“ประวิตร” รองนายกฯ ลงพื้นที่ภาคใต้ ติดตามความก้าวหน้าศูนย์ PIPO-แรงงานประมง คงเข้มมาตรการต่อเนื่อง ตั้งเป้าปราบค้ามนุษย์ขึ้นเทียร์ 1 พร้อมให้กำลังใจ จนท.ปฏิบัติงาน รวมถึง ปชช.ที่ทุ่มเท แม้มีอุปสรรคโควิด-19
วันนี้ (31 ก.ค. 63) พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวอตร วงษ์สุวรรณ) เปิดเผยว่า วันนี้ เวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อติดตามสถานการณ์และความก้าวหน้าในการดำเนินงาน ของหน่วยงานในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ และเป็นตัวแทนรัฐบาล มาขอบคุณและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานเรื่องที่สำคัญตามนโยบายของรัฐบาล ได้แก่การแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) โดยสหภาพยุโรป (EU) ได้ประกาศปลดใบเหลืองเป็นใบเขียวให้กับประเทศไทยแล้ว และเรื่องการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศยกระดับประเทศไทย รายงานTIP Report จากเทียร์ 3 เป็นเทียร์ 2 เฝ้าจับตามอง ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แล้ว ซึ่งถือว่า เป็นผลงานความสำเร็จที่ประเทศไทยได้รับ จากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อย่างจริงจัง ทุ่มเทที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวย้ำ ให้เจ้าหน้าที่จะต้องรักษามาตรฐานการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องรายงานการค้ามนุษย์ หรือ TIP Report จะต้องทำให้ดีกว่าเดิม จากเทียร์ 2 เป็น เทียร์ 1 ให้ได้ในปีนี้
พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงาน ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุป โดยเน้นย้ำให้ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง (PIPO) ต้องตรวจสอบความถูกต้องของเรือ, คนประจำเรือ, เครื่องมือการทำประมง, สัตว์น้ำและเอกสารต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นการทำประมงที่ถูกกฎหมาย ต้องมีการตรวจสอบแรงงานภาคประมง ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว 4 ชาติ ได้แก่ เมียนมา, กัมพูชา, ลาว และ เวียดนาม จะต้องเป็นแรงงานถูกกฎหมาย และผ่านการคัดกรองโรคโควิด-19 ตามที่รัฐกำหนด ต้องมีมาตรการสร้างการรับรู้ความเข้าใจประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบ และได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึงครบถ้วน รวมถึงมีความเข้าใจการบริหารทรัพยากรทางทะเลที่ยั่งยืนและกำชับผู้ว่าฯ 22 จังหวัดชายทะเล ให้ใช้กลไกการทำงานของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) สนับสนุนภารกิจ
พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ให้ถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยกำชับให้ตำรวจ, ฝ่ายปกครอง, แรงงาน, พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ และกองทัพเรือ ต้องมีการสกัดกั้นการลักลอบพาคนต่างด้าวเข้าเมือง และห้ามมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการทั้งทางวินัย และทางอาญา
พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเพิ่มเติมในฐานะตัวแทนรัฐบาล มีความพอใจผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา โดยขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคนที่มีความทุ่มเท เสียสละ และร่วมมือกับรัฐบาล ในการแก้ไขสถานการณ์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนได้รับการยกย่องจากองค์การอนามัยโลก พร้อมขอให้ยังคงระมัดระวังเว้นระยะห่างทางสังคม จากมาตรการผ่อนปรน ที่รัฐเพิ่มมากขึ้น