“ประธาน นปช.” แนะม็อบ นศ.ยึดข้อเรียกร้อง 3 ข้ออย่างเคร่งครัด แต่ไม่ก้าวล่วงสถาบันฯ เพราะจะทำให้จุดแข็งกลายเป็นจุดอ่อน แนะนายกฯ เปิดเวทีรับฟังความเห็น เชื่อเรื่องจะจบอย่างสง่างาม
วันนี้ (23 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.15 น. ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวถึงการชุมนุมของนิสิตนักศึกษา ว่าการออกมาชุมนุมครั้งนี้มีนิสิตนักศึกษาออกมาชุมนุมมากกว่าเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 และพฤษาทมิฬ 35 เพราะทั้งสองเหตุการณ์มีประชาชนออกมาสมทบจำนวนมาก ทั้งนี้ การชุมนุมต้องยึดข้อเรียกร้อง 3 ข้อ อย่างเคร่งครัด ประกอบด้วย ห้ามคุกคามบุคคล ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้มีการยุบรัฐสภา เชื่อว่าจะได้รับการยอมรับจากประชาชน เพราะเป็นเรื่องที่รับฟังได้ แต่ต้องไม่ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะจะทำให้จุดแข็งกลายเป็นจุดอ่อน ที่สำคัญจะนำพาไปสู่การสูญเสียจำนวนมาก ช่วงการชุมนุมของ นปช.ปี 53 ก็ถูกกล่าวหาว่าล้มล้างสถาบันฯ ก่อการร้าย และเผาบ้านเผาเมือง ส่วนเหตุการณ์ 6 ตุลา ภาพก็อธิบายชัดเจนว่าเดินอย่างไรได้ผลลัพธ์อย่างไร ยุคสมัยใดก็เป็นยุคสมัยนั้น ที่เตือนไม่ได้ให้หวาดกลัว เพราะเชื่อว่านักศึกษาก็ไม่ได้กลัว แต่ห่วงว่าการต่อสู้อย่างไรจะได้ผลลัพธ์เช่นนั้น ถ้ายึดมั่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ไม่ล่วงละเมิดสถาบันฯ จะได้แนวร่วมจากประชาชนจำนวนมาก แต่ถ้าก้าวล่วงสถาบันฯ จุดจบจะไม่ต่างกัน ต้องตั้งสติและยึดมั่นว่าประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้น
“ใครก็ตามที่ยุยงสนับสนุนให้ทำนอกเหนือไปจากข้อเรียกร้อง 3 ข้อ เพราะเขารู้แล้วว่าปลายทางจะเกิดความรุนแรง ความชอบธรรมทั้งหมดจะหายไป แต่ถ้ายึดหลัก 3 ข้อจะเป็นจุดแข็งที่สุดในการเคลื่อนไหวของนักศึกษา” ประธาน นปช.กล่าว
นายจตุพรกล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรเป็นผู้ที่ลงมารับฟังความคิดเห็นจากนักศึกษามากที่สุด เพราะข้อเรียกร้อง 2 ข้อ ได้แก่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภา เกี่ยวข้องกับนายกฯ โดยตรง ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องห้ามคุกคามบุคคลเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นอยู่แล้ว เรื่องนี้จะจบลงอย่างสง่างาม ด้วยการเปิดเวทีให้นักศึกษาได้เสนอเงื่อนไขทั้ง 3 คน และนายกฯประกาศระยะเวลาที่ชัดเจนในการแก้รัฐธรรมนูญเสร็จจะประกาศยุบสภา สิ่งนี้จะเป็นทางออก