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ลั่นอย่าก้าวล่วงสถาบัน เชื่อส่วนใหญ่ไม่หนุนม็อบ ชี้บางข้อเรียกร้องทำสังคมไทยล่มสลาย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯ ระบุ อย่าก้าวล่วงสถาบัน ชูมีความสัมพันธ์กับคนไทยหลายร้อยปี ฉะข้อเรียกร้องบางอย่างทำสังคมไทยล่มสลายไปสู่สงครามกลางเมือง ย้อนสื่อ ตปท.ให้เข้าใจอัตลักษณ์ไทย เชื่อส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยชุมนุม ทำงาน 2 มิติ ฟื้น ศก.-รักษาความสงบการเมือง

วันนี้ (19 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.10 น. ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคาม ต่อความมั่นคงของชาติ ว่า ช่วงเช้าได้ประชุมเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นความสำคัญลำดับแรกในขณะนี้ ขณะเดียวกัน เราเผชิญสถานการณ์ในช่วงโควิด-19 ที่เป็นวิกฤตทั่วประเทศ แม้แต่ประเทศอังกฤษของสื่อมวลชนที่มาถามวันนี้ก็มีปัญหาเหมือนกันในเรื่องเศรษฐกิจ และเราก็มีปัญหาทางการเมืองมาด้วย ฉะนั้น อยากกราบเรียนว่า รัฐบาลจะมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ของเราทั้งสองมิติให้ดีที่สุด ในเมื่อช่วงเช้ามีการประชุมเรื่องเศรษฐกิจไปแล้ว ตอนบ่ายได้มีการประชุมฝ่ายความมั่นคง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะมีแต่ประเด็นที่มีข่าวชุกชุมในตอนนี้แต่เพียงอย่างเดียว แต่เราต้องทำอย่างไรว่าเศรษฐกิจจะเดินหน้าไปได้ ป้องกันสุขภาพให้ได้ เพื่อเตรียมการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ระยะที่ 2 คือ มาตรการผ่อนคลายระยะที่ 7 อะไรทำนองนี้ ซึ่งได้ถามฝ่ายความมั่นคงว่ามีความพร้อมอะไรแค่ไหนอย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่ทุกคนอยากจะทราบ คือ เรื่องการดำเนินการกรณีผู้ชุมนุม ซึ่งตนคิดว่าเป็นหลักการประชาธิปไตยของทุกประเทศ ตนเข้าใจ หลายคนมองตนว่ามาอย่างไร เผด็จการอย่างไร วันนี้อย่าลืมว่าเราเข้ามาด้วยกระบวนการประชาธิปไตย เรามีรัฐธรรมนูญ ส่วนที่จะแก้อะไรก็ไปว่ากันต่อไปในอนาคต แต่ขออย่าก้าวล่วงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ตนคิดว่าทุกประเทศก็คงเผชิญสถานการณ์แบบนี้มาด้วยกัน ฉะนั้น สิ่งที่เรากังวลในขณะนี้ หากเกิดความวุ่นวายมากยิ่งขึ้น โอเคล่ะ อาจจะมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่มีก็ตาม ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้ว และหลายคนก็บอกว่าไม่ใช่ ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่อะไรต่างๆ อย่างไรก็ตาม อยากให้มองไกลไปอีกนิดนึง นั่นคือ อนาคตของพวกเราทุกคนว่าอยู่ที่ไหน ที่ประเทศชาติใช่หรือไม่ ถ้าเกิดสถานการณ์บานปลายไปเรื่อยๆ และทุกคนมุ่งหวังให้เกิดความรุนแรง ให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ สิ่งที่จะเกิดตามมาคือ ความไม่สงบเรียบร้อย จะกลับไปสู่สถานการณ์เดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

“วันนี้อยากให้ทุกคนมองว่าเด็กๆ เหล่านั้น คือ พลังที่บริสุทธิ์ อาจจะมีส่วนหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ส่วนหนึ่งอาจจะถูกชักนำ ฉะนั้น ขอให้ทุกคนมองถึงอนาคตเด็กๆ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในวันนี้ต้องมองถึงอนาคตของเด็กในวันหน้า ผมเห็นหัวข้อเรียกร้องมีมากขึ้นเรื่อยๆ หลายข้อซึ่งมีความเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะทำให้เด็กมีความคาดหวัง หลายเรื่อง และผมเห็นหลายสิบข้อที่ตามมา ยกเลิกการไหว้ครู ไม่ต้องเคารพครู พ่อแม่ก็ไม่ต้องเคารพ ผมถามว่าถ้าไม่ใช่ผมแล้วเป็นคนอื่นที่เข้ามา สิ่งที่มันเกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ จะมีใครแก้ปัญหานี้ได้ต่อไป นั่นหมายความว่าประเทศเราก็ล่มสลาย แกนนำ หลักการต่างๆ ของประเทศชาติทั้งหมด ล้มไปทั้งหมด สถาบันครอบครัวล้ม สถาบันการศึกษา ครู ล้มหมด นี่หรือคืออนาคต” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากจะขอร้องสื่อ การที่สื่อให้ข่าว ขยายข่าว รีรันข่าว บางครั้งขอให้ดูข้อเท็จจริงด้วย ไม่ใช่พูดกันทั้งวันทั้งคืน ซ้ำแล้วซ้ำอีก รีรันบ่อยๆ มันทำให้รู้สึกว่ามากขึ้นหรือไม่ การมากขึ้นมันมากขึ้นตามจำนวนอยู่แล้ว การประเมินสถานการณ์ของเราจะมากหรือน้อย ตนให้ความสำคัญทั้งหมด ไม่ว่าจะน้อย คนเดียว สองคน สิบคน ยี่สิบคน หรือหมื่นคน ตนให้ความสำคัญเท่ากัน เพราะทั้งหมดคือ ประเทศของเรา และการที่เราไปส่งเสริมให้มีการเคลื่อนไหว ขอให้มองอีกมุมหนึ่ง ถ้ามีคนที่เจตนาไม่บริสุทธิ์ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้น ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ถามว่ากฎหมาย เจ้าหน้าที่เขาจะทำอย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น เด็กพวกนี้จะเป็นกันชนให้กับเขาหรือเปล่า นั่นคืออันตรายที่จะเกิดกับเด็ก ขอให้ทุกคนได้สำนึกเรื่องเหล่านี้ไว้ด้วย และรัฐบาลไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว จะเห็นว่าเราดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ เราไม่มีการห้ามการชุมนุม แต่ขอให้ชุมนุมโดยสันติ คำว่าสันติไม่ใช่เฉพาะแต่ในเรื่องการใช้อาวุธ หรือไม่ใช้อาวุธ ใช้ความรุนแรง การกล่าวด้วยความอาฆาตมาดร้าย ด่าหยาบคาย เหล่านี้ตนคิดว่าไม่เคยเกิดในสังคมไทย ฉะนั้น ขอร้องสื่อช่วยกันหยุดเสียบ้าง ไม่ได้หมายความว่าให้หยุดให้ข่าว เพียงแต่ต้องเตือนบ้าง ไม่ใช่เสนอข่าวทางนู้นทาง ทางนี้ทาง ให้เกิดข่าวไปเรื่อยๆ เปิดเวทีให้เรื่อยๆ คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้บ้านเมืองสับสนอลหม่านไปทั้งหมด วันนี้ทุกประเทศทราบดีอยู่แล้วว่าเรามีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ทุกประเทศ ทั้งอาเซียน ยุโรป ตะวันตก อะไรต่างๆ เห็นอยู่แล้วว่าทุกประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทั้งสิ้น

“ผมไม่อยากให้ใครมาใช้ประโยชน์ในช่วงนี้ ในช่วงที่ประชาชนยังมีความอ่อนไหว การที่เรามาพูดถึงอนาคต คิดว่าเอาวันนี้ให้ผ่านก่อน ว่าเราจะเดินหน้าของเราอย่างไร วันนี้ทุกคนเอาแต่ละอันมาเชื่อมโยงไปหมด ท้ายที่สุดรัฐบาลไม่ดี ผมถามว่ารัฐบาลที่ดีควรจะทำอย่างไร ท่านต้องไปหามาให้ผม อย่างข้อเรียกร้องทุกคนจบมาต้องมีงานทำ เงินเดือนๆ ละ 5 หมื่นบาท มีที่ไหนทำได้ อันที่สองผ่อนรถให้ทุกคน อันที่สามเก็บภาษีเฉพาะคนรวย สิ่งเหล่านี้มันไม่มีความเป็นไปได้ในข้อเท็จจริง ดังนั้น ขอฝากไปถึงบรรดาสถานศึกษา ครู อาจารย์ แม้กระทั่งนักการเมือง ที่มีความคิดต่างออกไป ซึ่งผมเคารพความเห็นต่างอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าผมจะเป็นนายกฯสมัยไหนก็ตาม จะใช้อำนาจของผมให้น้อยที่สุด แต่วันนี้ก็ใช้อำนาจในกรอบของการบริหารราชการแผ่นดินตามปกติ เรื่องใดก็ตามที่มีความจำเป็นก็จะใช้ในเรื่องของการสาธารณสุข เพราะกฎหมายปกติดำเนินการไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปยกเลิกกฎหมายปกติทุกอัน สิ่งนี้คือ สิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคนที่ผมยอมรับ แต่การที่ก้าวล่วงคนอื่นมันเหมาะสมหรือไม่ อันนี้เป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้จะเห็นได้ว่าโลกเราเปลี่ยนแปลงไปเยอะ พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูก เพราะจะต้องไปสู้ในเรื่องของเศรษฐกิจ ฉะนั้นความใกล้ชิดจึงห่างไป อาจจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัย ช่องว่างระหว่างผู้ปกครองกับเด็ก สิ่งเหล่านี้ต้องไปดูว่ามีใครฉวยโอกาสตรงนี้หรือเปล่า ฉะนั้น สื่อจะต้องเข้าไปช่วยประเทศไม่ต้องมาช่วยตน เพราะตนไปพบกับสื่อมาทุกสื่อแล้วไปอธิบายถึงเหตุผลและความจำเป็นในการที่ต้องทำงานในช่วงเวลานี้ เพื่อนำไปสู่อนาคตที่ปลอดภัยยั่งยืน ฉะนั้นทุกคนต้องพยายามเข้าใจกันบ้าง อย่าเสนอข่าวในแง่เดียว ให้เสนอ 2 ทางเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือกเอง ซึ่งตนก็จะถือว่าไม่เหมาะสมในสถานการณ์เวลานี้ ฉะนั้นขอฝากความรับผิดชอบไว้กับสื่อด้วย ขอร้องแหละในฐานะที่รักกัน

จากนั้นสื่อมวลชนต่างประเทศจากสถานีโทรทัศน์ Channel 4 ซึ่งเป็นทีวีสาธารณะของอังกฤษ ถามว่า ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรียืนยันว่า มีการรับฟังเสียงของเด็กๆ มาโดยตลอด แต่บนเวทีการชุมนุมก็ยังยืนยันว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ได้รับฟังเสียงเรียกร้องจากพวกเขาที่มีหลายประเด็น โดยเฉพาะข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบัน จะสามารถตอบสนองได้มากน้อยเพียงใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ในเรื่องของสถาบัน พวกคุณต้องเข้าใจว่าสถาบันกับประเทศไทยมีความสัมพันธ์กันอย่างไร เพราะฉะนั้นจะไม่ตอบในประเด็นนี้ เพราะผมเองก็ไม่เคยไปก้าวล่วงต่างประเทศ ไม่เคยไปสนับสนุนการเมืองที่มาเคลื่อนไหวในประเทศไทยต่อต้านประเทศอื่นๆ ไม่เคยสนับสนุนแบบนั้นผมต้องดำเนินนโยบายการต่างประเทศอย่างสมดุล”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องของการปฏิรูปประเทศ ตนก็มีแผนและยุทธศาสตร์อยู่แล้วใน 6 ประเด็น ซึ่งเป็นอนาคตของเด็กๆทุกคน

“สำหรับการรับฟังความคิดเห็นของผมไม่ใช่ว่าที่ผมไม่ได้ไป คือ การที่ผมไม่ได้ฟัง ผมฟังจากข้อมูลในด้านต่างๆรวมทั้งจากสื่อโซเชียล หนังสือพิมพ์ ที่มีข้อเสนอต่างๆ ออกมาจำนวนมากก็เป็นวิธีการรับฟัง ของผมอีกทางและผมก็ต้องหาวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสม ดำเนินการอย่างไรไม่ให้เกิดการลุกลามบานปลาย ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจว่าการชุมนุมทุกครั้งมีจุดมุ่งหมายด้วยกันทั้งสิ้น อาจจะทั้งดีและไม่ดีทุกคนคงทราบดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยในหลายปีที่ผ่านมาไม่ใช่เฉพาะปีที่ผมอยู่ในรัฐบาลที่สอง เหตุการณ์เกิดขึ้นมา 10 กว่าปีที่ผ่านมาแล้ว และคนที่อยู่เบื้องหลังคนเหล่านั้นก็เคยทำความเสียหายให้กับประเทศชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด สื่อก็ต้องมองในมุมนี้ว่าความเสียหายที่ผมทำมันมีมากน้อยเพียงใด และที่ผมเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาผมได้ทำอะไรที่ทำให้ประเทศชาติหยุดชะงักบ้างหรือเปล่า ขณะเดียวกันการทุจริตต่างๆของผมโดยตัวของผมเองก็ไม่มี ก็ขอให้นำสิ่งเหล่านี้มาเปรียบเทียบและผมก็คิดว่าสิ่งที่ผมทำวันนี้ ผมได้ใช้สติปัญญาของผม การรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนราชการ ภาคประชาชนแม้แต่นักเรียนนักศึกษาผมก็รับรู้ทุกข้อเรียกร้องของพวกเขา ขอร้องอย่างเดียวไม่อยากให้มาแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเคารพนับถือ อย่าลืมว่าคนไทยมี 67 ล้านคน การที่มาชุมนุมอาจจะดูมากหรือน้อยแต่ผมถือว่าประชาชนส่วนใหญ่เกือบทั้งประเทศไม่ได้เห็นด้วยกับการชุมนุมดังกล่าว ก็ต้องเปรียบเทียบให้ดู” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน คนที่อาจจะเผลอไปคิดไม่ถึง คิดไม่ได้ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ของเด็กๆ ถามว่าอันตรายต่อพวกเขาหรือไม่ แล้วเราจะมีอนาคตของเราแบบนี้หรือ ตนไม่ได้ขัดแย้งในเรื่องของการชุมนุม หากเป็นการชุมนุมเรียกร้องในสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือสิ่งที่ดำเนินการให้ได้ตนก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม อะไรที่มันไม่ได้เราก็ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ด้วย อย่าเรียกว่านักศึกษาทั้งหมดหรือนักเรียนทั้งหมดมันไม่ใช่ มันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนในสังคมแต่ตนก็ฟังพวกเขาพยายามตอบคำถามให้ได้ว่าสิ่งเหล่านี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองของเราและเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ ซึ่งตนต้องเดินหน้า ถ้าเดินหน้ารุมเร้าทั้งหมด ทุกอย่างก็จะพังไปทั้งหมดและตนก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย แต่หลายคนอาจจะคาดหวัง ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

“ผมถามว่า เขาพร้อมหรือไม่ในการที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ มันจะนำพาท่านเสื่อมลงไปทั้งหมดหรือเปล่า แล้วในวันข้างหน้าจะควบคุมกันไหวหรือไม่ ตราบใดที่ยังมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมา วันข้างหน้าก็จะมีอีกฝ่ายเกิดขึ้น แล้วดำเนินการเช่นนี้อีกเช่นกัน ผมถามว่าแล้วประเทศไทยจะอยู่อย่างไร ก็ขอให้เคารพความเป็นอัตลักษณ์ของประเทศไทยด้วย เรามีชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่คู่กับแผ่นดินเรามาหลาย 100 ปี ไม่ใช่เพิ่งมีมาเพียง 2-3 วัน เรามีมาโดยตลอดหลายรัชกาล เรามีความเป็นมา 700 กว่าปีแล้วทุกคนมีการเรียนรู้ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช สถาบันพระมหากษัตริย์มีคุณูปการต่อประเทศไทยตลอดเวลา ขอร้องว่าอย่าลืมในสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่เป็นพื้นฐานของประเทศ สิ่งที่เป็นพื้นฐานศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ สิ่งเหล่านี้จะต้องถูกทำลายหรือ ความแตกต่างของสถาบันเรากับสถาบันต่างประเทศ ทุกประเทศมีสถาบันมาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศทั้งสิ้น แต่สถาบันของเราทำแบบประเทศอื่นหรือไม่ ต้องกลับไปทบทวนตรงนี้ บางครั้งอาจจะไม่เข้าใจ อาจจะต้องการมากขึ้นผมคิดว่าสิ่งที่พวกเขาเรียกร้องบางอย่างทำไม่ได้ สมมติว่า ประเทศอังกฤษมีการเรียกร้องว่าเมื่อจบการศึกษามาแล้วจะต้องมีการใจงานเดือนละ 50,000 ดอลลาร์ จะให้ได้หรือไม่ ก็คงไม่ได้ หรือข้อเรียกร้องไม่ต้องไหว้ครู ประเทศไทยมีแบบและธรรมเนียมปฏิบัติมาอยู่ วันนี้พยายามสร้างว่าครูเป็นลูกจ้างของเด็ก เป็นลูกจ้างของพ่อแม่ แต่วันนี้ลูกกับพ่อคิดเห็นไม่ตรงกัน ลูกประกาศตัดพ่อ แล้วเราจะอยู่กันอย่างนี้หรือ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประเทศล่มสลาย จากนั้นก็จะเกิดจลาจล และสงครามกลางเมืองต่อไป ผมไม่อยากให้ไปถึงจุดดังกล่าว สื่อมวลชนต้องช่วยผมตรงนี้ด้วย”


กำลังโหลดความคิดเห็น