“มาดามเดียร์” เผย เคารพ “บิ๊กตู่” เลือก ครม.ชุดใหม่ ขอเร่งพิสูจน์ฝีมือ เร่งความเชื่อมั่น กู้วิกฤต ศก.มั่นใจไม่มีปัญหาถึงแม้ รมต.ไม่ได้มาจากพรรค หากมีนโยบายทำเพื่อ ปชช.
วันนี้ (8 ส.ค.) น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีว่า ตนขอเคารพการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในการคัดเลือกบุคคลที่มาดำรงตำแหน่งคณะรัฐมนตรีซึ่งได้ประกาศมาชัดเจนแล้ว หลังจากนี้คงเป็นบทพิสูจน์ของ ครม.ที่จะสามารถฟื้นฟูเยียวยาปัญหาเศรษฐกิจที่ขณะนี้อยู่ในภาวะวิกฤต โดยจากการลงพื้นที่ใันนี้ผู้ประกอบการได้มีการสอบถาม ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการในระดับล่าง และธุรกิจ sme ก็ยังเผชิญภาวะวิกฤตในแง่ของยอดรายได้ก็ยังไม่มีนัยว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวอย่างไร ในส่วนของตัวรัฐมนตรีก็จะต้องพิสูจน์ตัวเอง การดำเนินงานต้องใช้เวลาอย่างรวดเร็วในการเร่งพลิกฟื้นแก้ปัญหา และการพิสูจน์ตัวเองในสายตาของประชาชน ตนคิดว่าความเชื่อมั่นศรัทธาจากประชาชนให้ออกมาจับจ่ายใช้สอย และกล้าลงทุน รวมถึงการลงทุนต่างชาติ ถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ว่าจะกล้ามาลงทุนในประเทศหรือไม่
น.ส.วทันยากล่าวต่อว่า สำหรับรายชื่อบุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ทางด้านเศรษฐกิจ ก็จะเห็นว่านายกรัฐมนตรีพยายามคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ แต่อย่างที่บอกว่า ก็ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ ท่านผู้บริหารต้องทำความเข้าใจกับระบบราชการ และทำอย่างไรให้เกิดการเชื่อมโยงในการทำงานแลบบูรณาการกับหน่วยงานอื่น รวมถึงการทำงานร่วมกับรัฐสภา เกี่ยวกับการออกกฎหมายและแก้กฎหมายที่ทำให้เกิดปัญหาติดขัดและการรื้อฟื้นเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่า รัฐมนตรีหลายคนไม่ได้มาจากพรรคพลังประชารัฐจะมีปัญหาในการทำงานหรือไม่ น.ส.วทันยากล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่มีปัญหาในการทำงาน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการมุ่งมั่นทำงานเพื่อนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตและก้าวไปข้างหน้า พวกเราทุกคนต้องพยายามช่วยให้ประเทศผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ ถ้ารัฐมนตรีท่านใดมีนโยบายหรือโครงการที่ทำเพื่อประชาชน พวกเราก็พร้อมที่จะช่วยสนับสนุนและผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
เมื่อถามถึงการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ น.ส.วทันยากล่าวว่า คงจะต้องรับฟังความเห็นของประชาชนว่ามีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันนี้ก็มีการออกมาเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งประชาชน พรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้าน และล่าสุดนายกรัฐมนตรีก็พูดชัดเจนแล้วว่าพร้อมที่จะสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากนี้คงจะเหลือแค่ขั้นตอนว่าจะมีการแก้ไขอย่างไร ให้ตั้ง ส.ส.ร.แก้เป็นรายมาตรา หรือแก้มาตรา 256 ก็คงจะต้องนำไปพูดคุยหาข้อสรุปในชั้นกรรมาธิการ ถือว่ายังเป็นความคิดเห็นที่แตกต่างของหลายฝ่าย และเป็นเรื่องเปราะบาง ที่ผู้ใหญ่ทุกท่านในทุกภาคส่วนจะต้องร่วมหารือกันเพื่อหาข้อยุติร่วมกันให้ดีที่สุด
ส่วนกรณีที่ ส.ว.ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร.นั้น น.ส.วทันยากล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเราทุกคนเป็นตัวแทนประชาชนและปากเสียงของประชาชน สิ่งที่เรายึดมั่นเสมอก็คือต้องรับฟังเสียงของประชาชน เมื่อรับฟังมาแล้วต้องนำมาปรับเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะใช้ได้ไม่นาน แต่ก็เห็นว่ามีปัญหาในหลายจุดซึ่งบางส่วนเราก็เห็นด้วยที่จะต้องมีการปรับแก้