xs
xsm
sm
md
lg

มธ.ทนอะไร!? “ธนาธร” แนะรับฟังก่อน “นองเลือด” “หมอวรงค์” จวก ยืมปากเด็ก “แก้วสรร” 10 ข้อ มันส่อไม่เคารพ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ จากเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
“ธนาธร” ออกจากเบื้องหลังมาสวมบททะแนะ รับฟัง นศ. ก่อน “นองเลือด” “หมอวรงค์” โต้กลับ ถ้าคิดว่าไม่ผิด ทำไมไม่พูด 10 ข้อเอง ยืมปากเด็กทำไม “แก้วสรร” ชี้ ความคิดไม่ผิด แต่ 10 ข้อแสดงออกในตัวอยู่แล้ว ว่า “ไม่เคารพสถาบัน”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 ส.ค. 63) เฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์หัวข้อ “[ได้เวลาพูดถึงปัญหาในที่สาธารณะ ก่อนจะสายเกินไป]”

เนื้อหาระบุว่า “ผมอยากเรียกร้องสังคมให้พูดกันด้วยเหตุผล และมองเรื่องนี้อย่างมีวุฒิภาวะ เมื่อแต่ละคนมีจินตนาการอันสดใสของประเทศไทยในภายภาคหน้าที่ไม่เหมือนกัน เวลาพูดถึงประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เรามีจินตนาการไม่เหมือนกันว่าสถาบันแต่ละสถาบันในการเมืองจะยุ่งเกี่ยวกันอย่างไร จะบริหารอย่างไร ก็ต้องพูดคุยกันเพื่อให้เข้าใจปัญหา การพูดคุยกันอย่างเปิดเผยไม่ใช่อาชญากรรม การพูดคุยอย่างเปิดเผยคือสิ่งที่สังคมที่มีวุฒิภาวะต้องทำ

แต่เราก็ต้องยอมรับความจริงว่า มีคนที่ไม่สบายใจเวลาพูดถึงเรื่องนี้ ดังนั้น เวลาเราขอให้ฝ่ายอนุรักษนิยมเปิดใจรับฟัง นอกจากการใช้เหตุผลแล้ว เราก็ต้องบอกกันเองว่าเราต้องสื่อสารด้วยความเห็นอกเห็นใจ การสื่อสารกันด้วยเหตุผลย่อมดีกว่าการสื่อสารกันด้วยอารมณ์

ขอฝากไปถึงผู้มีอำนาจ เวลานี้ทุกคนต้องถอยคนละก้าว ไม่มีใครได้ 100% ไม่มีใครอยากเห็นการสูญเสียเลือดเนื้อ ถ้าผู้มีอำนาจยังไม่คิดถอย ไม่ประนีประนอม มันอาจไปถึงจุดนั้นได้ ทุกคนต้องถอยและใช้สติ โดยรูปธรรมของการถอย คือ การแก้รัฐธรรมนูญ มานั่งคุยกันว่าจะเอาอย่างไร เดินหน้าไปอย่างไร เพราะต้องยอมรับว่า คนที่ไม่พอใจ คนที่ตื่นรู้ทางการเมืองและต้องการเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง มีมากเกินกว่าที่รัฐจะปราบปรามหรือทำเป็นไม่รับรู้ว่ามีอยู่อีกต่อไป”

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้สัมภาษณ์พิเศษทางเฟซบุ๊กไลฟ์ผ่านแฟนเพจรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เปิดความลับ

ภาพ จากเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก โพสต์ข้อความระบุว่า

“ผู้สื่อข่าวถามนายธนาธร ว่า
มีกลุ่มคนบางส่วนรับไม่ได้กับ 10 ข้อเรียกร้อง เพราะมองว่า เป็นการจวบจ้วงสถาบัน ??

นายธนาธร ตอบว่า “มีข้อไหนจาบจ้วง”

ถ้านายธนาธรคิดว่า ไม่มีข้อไหนจาบจ้วง “นายธนาธรต้องพูดข้อเรียกร้อง 10 ข้อเองครับ อย่ามัวยืมปากนักศึกษาพูด อย่าแอบหลังเด็ก ต้องขึ้นเวทีเอง เพราะม็อบอื่นก่อนหน้านี้ นักการเมืองเขาเล่นเองหมด ไม่มีม็อบครั้งไหน ที่หลอกให้เด็กไปเล่นแทน”

ก่อนหน้านี้ ไม่กี่ชั่วโมง เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom โพสต์หัวข้อ “คนไทยจะไม่ทน”

โดยระบุว่า “วันนี้เริ่มมองภาพออกแล้วว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษา มีเป้าหมายที่ชัดเจน คือ การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

ถ้าเขาทำสำเร็จ ตามข้อเรียกร้อง 10 ข้อ จะทำให้ เกียรติยศ ศักดิ์ศรี ขององค์พระประมุขแห่งรัฐ แทบจะด้อยค่ากว่าประชาชนปกติ เพราะคนพวกนี้จำกัดสิทธิ์ทุกอย่าง แม้แต่การจะพูด การจะทำบุญก็ไม่ได้ และเขาต้องล้มล้างในที่สุด

เพื่อเปิดทางให้หนึ่งชายมาเป็นประธานาธิบดี หนึ่งหญิงมาเป็นรองประธานาธิบดี และอีกหนึ่งชายมาเป็นนายกรัฐมนตรี นำประเทศเป็นทาสรับใช้ตะวันตก ไม่ส่งเสริมศาสนา ยกเลิกวิถีไทย ทำลายสังคมเครือญาติ ไม่เรียกพี่น้องลุงป้าน้าอา ให้เรียกคุณ ผม ดิฉันเท่านั้น

เสียดายพลังนักศึกษา แทนที่จะเอาพลังมาต่อต้าน ทุนที่มาครอบงำพรรคการเมือง ต่อต้านทุนผูกขาดของประเทศ รื้อระบบตำรวจ อัยการ สู้กับการทุจริตคอร์รัปชัน แต่กลายมาเป็นเครื่องมือเพื่อตอบสนองคนไม่กี่คน โดยไม่รู้เลยว่า ที่เรียกร้องนั้น ไม่มีอะไรที่ประชาชนได้ประโยชน์เลย

#คนไทยจะไม่ทน”

ภาพ นายแก้วสรร อติโพธิ จากแฟ้ม
ด้าน นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง “ธรรมศาสตร์..ไม่ต้องทน” ผ่าน www.thaipost.net โดยมีเนื้อหาดังนี้

ถาม อาจารย์จบและสอนธรรมศาสตร์เหมือนกัน....เห็นด้วยกับเวที “ธรรมศาสตร์ต้องไม่ทน ” ที่ชุมนุมสาธารณะในมหาวิทยาลัย เมื่อ 10 สิงหา ประกาศว่า สถาบันกษัตริย์ต้องถูกจัดวางให้รู้จักอยู่กับประชาธิปไตยโดยสงบเสงี่ยมถึง 10 ข้อด้วยกัน หรือไม่ครับ

ตอบ 10 ข้อนี้ มันแสดงอยู่ในตัวว่าพวกคุณไม่เคารพคนในสถาบัน แต่แค่ความคิดมันผิดไม่ได้ เขาพูดแค่นี้..หากตำรวจจับนายเพนกวินไปศาลหาว่าจาบจ้วงพระมหากษัตริย์ ถ้าผมเป็นผู้พิพากษา ผมจะยกฟ้อง เพราะผมหาความผิดเขาไม่ได้ เขาไม่ได้จาบจ้วงดูหมิ่นในหลวงเป็นบุคคลเลย เขาวิพากษ์สถาบันการเมืองหนึ่งว่าควรเป็นอย่างไรเท่านั้น คนเรามันผิดที่ความคิดไม่ได้นะครับ

ถาม นั่นหมายถึงว่า ถ้าอาจารย์เป็นผู้พิพากษา แต่ถ้าในฐานะเป็นคนธรรมศาสตร์คนหนึ่งและประชาชนคนหนึ่ง จะว่าอย่างไรครับ

ตอบ ผมเห็นว่า ธรรมศาสตร์เราไม่ต้องทนกับสถาบันกษัตริย์ เลยครับ....สถาบันกษัตริย์เป็นต้นทุนทางสังคมที่ทำให้เรามีชาติมีส่วนรวม พอมีชาติมีส่วนรวม เราก็มีถูกมีผิดมีประนีประนอม รู้จักผ่อนปรนอยู่ด้วยกันได้ ประชาธิปไตย จึงมีค่าได้จริง เพราะอย่างนี้

ดังนั้น เราจะมีแต่สิทธิเสรีภาพความเสมอภาคเท่านั้นไม่ได้ ต้องมีความสมานฉันท์ด้วย ตรงจุดนี้นี่เองคือองค์คุณของสถาบันกษัตริย์ยุคใหม่ต่อบ้านเมือง ที่ล้นเกล้าภูมิพล ท่านทรงทุ่มเทตรากตรำสร้างไว้ให้เป็นต้นทุนของบ้านเมืองทั้งสิ้น

ถาม เป็นต้นทุนทางประวัติศาสตร์หรือครับ
ตอบ ครับ..หมายความว่า สถาบันนี้เติบโตและเป็นไปตามพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมาปลุกระดม มาอภิปราย มามีมติออกแบบ ปรับแบบให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ เกิดและโต หรือสูญไปด้วยพัฒนาการของประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น ไม่ใช่เรื่องที่ใครในธรรมศาสตร์จะโวยวายออกมาว่า ธรรมศาสตร์ทนไม่ได้แล้ว

ถาม พวกอาจารย์เป็นร้อยเขาบอกว่า เป็นเรื่องที่สังคมต้องทนฟังธรรมศาสตร์บ้าง

ตอบ ไม่ต้องมาทนหรือไม่ทนหรอกครับ ใช้สำนึกกันบ้างอย่าโผล่มาออกแขกตรงนี้เลย ปัญหาบ้านเมืองวันนี้มันไม่ได้อยู่ตรงนี้ ทั้งปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การเมือง มันประดังมาพร้อมกันหมดแล้วในวันนี้ จะหยิบยกเรื่องความจงรักภักดีขึ้นมาฆ่ากันทำไม เรือไททานิกกำลังแล่นผิดร่องน้ำ จนจะชนภูเขาน้ำแข็งอยู่แล้ว แล้วจะมาม็อบกันทำไมตรงประเด็นนี้ว่า กัปตันเรือทำตัวไม่เหมาะสม จะให้ฟัดกันใหญ่จนเรือชนภูเขาน้ำแข็งล่มไปเลยหรือ

ถาม เพราะฉะนั้น อาจารย์ว่า ธรรมศาสตร์ก็ไม่มีอะไรต้องทน ใช่มั้ยครับ

ตอบ ครับ สถาบันการศึกษาก็พัฒนาไปตามทางของตน โดยทุกสถาบันต่างก็ต้องมองบ้านเมืองเป็นส่วนรวม อย่าใช้เสรีภาพพล่อยๆ อย่าใช้ความสมานฉันท์โง่ๆ เท่านี้ก็ไปกันได้แล้ว

ถาม ถ้าเป็นอย่างนี้ ผมเสนอหัวข้อทำวิทยานิพนธ์เรื่อง “ความรับผิดชอบของผู้เป็นกษัตริย์ในสถาบันกษัตริย์สมัยใหม่” ในคณะรัฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ได้ไหมครับ

ตอบ ได้ครับ ผมยินดีรับเป็นที่ปรึกษาด้วยเลย แต่คุณจะมาจัดชุมนุมเป็นม็อบปากมัน ใช้ชื่อใช้สถานที่ธรรมศาสตร์จนจะฟัดกันเละเทะไปทั้งสองสถาบันอย่างนี้ไม่ได้ มันผิด

ถาม ถือเป็นการใช้เสรีภาพโดยไม่สุจริต
ตอบ ไม่ใช่ครับ...เป็นการใช้เสรีภาพต่อส่วนรวม โดยไม่รู้จักรับผิดชอบทั้งต่อธรรมศาสตร์และบ้านเมืองเสียมากกว่า ส่วนจะไม่สุจริตหรือไฟธาตุแตก เป็นส่วนบุคคลนั้น แม้จะมองเห็นๆ ก็ไม่ใช่ประเด็นครับ”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ อาจอยู่ที่บทความของ อ.แก้วสรร ที่ให้สำนึกแห่งวุฒิภาวะอย่างยิ่ง โดยเฉพาะนำเสนอทำนองว่า ธรรมศาสตร์เดือดร้อนอะไรในเวลานี้ ถึงต้องเอาประเด็นนี้มาอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์
“...หยิบยกเรื่องความจงรักภักดีขึ้นมาฆ่ากันทำไม เรือไททานิกกำลังแล่นผิดร่องน้ำ จนจะชนภูเขาน้ำแข็งอยู่แล้ว แล้วจะมาม็อบกันทำไมตรงประเด็นนี้...”

รวมถึงตอนต้นของเรื่อง ที่นำเสนอให้เห็นว่า แม้ “ความคิด” จะไม่ผิด คือคิดทำโน่นทำนี่ แต่ยังไม่มีผล หรือหลักฐาน แต่ ข้อเสนอ 10 ข้อนั้น อ.แก้วสรร เห็นอย่างชัดเจนว่า “มันแสดงอยู่ในตัวว่าพวกคุณไม่เคารพคนในสถาบัน”

แค่นี้ เด็ก ป.4 ก็น่าจะฟังรู้เรื่องแล้ว ว่าหมายถึงอะไร ส่อแสดงไปในทางไหน คงไม่ต้องตีความอีกแล้วว่า ท่าทีตรงไหนที่ยังรัก เคารพอยู่ แม้แต่คนที่ออกมาพูดให้รับฟัง นศ. คนรุ่นใหม่ ไม่ว่า นักการเมือง นักเคลื่อนไหว นักวิชาการ มันก็ความหมายไปในทางเดียวกันนั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น