“กรณิศ” ชงสภา ตั้ง กมธ.“ศึกษาปัญหาข้อบัญญัติ กทม.กรณีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพย์สินที่ประชาชนทั่วไปใช้สอยร่วมกันในพื้นที่ส่วนบุคคล” หลังนิติบุคคลตามหมู่บ้านจัดสรร ปล่อยลูกบ้านทิ้ง เผชิญกับสภาพพื้นที่เสื่อมโทรม
วันนี้ (29 ก.ค.) นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม.เขตคลองเตย-วัฒนา พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายในญัตติด่วนที่ตนเองเป็นผู้เสนอ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา การบังคับใช้ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร กรณีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพย์สินที่ประชาชนทั่วไปใช้สอยร่วมกันในพื้นที่ส่วนบุคคล
โดย นางกรณิศ กล่าวว่า ที่อยู่อาศัยนับเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่มีความสำคัญต่อชีวิต รูปแบบที่อยู่อาศัยปัจจุบันมีหลากหลายให้เลือก อาทิ หมู่บ้านจัดสรร อาคารชุด ปัจจุบันมีการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ เป็นจำนวนมากขึ้น ทั้งในเขตเมืองและนอกเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขต กทม. การบริหารจัดการดูแลทรัพย์สิน พื้นที่ใช้สอยที่ประชาชนทั่วไปใช้สอยร่วมกันภายในหมู่บ้าน คอนโดมิเนียม หรืออาคารชุดต่างๆ ทั้งโครงการหมู่บ้านเก่า และหมู่บ้านที่เกิดขึ้นใหม่ ส่วนใหญ่อยู่ในความรับผิดชอบของกลุ่มบุคคลที่ก่อตั้งขึ้นเรียกว่า นิติบุคคล หมู่บ้านจัดสรร พื้นที่ดังกล่าวเกือบทั้งหมดเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
นางกรณิศ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่ตรงนี้ ประชาชนทั่วไปใช้สอยร่วมกันในหมู่บ้าน เช่น การซ่อมแชมถนน การซ่อมแซมท่อระบายน้ำ ระบบไฟฟ้าสาธารณะ ที่อยู่ในพื้นที่หมู่บ้าน จึงอยู่ในความรับผิดชอบของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรนั้นๆ ในขณะที่พื้นที่นอกหมู่บ้าน ซึ่งเป็นที่สาธารณะจะอยู่ในความรับผิดชอบของ กทม.ในการที่จะจัดสรรงบประมาณ เพื่อนำมาพัฒนาพื้นที่ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งในส่วนของพื้นที่สาธารณะ ไฟฟ้า ท่อระบายน้ำ หรือการซ่อมแชมปรับปรุงพื้นผิวจราจรภายในซอย
“ปัจจุบันมีหมู่บ้านที่ประสบปัญหาจากกรณีนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรถูกยกเลิก หรือทิ้งหมู่บ้าน ทำให้ทาง กทม.ไม่สามารถนำงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรเข้าไปทำการปรับปรุงซ่อมแซมได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ในขณะที่บางหมู่บ้านประชาชนที่อาศัยในหมู่บ้านมีความต้องการให้ปรับปรุงซ่อมแซมสาธารณูปโภคต่างๆ ภายในหมู่บ้าน เช่น การวางระบบท่อระบายน้ำใหม่ป้องกันน้ำท่วมในหมู่บ้านเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน หรือการพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่ภายในหมู่บ้าน ซึ่งสามารถปรับปรุงให้เป็นพื้นที่สีเขียวใช้ร่วมกันในหมู่บ้านได้ แต่นิติบุคคลไม่ให้ความยินยอมให้หน่วยงานของรัฐเข้าไปทำการพัฒนาพื้นที่ ทำให้หมู่บ้านเหล่านั้นมีสภาพเป็นแอ่งกระทะ เสื่อมโทรม เนื่องจากถนนและพื้นที่โดยรอบได้รับการปรับปรุงวางท่อระบายน้ำใหม่ ยกพื้นถนนให้สูงขึ้นแล้ว สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยภายในหมู่บ้านนั้นเป็นอย่างมาก” นางกรณิศ กล่าว
นางกรณิศ กล่าวต่อว่า ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพย์สินที่ประชาชนทั่วไปใช้สอยร่วมกัน พ.ศ. 2536 กำหนดให้ กทม.สามารถนำงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรเข้าไปพัฒนาทรัพย์สินที่ประชาชนทั่วไปใช้สอยร่วมกันในพื้นที่ส่วนบุคคลได้ แต่ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดแล้วก็ตาม ดังนั้น หากมีการพิจารณาศึกษาหาแนวทางแก้ไขหรือเพิ่มอำนาจการบังคับใช้กฎหมายให้ กทม.สามารถนำงบประมาณ เข้าไปดำเนินการพัฒนาทรัพย์สินที่ประชาชนทั่วไปใช้ร่วมกันในพื้นที่ส่วนบุคคลภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดได้ ก็จะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้เป็นอย่างดียิ่ง