อดีต ส.ว.กทม.ยื่นติดตามเอกสาร กมธ.กฎหมายยุค สนช. คดี “บอส” หลังสงสัยมีส่วนยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม เป็นเหตุให้รองอัยการสั่งพลิกคดีไม่ฟ้อง “บุญยืน” จวกไม่เห็นหัว ปชช. หลัง 2 หน่วยงานตีปิงปองหนีเผือกร้อน
วันนี้ (7 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม. พร้อมด้วย น.ส.บุญยืน ศิริธรรม อดีต ส.ว.สมุทรสงคราม ยื่นหนังสือติดตามเอกสารรายการบันทึกการประชุมผลการศึกษาและหนังสือนำส่งอัยการ ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย กระบวนการยฺุติธรรม และกิจกรรมตำรวจ สมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อปี 2557 ที่มี พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน กมธ. กรณีการร้องขอความเป็นธรรมของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ในคดีขับรถชนนายตำรวจเสียชีวิต ถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ผ่านว่าที่ ร.ต.อาพันธ์ สุขะนันท์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยว่าที่ ร.ต.อาพันธ์กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เบื้องต้นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ทำหนังถึงเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อส่งเอกสารดังกล่าวให้ น.ส.รสนาแล้ว รวมทั้งได้ทำหนังสือแจ้ง น.ส.รสนา ว่าเลขาธิการสภาฯ ไม่อยู่ในความครอบครองของเลขาธิการสภาฯ
ด้าน น.ส.รสนากล่าวว่า สาเหตุที่ต้องการได้เอกสารเพราะหาหลักฐานที่ทำให้อัยการสามารถรับเรื่องขอความเป็นธรรมได้ ภายหลังวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ที่อัยการสูงสุดได้พิจารณายุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรม เพราะคณะกมธ.กฎหมายฯ ของ สนช.เคยทำหนังสือขอให้สอบเพิ่มเติม เนื่องจากมีหลักฐานใหม่ โดยมี ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม เป็นพยานในเรื่องการคำนวณความเร็วรถ ดังนั้นจึงเกิดข้อสงสัยว่า ในเมื่ออัยการสั่งยุติเรื่องขอความเป็นธรรมไปแล้ว ในภายหลังวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 มีการรื้อฟื้น หรือส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไร ตนจึงเห็นเอกสารของ สนช. นอกจากเอกสารบันทึกการประชุมฉบับวันที่ 22 ธันวาคม 2559 และวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 แล้วยังสงสัยว่ามีเอกสารอื่นๆ ที่ทำให้รองอัยการสูงสุดกลับมติสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าวอีกหรือไม่ จึงเรียกร้องให้นายพรเพชร วิชัยชลชัย ประธานวุฒิสภา และ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ อดีตประธาน กมธ.กฎหมาย เร่งเผยแพร่ข้อมูลและชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อลดความคลางแคลงใจของสาธารณชนในคดีนี้
น.ส.บุญยืนกล่าวว่า ตนรู้สึกว่าทำไมการขอเอกสารดังกล่าว สภาฯ ทำไมถึงไม่อำนวยความสะดวกให้ประชาชน เหมือนเป็นการตีปิงปองกันไปมาของหน่วยงานในสภาที่อยู่ในตึกเดียว ส่งเอกสารไม่น่าใช้เวลานาน เพราะไม่มีระยะห่างกันเป็น 100 กิโลเมตร อีกนายชวนก็เป็นประธานรัฐสภา จึงไม่สามารถใช้อำนาจขอเอกสารมาได้ หรือเข้าใจว่าประชาชนน่าขยะแขยงหรืออย่างไร