“เศรษฐพงค์” ปลื้มราชกิจจาฯ ประกาศแนวทางปฏิบัติ Telemedicine ชี้เป็นประโยชน์มาก แนะเร่งพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสาร-ระบบ 5G-เน็ตความเร็วสูง ให้ครอบคลุมมีประสิทธิภาพ
วันนี้ (29 ก.ค. 63) พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ว่าเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศแพทยสภาว่าด้วยแนวทางปฏิบัติการแพทย์ทางไกล หรือโทรเวช (telemedicine) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลัง 90 วัน นับจากวันที่ประกาศ โดยรายละเอียดเป็นแนวทาง ข้อกำหนด เกี่ยวกับการให้บริการด้านโทรเวช ซึ่งในสภาวะโควิด-19 ตนเห็นว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับวงการแพทย์ไทยที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการรักษาให้แก่แพทย์และผู้ป่วย
รองประธาน กมธ.ดีอีเอส กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้เทคโนโลยีในการสื่อสารก้าวไกลไปมาก มีโปรแกรมจำนวนมากที่ช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถพูดคุยตอบโต้กันได้ รวมถึงการประชุมทางไกลด้วยภาพและเสียง (Video conference) ที่คู่สนทนาสามารถมองเห็นหน้าและสนทนากันได้ทั้งสองฝ่ายได้อย่างไร้ข้อจำกัดในเรื่องเวลาและสถานที่ ผ่านทางเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ที่ติดตั้งโปรแกรมไว้ วิธีนี้จะช่วยให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่อีกสถานที่สามารถซักประวัติผู้ป่วย ตรวจร่างกาย และประเมินอาการ รวมถึงสภาวะทางจิตใจของผู้ป่วยได้ และในภาวะที่แพทย์ไม่สามารถเจอหน้าผู้ป่วยได้ การแพทย์ชนิดนี้ก็มีประโยชน์มากทีเดียวที่จะช่วยรักษาผู้ป่วยได้ในเบื้องต้น
พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าวอีกว่า ประโยชน์ของ Telemedicine สามารถเข้าถึงการตรวจรักษาและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เร็ว ลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง รวมถึงค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ค่าอาหาร หรือค่าเสียเวลา สามารถนัดแพทย์ได้ตามเวลาที่สะดวก ไม่ต้องไปคอยที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน รับคำปรึกษากับแพทย์ก่อนตัดสินใจไปโรงพยาบาล หรือกรณีที่ผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลมาแล้ว แต่ยังมีข้อสงสัยอยู่ หรือต้องการปรึกษาแพทย์ท่านอื่นก็สามารถทำได้ และช่วยให้แพทย์ติดตามผลการรักษาได้ง่ายขึ้น โดยที่ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องมาที่โรงพยาบาล ไม่ต้องไปแออัดที่โรงพยาบาล แต่ยังมีข้อควรระวังที่สำคัญหลายอย่าง มาตรฐานการให้บริการ เพราะข้อจำกัดด้านเครื่องมืออุปกรณ์ทางเทคโนโลยีที่ใช้ในการสื่อสารที่ยังไม่เสถียรหรือมีความเร็วเพียงพอ ซึ่งตรงนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเตรียมพร้อมด้านโครงสร้างเครือข่ายการสื่อสารโดยเฉพาะระบบ 5G จะช่วยลดหรือไม่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้
“ในช่วงการระบาดของโควิด-19 การแพทย์ทางไกลเป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยให้ทั้งผู้ป่วยและแพทย์ปลอดภัยและห่างไกลจากการติดเชื้อมาก รวมถึงการให้บริการผู้ป่วยที่ในที่ห่างไกลเดินทางลำบาก แต่หากจะให้มีประสิทธิภาพ ภาครัฐจะต้องปรับปรุงในเรื่องเทคโนโลยีการสื่อสารให้ครอบคลุมและเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะเรื่องอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แต่เมื่อคำนึงถึงประโยชน์โดยรวมแล้ว หากรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเร่งดำเนินการด้านนโยบายเพื่อสนับสนุนการแพทย์ทางไกลต่อไปก็จะเป็นประโยชน์มากทีเดียว” พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าว