"ธนาธร" ยืนยันไม่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกนัดชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่เชิญชวนให้คนมาร่วมสนับสนุนเยาวชนกลุ่มนี้ ยันป้ายด่านายกฯ ที่ระยองไม่หยาบคาย เป็นความกล้าหาญ มองทีมเศรษฐกิจจะเป็นใครไม่สำคัญ และไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ตราบใดที่ยังไม่เปลี่ยนหัวหน้าทีม
วันนี้(18 ก.ค.) ที่อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองจากคดียุบพรรค เปิดเผยถึงการจัดกิจกรรม เวทีเสวนาสาธารณะ New Consensus Thailand ตอน องค์กรอิสระไทย อย่างไรต่อดี ? : คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า การจัดงานในครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนเห็นว่า กกต. ในฐานะองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มีปัญหาอย่างไรบ้าง และทิศทางที่เดินต่อไปควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีความเกี่ยวข้องกับ กกต. และเป็นผู้ที่ได้รับผลโดยตรงจากการทำงานของ กกต. ซึ่งคาดว่าผลจากการเสวนาครั้งนี้จะนำไปสู่ข้อเสนอในการปฏิรูปองค์กรอิสระ และนำไปสู่ความเห็นพ้องของประชาชนที่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2560
สำหรับการเสวนาครั้งนี้ มีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็นวิทยากร เป็นการสะท้อนว่าไม่เพียงแต่เฉพาะอดีตพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้าเท่านั้นที่ต้องการให้เกิดการปฏิรูปองค์กรอิสระและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2560 แต่ยังมีภาคประชาสังคมและพรรคการเมืองต่างๆ ที่พูดถึงเรื่องนี้และมีจุดยืนอย่างแข็งขัน โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น สิ่งใดที่ร่วมมือกันได้ก็พร้อมที่จะร่วมมือกันในทุกฝ่ายไม่ว่าจะกับฝ่ายใด
ส่วนกรณีที่กลุ่มสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนท.ภายใต้การนำของนายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือ เพนกวิน และเยาวชนในนามกลุ่มเยาวชนปลดแอก Free YOUTH นัดรวมตัวจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ในรูปแบบแฟลชม็อบ เพื่อแสดงออกแนวคิดทางการเมือง ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันนี้(18 ก.ค.) ตนเองจะเดินทางไปร่วมให้กำลังใจหรือไม่นั้น อยากบอกว่าขนาดตัวเองไม่ได้ไปเข้าร่วมกิจกรรมก็ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่ชักใยและสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งนักศึกษากลุ่มนี้ทำกิจกรรมไปด้วยเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ของพวกเขา พวกเราไม่ได้มีส่วนเข้าไปร่วมในการตัดสินใจจึงจะไม่ได้ไปยังสถานที่การจัดชุมนุม เพราะเกรงจะถูกข้อกล่าวหาว่าทำการชักใยอยู่เบื้องหลัง แต่ขอส่งกำลังใจให้กลุ่มนักศึกษาและประชาชนทุกหมู่เหล่าที่ต้องการเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยให้กลับคืนสู่ประเทศไทย ขอให้กำลังใจทุกคนในการต่อสู้กับเผด็จการ
“และอยากเชิญประชาชนทุกคนที่ได้ยินเสียงของผมให้สนับสนุนนักศึกษากลุ่มนี้ด้วย ให้ช่วยกันไปร่วมชุมนุมในครั้งนี้เพื่อแสดงเสียงของประชาชนว่าเราไม่ต้องการรัฐบาลที่มาจากการสืบทอดอำนาจ ไม่ต้องการรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร และเราต้องการให้ประเทศเดินกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย”
ส่วนการแสดงออกของผู้ที่ชูป้ายขับไล่นายกรัฐมนตรีที่จังหวัดระยองนั้น นายธนาธรกล่าวว่า การแสดงออกและการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมาย เป็นสิ่งที่ชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งในหลายประเทศเมื่อเกิดการไม่พอใจผู้นำก็มีการแสดงออกในลักษณะที่รุนแรงมากกว่านี้ จึงมองว่าไม่ใช่เรื่องของการใช้คำหยาบหรือไม่ใช้คำหยาบ แต่เป็นการแสดงออกถึงความกล้าหาญที่จะท้าทายกับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม โดยในเวลานี้ผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลก็ถูกคุกคาม ถูกยัดข้อหาทางคดี ซึ่งเป็นสิ่งที่คนธรรมดาหวาดกลัว เราจึงจำเป็นต้องปกป้องกันและกันและขอบคุณคนที่กล้าหาญที่ออกมาพูดในสิ่งที่คนทั่วไปไม่กล้าพูด ซึ่งเขาพูดแทนคนส่วนใหญ่ของประเทศ เราจึงจำเป็นต้องขอบคุณ โดยในวันที่ทั้งสองคนเดินทางไปที่รัฐสภาเพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎรนั้นตนเองได้มีโอกาสพบกับทั้งสองคนขณะที่เดินออกจากเข้าประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 เพื่อไปเข้าห้องน้ำ จึงได้ทักทายกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ขอยืนยันว่าทั้งสองคนทำไปด้วยเจตจำนงค์ที่แน่วแน่ของพวกเขาเองเราไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจใดๆ
นายธนาธร กล่าวถึงรายชื่อบุคคลที่คาดว่าจะเข้ามาเป็นทีมเศรษฐกิจในรัฐบาล หากนายกรัฐมนตรีมีการปรับคณะรัฐมนตรี ว่า
ไม่สำคัญว่ารายชื่อของทีมเศรษฐกิจจะเป็นใคร ตราบใดที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจยังเป็นคนเดิมอยู่ หากเปลี่ยนคนทำงานแต่หัวหน้าไม่เปลี่ยนก็ไม่คิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งตนเองได้ติดตามการใช้งบประมาณ โดยเฉพาะงบประมาณ ปี 2564 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณารวมมูลค่า 3.3 ล้านล้านบาท ก็เห็นว่ามีการใช้งบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตอบสนองความเดือดร้อนของประชาชน และไม่สามารถพาประเทศไทยไปต่อสู้กับโลกาภิวัตน์ได้ ดังนั้น หากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับหัวก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณที่นำไปสู่ความเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนทางเศรษฐกิจ
สำหรับการประกาศรายชื่อคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ จำนวน 13 ด้าน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มองว่า ทั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ต่างเป็นองค์กรที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนเห็นว่าจะมีการปฏิรูปและจัดทำยุทธศาสตร์ของประเทศในระยะยาว แต่ในความเป็นจริงหากไปดูการใช้งบประมาณในปี 2563 ถึง 2564 ก็จะพบว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม ตนเองจึงไม่เชื่อและไม่มีความศรัทธาในองค์กรเหล่านี้ว่าจะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศที่แท้จริงได้ ซึ่งเห็นได้ชัดจากบุคคลที่อยู่ในรายชื่อคณะกรรมการหลายคนก็เป็นคนที่สนับสนุนการทำรัฐประหาร ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. จึงเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เจตนาของการปฏิรูป แต่เป็นการตบรางวัลให้กับคนที่ช่วยสนับสนุนคสช และสนับสนุนการทำรัฐประหารมากกว่า จึงไม่ต้องสงสัยว่าคณะกรรมการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติจะไม่มีบทบาทในการพาประเทศไทยไปข้างหน้า