xs
xsm
sm
md
lg

แบ่งข้าง! “จรัล” ปั่นม็อบกระแสสูง “หมอวรงค์” แฉแกนนำไถเงินบริจาค “สุชาติ” เลือกแล้ว “สมคิด” ร่ายกวีเตือนสติ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย จากแฟ้ม
ให้มันรู้ไป “ไผเป็นไผ” “จรัล” ประธานผู้ลี้ภัย ปั่น“ม็อบ” กระแสสูง ปลุกคนร่วม “หมอวรงค์” แฉ แกนนำเปิดบัญชีไถเงินบริจาค ยุคนอยู่เบื้องหลังออกมานำซะเลย “สุชาติ” เปิดใจเลือกข้าง “สมคิด” จับคู่ “หงา” ร่ายกวีเตือนลูกหลาน

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (3 ส.ค. 63) เฟซบุ๊ก Jaran Ditapichai ของ นายจรัล ดิษฐาภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และประธานสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน ที่ลี้ภัยอยู่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความระบุว่า

“กระแสสูงของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ประชาชนควรสนับสนุน เข้าร่วมให้มากขึ้นตามคำเรียกร้องของกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่ตั้งคณะประชาชนปลดแอกขึ้นมา กระแสจึงสูงยิ่งขึ้น มีพลังมากขึ้น รุกกระหน่ำโจมตีรัฐบาลประยุทธ์และกลุ่มปกครองปั่นป่วน ถอยร่นได้”

ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก โพสต์หัวข้อ “สามตะกร้าเป็นแกนนำได้แล้ว!!!”

โดยระบุว่า “แปลกใจครับที่ กลุ่มม็อบเยาวชนปลดแอก มีการเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นประชาชนปลดแอก

อาจเป็นเพราะ มีกลุ่มอาชีวะช่วยชาติออกมา ทำให้หวั่นไหว หรือแกนนำบางคน เป็นนักศึกษากินจุ เปิดบัญชีไถเงินบริจาคจากประชาชน หรือเยาวชนปลดแอก ใช้วาจาหยาบคายมาก ทำให้ไม่ได้แนวร่วมจากประชาชน

แต่ถ้ามาใช้ชื่อประชาชนปลดแอก ก็น่าจะเรียกร้องให้สามตะกร้า มาเป็นแกนนำม็อบเลย ดีกว่าหลบใต้กระโปรงนักศึกษา อย่างน้อยจะได้รู้รสชาติ ของการขึ้นศาล หลังจากจบม็อบ”

ภาพ ม็อบเยาวชนปลดแอก จากเฟซบุ๊ก สุชาติ สวัสดิ์ศรี
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก่อนหน้านี้ (2 ส.ค. 63) เฟซบุ๊ก สุชาติ สวัสดิ์ศรี ของ นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ โพสต์หัวข้อ “รำพึงจากชราชน”

เนื้อหาระบุว่า “แวดวงที่เคยไปร่วมชุมนุมยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน ปิดกรุงเทพฯ ขัดขวางการเลือกตั้ง ฉีกรัฐธรรมนูญ กับ “ม็อบ” พันธมิตรฯ และ กปปส. นี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ ในเรื่องทำเนียน ทำเบลอ แสดงความเป็นมนุษย์มาตลอด คือ ไม่รู้สึกว่าตนเองจะต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น มิหนำซํ้า ยังเรียงหน้ากันออกมาเทศนา พวก Nobody

ไม่เป็นไร แล้วแต่สำนึกในปัจเจกของแต่ละคน แต่พวก Somebody ที่มีตัวตน มีหน้าที่การงาน และยังมีบทบาทอยู่ในแวดวงมาอย่างต่อเนื่อง จำพวกเหล่านี้ต่างหากที่ผมรู้สึก “กังขา” เพราะการเป็น Somebody ที่ไม่แสดง “จุดยืน” ให้ชัดเจน แต่ยังยินดีกับการทำรัฐประหารของคณะทหาร ตลอดเวลาแห่งความอับจน ล้มเหลว ในช่วงเวลากว่า 1 ทศวรรษที่ผ่านมา คือ ตั้งแต่รัฐประหาร 2549 จนถึงรัฐประหาร 2557 ช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ

ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ
ไม่อยากเห็นก็ต้องเห็น
Somebody ในแวดวงเหล่านี้ นอกจากจะไม่รู้สึก “สำนึกพลาด” แล้ว ยังกลับมาทำเท่ๆ หล่อๆ กับการเขียนอะไรหล่อๆ เท่ๆ มองโลกสวยแต่พอเพียง ปฎิบัติธรรม สั่งสอนให้มีสติ ร่วมทำเวิร์กชอป ร่วมแสดงตัวทางวรรณกรรม ร่วมเป็นกรรมการในระดับต่างๆ ตั้งแต่ซีไรต์ ซีพี พานแว่นฟ้า เปลื้อง วรรณศรี ศรีบูรพา ศิลปินแห่งชาติ ฯลฯ

ภายหลังการเข้าร่วมขบวนกับพันธมิตรฯ และ กปปส.ทั้งในแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ บรรดา Somebody เหล่านี้กลับเหมือนไม่สนใจการเมืองในสถานการณ์ปัจจุบันอีกต่อไป อีกทั้งบางคนยังยินดี “ให้เวลาเขาหน่อย” กับเผด็จการในคราบใหม่ รวมทั้งที่เข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ “เลียตีนเผด็จการ” ในคราบของ “ส.ว.ลากตั้ง” หล่อๆ เท่ๆ กันไป เพื่อรอเวลาว่า “กูจะไปทางไหนดี”

ผมนั้นชราแล้ว บอกตามตรงว่า ผมรู้สึกอิจฉาพวกเขามาก แต่บางครั้งก็รู้สึกเกลียดตัวเองที่มีความย้อนแย้งหลายอย่างเกิดขึ้นกับบุคคลในแวดวงที่ผมรู้จัก

เอาเป็นว่า การเลือกก็คือการเลือก การไม่เลือกก็คือการเลือกอย่างหนึ่ง ในความเป็นมนุษย์ที่หลากหลายแตกต่าง ผมรู้ว่าคนเราต่างก็เดินไปบนเส้นทางของตนเอง และมีความขัดแย้งร้อยแปดบังเกิดขึ้นทั้งในใจของตนเองและในใจของผู้อื่น ผมนั้นยังรู้สึกแยแสกับแวดวงมาตลอด แต่บัดนี้ก็มาถึงบทสรุปแล้ว คือ ถ้ายังทันพบกันได้ก็ยินดี แต่ถ้าพบกันไม่ได้ ก็ต่างคนต่างไปตามเส้นทางของตน-The River of No Return

ผมนั้นไม่มีอนาคตแล้ว มีแต่เวลาที่เหลืออยู่
แต่อนาคตของลูกๆ หลานๆ ยังมีอยู่ และยังมีอยู่อีกยาวนาน
เมื่อพวกเขามาทวงอนาคต ผมย่อมรู้สึกยินดีที่จะได้ยืนอยู่ข้างๆ พวกเขา”

ภาพ หงา คาราวาน และ สมคิด สิงสง จากแฟซบุ๊ก สมคิด สิงสง
นอกจากนี้ คนในแวดวงวรรณศิลป์ อย่าง สมคิด สิงสง : คนกับควาย อยู่ที่ วนเกษตรอินทรีย์ฯ เฮือนดินค้ำฟ้า : อาศรมเคียวเกี่ยวดาว ก็ออกมาโพสต์กวีเตือนสติลูกหลาน ด้วยความหวังดี ทั้งยังเป็นการต่อกวีของ “น้าหงา” หงา คาราวาน ด้วย

หลังเจ้าตัวเจอเพื่อนรักสมัย “14 ตุลา” โดยบังเอิญ และได้ถ่ายภาพร่วมกัน พร้อมกับนำภาพมาลงประกอบด้วย

ทั้งนี้กวีบทนั้น ชื่อ “#คลื่นลูกเก่าจักเลือนหายไปตามกาล”

๏ อย่าเย่อหยิ่งทะนงตนคนรุ่นใหม่
ไม่กี่ปีผ่านไปมันก็เก่า
ความเป็นคนที่แท้อยู่แก่เรา
จะแก่เฒ่าสาวหนุ่มก็กลุ่มคน
(สุรชัย จันทิมาทร 28 ก.ค.2563)
๏ ที่แก่เฒ่าก็เพราะว่าเกิดมาก่อน
เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาเข้มข้น
จะชั่วดีมีเส้นแบ่งเตือนใจตน
ศีลธรรมจักดาลดลความเป็นไป
๏ จึงเมตตาลูกหลานผู้สานสืบ
จงรู้คืบรู้วาจำแนกได้
รู้ครรลองคองธรรมลูกหลานไทย
รู้ว่าใครประสงค์ร้ายประสงค์ดี
๏ ไม่หวังดีมีหรือจะกล้าสอน
เคยเป็นหนุ่มมาก่อนแต่ภายกี้
เคยเร่าร้อนสู้รบเคยราวี
แต่เป็นตีงูตายถวายกา
๏ เคยชูธงลงสู่ถนนใหญ่
เคยบ้างไหมเตะหมูสู่ปากหมา
วีรกรรมหาญห้าวคราวตุลา
จนแบกปืนเดินป่าฝ่าแนวรบ
๏ เพียงถ่ายทอดบทเรียนรุ่นสู่รุ่น
อาจหมางใจเคืองขุ่นบางใครหลบ
ซ่อนลี้หลังพลังใสสาวหนุ่มพบ
มิอาจวางใจสงบจึงสวนทาง
๏ เห็นลุงเตือนลูกหลานด้วยหวังดี
เขาบ่ห่อนเปรมปรีดิ์ในระหว่าง
จึงยื่นหน้าด่าทอบ่อำพราง
"ทรยศ" แยกข้างตอกลิ่มลึก
๏ มีแรงด่าอย่าหยุดรุดหน้าเถิด
จักได้เปิดหน้าเผยในกลศึก
คำลุงสอนไม่อยากฟังสวนสำนึก
ก็สุดแท้จะตรองตรึกตามสบาย
๏ จักเย่อหยิ่งทะนงตนชนรุ่นหลัง
ฟังไม่ฟังก็สุดแท้แต่ความหมาย
หน่อยคนแก่ก็จะถึงซึ่งความตาย
คลื่นลูกเก่าจักเลือนหายไปตามกาล๚ะ๛

สมคิด สิงสง
1 สิงหาคม 2563

สำหรับม็อบเยาวชนปลดแอก หรือ แฟลชม็อบ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่กระจายจัดกิจกรรมในหลายจังหวัดนั้น นอกจากสร้างความเคลือบแคลงใจให้กับคนไทย ว่า มีคนหนุนหลังหรือไม่ โดยเฉพาะข้อเรียกร้องที่ตรงกับแนวทางต่อสู้ของนักการเมืองบางกลุ่ม ขณะเดียวกัน ก็มีการชูป้ายหมิ่นสถาบันอยู่ในม็อบ โดยป้ายที่ชูกันในม็อบ ยังมีการนำไปโพสต์ขยายผลต่อในเฟซบุ๊กของกลุ่มคนล้มเจ้าด้วย

และม็อบดังกล่าว ก็ได้ประกาศ จัดตั้ง “คณะประชาชนปลดแอก-Free People” โดยระบุว่า จะไม่ใช่เยาวชนอีกต่อไป แต่นี่คือ “ประชาชน” โดยถือเป็นการยกระดับการชุมนุมขึ้นมาอีกขั้นนั่นเอง

แน่นอน, ต้องยอมรับว่า ในฝ่ายที่ต้องการต่อสู้กับเผด็จการรัฐประหาร และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมองว่า เป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการนั้น ม็อบเยาวชนปลดแอก คือ ความหวังที่จุดประกายขึ้นมาแล้ว

ทำอย่างไร จะสามารถประคับประคองให้คงอยู่ และมีพลังเพียงพอที่จะต่อสู้กับอำนาจเผด็จการได้ จึงไม่แปลกที่หลายคนจะโหนกระแส และออกมาสนับสนุนการชุมนุมครั้งนี้ แม้ว่า บางส่วนจะค้างคาใจ คนอยู่เบื้องหลัง และป้ายหมิ่นสถาบันอยู่ก็ตาม

และดูเหมือน คนที่อยู่เบื้องหลัง จะรู้ว่า ลำพังม็อบเยาวชนปลดแอก ทำได้อย่างดีก็เพียงสร้างกระแสการรับรู้ของสังคม ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าจะให้มีพลังถึงขั้นพร้อมรบอย่างจริงจัง มันจะต้องมีการวางแผนอย่างแยบยล เดินเกมอย่างลึกซึ้ง ซึ่งนั่นอาจเป็นที่มาของการเปิดช่องให้ประชาชนเข้าร่วมอย่างไม่มีเงื่อนไข ภายใต้ “คณะประชาชนปลดแอก” นั่นเอง

ส่วนนับแต่นี้จะเกิดอะไรขึ้น การต่อสู้จะสลัดคราบ “ม็อบมุ้งมิ้ง” ได้หรือไม่ หรือ “ธงนำ” จะเป็นเช่นไร ใครบ้างจะแทรกซึมเข้ามา หรือไม่ ทุกย่างก้าวล้วนน่าจับตามอง ชนิดกระพริบตาไม่ได้เป็นอันขาด เพราะมันคือ การต่อสู้เพื่อเผด็จศึกอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เชื่อคอยดู!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น