รายงาน
2 สิงหาคม 2563 จากโรงแรมที่พัก อ.เมือง จ.สกลนคร ระยะทางราว 50 กม. เดินทางสู่ อำเภอเขาวง จ.กาฬสินธ์ุ ท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำหนักตลอดเส้นทาง ตามที่กรมอุตุนิยม บอกว่าจะมีดีเปรสชั่นพายุฝนเข้าสู่ภาคอีสาน ช่วงวันที่ 1-4 สิงหาคม 2563
แต่ ไม่ได้เป็นอุปสรรคให้คณะของนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา พร้อมด้วยพลโทจเรศักณิ์ อานุภาพ นายเชิดศักดิ์ สันติวรวุฒิ และนายสัญชัย จุลมนต์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ฯ นายชนศวรรตน์ ธนศุภรณ์พงษ์ นายภัทรพล ณ หนองคาย อนุกรรมาธิการฯ และนายสุภัทรดิศ ราชธา ผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมกักเก็บนำ้ขนาดเล็ก ยังคงเดินทางฝ่าพายุฝนที่กระหน่ำซัด ตลอดเส้นทาง รถตู้ 2 คันที่คณะฯนั่งมา ทำความเร็วไม่เกิน 60 กม.ต่อชั่วโมง บางห้วง บนเส้นทาง วกเวียน เชิงเขา บริเวณบ้านกวนบุ่น อ.เต่างอย จ.สกลนคร ทำความเร็วไ้ด้เพียง 20-30 กม.ต่อชั่วโมงเท่านั้น มองผ่านกระจกรถออกไป เห็นแต่ทิวฝนหนาทึบบดบังทิวเขารำไร
เป้าหมายของเรา คือ ศึกษาดูงาน รับรู้ข้อมูล ปัญหาและข้อเสนอ ของภาคประชาชนในพื้นที่
คณะฯ เดินทางถึงฝายลำพะยัง ตำบล คุ้มเก่า หมู่ 2 อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่า ก่อนหน้านี้เพียง 2 วันน้ำมีอยู่แค่หลังฝาย แต่ที่หน้าฝายไม่มีนำ้เลย ดูเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากที่ฝนตกหนักเพียงคืนเดียวกลับมีน้ำกำลังไหลหลาก ล้นฝายไหลเชี่ยวรุนแรงบริเวณหน้าฝายที่น่าเสียดายคือน้ำปริมาณมหาศาลกลับไหลไปตามลำน้ำยัง และไหลออกไปยังแม่น้ำโขงโดยไม่มีการกักเก็บน้ำเอาไว้แต่อย่างใด
นายสังศิต ได้ดำเนินการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกับผู้แทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทฤษฎีคนรุ่นใหม่ ณ ศูนย์การเรียนรู้บ้านแดนสามัคคี ต.คุ้มเก่า อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ โดยมี นางสาวภัทรา วรามิตร สมาชิกวุฒิสภา นายชรินทร์ ภู่ชัย นายอำเภอเขาวง นายกิฬา ศรีวรขันธ์ นายก อบต.คุ้มเก่า กำนันตำบลคุ้มเก่า ผู้ใหญ่บ้านร่วมหารือ การสร้างฝายกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง เพื่อสานต่อแนวพระราชดำริฯ ให้ประชาชนมีนำ้อุปโภคบริโภคตลอดฤดูแล้ง
นายจีระพันธ์ ไชยขันธ์ ปลัด อบต.คุ้มเก่า ชี้แจงให้ข้อมูลต่อที่ประชุมว่า พื้นที่นาข้าวที่เห็นน้ำเต็มทุ่ง รอบฝายลำพะยัง เนื่องจากฝนตกติดต่อกัน 2 วัน ก่อนที่คณะฯเดินทางมาถึง ก่อนหน้านี้ แห้งแล้งไม่มีน้ำเลย น้ำที่ไหลล้นฝาย จะไหลไปตามลำน้ำยัง ไม่มีกักการเก็บน้ำ ถึงฤดูแล้งก็จะขาดน้ำ ขาดน้ำปลูกพืชผลอื่นเพื่อเสริมรายได้
นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา กล่าวเสริมถึงแนวทางแก้ปัญหาว่า “แนวทางที่ใช้ได้ผลมาแล้วหลายพื้นที่ คือ การสร้างฝายแกนซอยซีเมนต์ หรือเรียกว่า “ฝายดิน” ก็ได้ เพราะมีส่วนผสมของปูนซีเมนต์เพียง 1 ส่วน ใช้ดิน 20 ผสมกัน ปูนจะช่วยให้การเกาะยึดของดินแน่น คงทนและจะเป็นฝายที่เนื้อเดียวกับดินธรรมชาติ
“ฝายแกนซอยซีเมนต์หรือฝายดินนี้ จะชะลอช่วยลดความแรงการไหลของน้ำ
กักเก็บน้ำทั้งไว้บนผิวดินและใต้ดิน เมื่อหมดฤดูฝน ในฤดูแล้ง น้ำที่ถูกกักเก็บไว้ด้วยแกนซอยซีเมนต์ บริเวณพื้นที่รอบจะซึมขึ้นผิวดินทำให้มีน้ำใช่พอเพียงตลอดฤดูแล้ง”
ในด้านงบประมาณ นายสังศิต ให้ข้อแนะนำว่า มี 3 แนวทาง คือ 1 ใช้งบประมาณปกติของท้องถิ่น 2.เสนอของบ 4 แสนล้านบาท (สู้โควิด19) ของรัฐบาล 3.ให้ทำเรื่องถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและสำเนาเรียนประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา เพื่อผลักดันอีกทางหนึ่งด้วย
ฝายลำพะยัง เกิดขึ้นตามแนวพระราชดำริ โดย
เมื่อวันที 25 พฤศจิกายน 2535 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรบ้านกุดสิม ตำบลคุ้มเก่า อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ และเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร สภาพภูมิประเทศลำพะยังที่บ้านกุดตอแก่น และที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยสายนาเวียง ตำบลคุ้มเก่า อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้พระราชทานพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาวางโครงการ และก่อสร้างฝายลำพะยังตอนบน (ห้วยวังคำ) บ้านดงหมู ตำบลคุ้มเก่า บ้านนาวี ตำบลสงเปลือย อำเภอเขาวง เพื่อช่วยเหลือราษฎรในเขตพื้นที่ดังกล่าว ให้มีน้ำใช้ทำการเกษตรและอุปโภคบริโภคตลอดปี ครอบคลุมพื้นที่เกษตร 2,500 ไร่ กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างเสร็จในปี 2560
การมีฝายช่วยให้พี่น้องเกษตรกรจำนวนหนึ่งมีโอกาศในชีวิต มีอาชีพและมีรายได้ดีขึ้น แต่นำ้ก็กลายเป็นข้อขัดแย้งระหว่างเกษตรกรที่อยู่ต้นน้ำที่ไม่ต้องการปล่อยน้ำเพราะอยากเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้ง ส่วนเกษตรกรที่อยู่ท้ายนำ้เพราะขาดแคลนน้ำก็เรียกร้องขอให้ปล่อยนำ้ให้พวกเขาได้ประโยชน์บ้าง ท่านนายกอบต.และชาวบ้านจำนวนมากบอกกับพวกเราว่าไม่ต้องการฝาย เพราะเกรงว่าจะมีการตัดต้นไม้ใหญ่ และไม่ต้องการให้มีการขุดลอกคลองส่งนำ้ ผมคิดว่าข้อกังวลใจของพี่น้องเกษตรกรเป็นเรื่องที่ยอมรับได้เพราะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีจากการทำงานของข้าราชการในอดีต ผมจึงเสนอว่าแนวทางการทำงานของเราจะต้องทำให้ประชาชนได้ทั้งประโยชน์และได้ความสุข หากประชาชนได้ประโยชน์แต่ไม่มีความสุข เราจะไม่ทำ และถ้าพวกเขามีความสุขแต่ไม่ได้ประโยชน์ เราก็จะไม่ทำเหมือนกัน เพราะฉะนั้นการสร้างฝายดินจะต้องไม่มีการตัดต้นไม้ใหญ่ของชาวบ้านแม้แต่ต้นเดียว นอกจากนี้เราจะไม่มีการขุดลอกดินในลำน้ำ ที่ผมกล้าตัดสินใจเช่นนี้เพราะเมื่อวานที่เราไปเห็นฝายกักเก็บน้ำที่สกลนครที่ชาวบ้านทำกันเองซึ่งอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่า”ยับเยิน” ยังสามารถกักเก็บน้ำได้ตั้งเยอะ ฉะนั้นการสร้างฝายดินสูงสัก 1 เมตรทุกระยะ 1-5 กม.ต่อตัวตลอดลำนำ้ระยะทางราว 30 กิโลเมตร พี่น้องเกษตรกรจะมีปริมาณนำ้ที่อยู่บนดินและใต้ดินที่ใช้เพื่อการเกษตรตลอดปีเป็นจำนวนหลายสิบล้านลบ.ม. ภายหลังจากที่ผมอธิบายแล้ว พี่น้องเกษตรกรดูจะสบายใจขึ้น หลังจากนั้นเราได้ลงไปดูแปลงเกษตรแบบผสมผสานและเป็นออแกนิกของกลุ่มชาวบ้าน ผมรู้สึกชื่นชมที่ชาวบ้านมีการทำการเกษตรแบบที่เป็นของส่วนรวม เพื่อให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินสามารถมีที่ทำกินได้ เราจากกันด้วยความรู้สึกที่ดีและเราสัญญาว่าจะกลับไปติดตามและแก้ปัญหาเรื่องนำ้ให้พี่น้องเกษตรกรภายในเดือนสิงหาคมนี้ นี่เป็นคำมันสัญญาว่าเราจะไม่ทิ้งกัน
ก่อนเดินทางไป อุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ มีนายสุภัทรชัย หันจรัส ประธานเครือข่ายเกษตรยั่งยืนจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ยื่นเรื่องขอความอนุเคราะห์สนับสนุนโครงการก่อสร้างบ่อบาดาลน้ำตื้น พร้อมติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเป็นกลไกการขับเคลื่อนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่ภาคปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามแนวทางพระราชดำริ
จากนั้น คณะเดินทางไป อุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ โดยมีประชาชนรอพบอยู่ที่ปากอุโมงค์ หนึ่งในนั้น คืออดีตแกนนำสมัชชาคนจนที่เคลื่อนไหวต่อสู้กับความยากจนของชาวไร่ ชาวนาเป็นที่รู้จักกันดีคือคุณบำรุง คะโยธา กรรมการลุ่มน้ำชี กัลยานิมิตร รอร่วมเสนอความคิดการบริหารจัดการน้ำ บริเวณลุ่มน้ำยัง กับนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา และคณะ
นายบำรุง คะโยธา ได้เสนอให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ของตนเสนอ ตั้ง “สภาบริหารจัดการน้ำของประชาชน” เพื่อร่วมบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ของตน’ ซึ่งนายสังศิต เห็นเช่นเดียวกัน และ รับที่ประสานกับ ชลประทาน เขต 7 จังหวัดมุกดาหาร และเขต 6 จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่นี้
“27-28 สิงหาคมนี้เราจะกลับไปประชุมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อหารือกันแก้ปัญหาหนองหารที่สกลนคร และวันรุ่งขึ้นเราจะไปประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่กาฬสินธุ์เพื่อแก้ปัญหาเรื่องแหล่งน้ำขนาดเล็กอีกรอบครับ”นายสังศิตกล่าว