บิดา “ปารีณา" ออกโรงหนุน “ประวิตร” นั่งคุม มท. ยกการเมืองมาเลย์-สิงคโปร์ก็ใช้ระบบโควตา เผยโดนสร้างกระแสเป็นนักการเมือง old normal แนะม็อบ นศ.กลับไปเรียนหนังสือ อย่าสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง
วันนี้ (22 ก.ค.) นายทวี ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี และบิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่มี ส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรคสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และแสดงความเห็นต่อการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกว่า
“ผมได้อ่านข่าวมติชนวันที่ 19 กรกฎาคม 2563 พาดหัวข่าวหน้า 1 ว่า “พปชร.หนุนป้อม มท.1” โดยเสนอข่าวว่า รายงานข่าวจากพรรค พปชร.ว่ามีการเคลื่อนไหวจากสมาชิกพรรคสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตรไปเป็น รมว.มท.จะทำให้การทำงานเชื่อมโยงกับประชาชน ข่าวนี้ผ่านไปหลายวันแล้วโดยไม่มีสมาชิกพรรคปฏิเสธ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐได้แสดงความคิดเห็นที่อยู่บนพื้นฐานสิทธิเสรีภาพ ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ได้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา สนับสนุนท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นความคิดเห็นไม่ใช่เพื่อตัวเอง เพื่อความชอบธรรมให้กับท่านพล.อ.ประวิตรในฐานะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีเสียงส.ส.สนับสนุนรัฐบาล 118 เสียงโดยไม่ได้แถลงข่าว ไม่ได้สร้างกระแสกดดันหรือเป็นการแย่งชิงอำนาจกัน ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์มีเสียงส.ส.สนับสนุนรัฐบาล 53 เสียง หัวหน้าพรรคเป็นรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.สนับสนุนรัฐบาล 52 เสียง หัวหน้าพรรคเป็นรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยที่เสียง ส.ส.สนับสนุนรัฐบาลของ 2 พรรคนี้รวมกันได้ 105 เสียง น้อยกว่าพรรคพลังประชารัฐที่มีเสียงสนับสนุนรัฐบาล 118 เสียง
สังคมไทยรับทราบว่า ในเร็ววันนี้มีการปรับคณะรัฐมนตรีแน่นอน แม้ท่าน พล.อ.ประวิตรจะได้พูดผ่านสื่อว่า ขอทำงานให้พรรคพลังประชารัฐ ขอดูแลพรรคพลังประชารัฐ ให้เป็นปึกแผ่นมั่นคง มีเอกภาพไปในทิศทางเดียวกัน มีความรักความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเสริมสร้างรัฐบาลภายใต้การนำของ “น้องเลิฟ” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพมั่นคง
ในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐตลอดชีพ เป็นหุ้นส่วนหนึ่งของพรรค ขอสนับสนุนแนวความคิดทางการเมืองของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐอันเป็นพรรคแกนนำสนับสนุนรัฐบาลนี้ ขอให้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐดำรงค์ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นเกียรติภูมิของพรรค เคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคร่วมรัฐบาลไม่น้อยหน้ากันเป็นเพียงความคิดเห็นของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เป็นการกดดันหรือแย่งชิงอำนาจ ที่ถูกนักการเมืองรุ่นใหม่พรรคฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเป็น Old Normal เป็นการเมือง น้ำเน่า ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าการเมืองในปัจจุบันทำไมต้องแบ่งแยกเป็น Old Normal เป็นการเมืองน้ำเน่า New Normal เป็นการเมืองน้ำดี ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมไทยเป็นสังคมใหม่ วัฒนธรรมใหม่ ไม่ต้องเรียกพ่อเรียกแม่ ไม่ต้องเรียกลุง ป้า น้า อา ไม่ต้องเรียก อาเจ็ก อาม่า อากู๋ อาซ้อ ให้เรียก “คุณ” เหมือนกันคำเดียวพอ จึงจะเป็นสังคมการเมืองที่ทันสมัย เป็น New Normal ผมมองว่าเป็นสังคมดัดจริตมากกว่า
หรือระบบโควตา สร้างกระแสว่าเป็น Old Normal การเมืองน้ำเน่า ล้าหลัง ล้าสมัยเป็นเต่าล้านปี ผมคนหนึ่งเป็นนักการเมืองรุ่นเก่า Old Normal ระบบโควตาเกิดขึ้นก่อนผมลงสู่การเมืองเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตธนบุรี คลองสาน ราษฎร์บูรณะ พรรคประชาธิปัตย์ ในปี พ.ศ. 2518 ระบบโควตาเป็นระบบจัดสัดส่วนของ ส.ส.เชื่อมโยงกับตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมด้วยกันทุกฝ่ายทุกพรรค พรรคไหนมี ส.ส.มากก็ได้รัฐมนตรีมากตามสัดส่วนของ ส.ส. พรรคไหนมี ส.ส.น้อยก็ได้รัฐมนตรีตามสัดส่วนของ ส.ส. แม้การเมืองในปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นระบบโควตาเหมือนเดิม ผมจึงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องสร้างกระแส ระบบโควตาเป็น Old Normal เป็นการเมืองน้ำเน่า ระบบโควตาเป็นระบบที่ใช้กันมานานแล้ว ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่ อีกทั้ง การเมืองในสิงคโปร์ มาเลเซียก็ยังใช้ระบบนี้อยู่ด้วย
การสร้างกระแสต่อเนื่องให้ Old Normal เป็นสัญลักษณ์ของนักการเมืองน้ำเน่า ในฐานะที่ผมเป็นนักการเมือง Old Normal คนหนึ่ง กิจกรรมทางการเมืองที่ผมทำมาในสมัยเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและเป็นส.ส.หลายสมัย รวมทั้งเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวงฯ ผมกล้าพูดได้เต็มคำว่า ผมเป็นนักการเมืองมีกิจกรรมในสภาเป็น Top Ten หรือ Top Five เป็นสีสันของสภาทุกยุคทุกสมัย แต่กลับถูกนักการเมืองรุ่นใหม่พรรคฝ่ายค้านสร้างกระแสให้เป็นที่เกลียดชังของสังคมตกเป็นจำเลยของสังคม เป็นนักการเมือง Old Normal เป็นนักการเมืองน้ำเน่า ดังนั้น ผมเห็นว่า นักการเมืองหรือกลุ่มการเมืองบางราย ที่อ้างว่าเป็นนักการเมืองแบบ New Normal แต่การปฏิบัติกลับถอยหลังไปมากกว่าพวกผมที่คุณตราหน้าว่า Old Normal เสียอีก” นายทวีกล่าว
นายทวีกล่าวด้วยว่า วันนี้ตนเห็นข่าวจากสื่อ ได้เห็นการปลุกระดมอยู่ข้างถนนหน้าอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ขับไล่นายกรัฐมนตรีอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ในบรรยากาศรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด ซึ่งตนมองหน้าตาจากสื่อของกลุ่มชุมนุมที่อ้างเป็นนิสิตนักศึกษา ดูหน้าตาแก่เกินวัย ถ้าเป็นนิสิตนักศึกษาจริงที่ยังต้องแบมือขอเงินจากพ่อแม่ ขอแนะนำกลับเข้าห้องเรียน ตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ หางานทำให้ได้ หาประสบการณ์เพิ่มทักษะเพื่อมิให้บุคคลใดหรือกลุ่มการเมืองใดเข้ามาครอบงำ พฤติกรรมอย่างนี้น่ะหรือที่สร้างกระแสให้เป็น New Normal เป็นนักการเมืองน้ำดี ตนฟันธงล่วงหน้าได้เลยว่าการปลุกระดมที่เกิดขึ้นในวันนี้จุดไม่ติด ล้มเหลว ไม่ระคายผิว พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากกระแสสังคมไม่เอาด้วยเพราะได้รับบทเรียนในอดีตที่ผ่านมาไม่นานว่าการปลุกระดมข้างถนนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน สังคมแตกแยก บ้านเมืองไม่สงบสุข กระแสสังคมจึงไม่ประสงค์ให้บรรยากาศเช่นนี้กลับมาอีก จึงขอแนะนำด้วยความหวังดี เลิกชุมนุมและกลับเข้าห้องเรียน ตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ