“บิ๊กแดง” ยัน “ทหารอียิปต์” ติดโควิด แวะไทย ไม่เกี่ยว ทบ. ครวญโดนตลอด ขณะ “พิธา” จวก เตือน ปชช.ไม่ให้การ์ดตก แต่ชกหน้าพวกเขา “วาสนา วงศ์สุรวัฒน์” ไม่ต้องโทษโรงแรม โทษคนเปิดน่านฟ้า! “จตุพร” จี้ ศบค.เร่งสอบสวนใครเกี่ยวข้อง
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 ก.ค. 63) เฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา ประมวลภาพ ทัวร์ลง “บิ๊กแดง” “ศบค.” และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมวาทะเด็ด สะใจฝ่ายแค้นมาตีแผ่
เริ่มจากแชร์ เพจ ทีมโฆษกกองทัพบก Arny Spoke Man ระบุว่า
“ทบ.ปฎิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับทหารอียิปต์ ที่ติดเชื้อโควิด ระบุมีผู้ไม่หวังดี กล่าวหาและติด # ในโซเชียลมีเดีย เชื่อมโยงทำให้เข้าใจผิด
ด้วยขณะนี้ปรากฏมีการสร้างกระแสโดยติดเทรนด์ # ในทวิตเตอร์ และ social media กล่าวหาและเชื่อมโยงให้เข้าใจผิดว่า กองทัพบก หรือ ผู้บัญชาการทหารบก มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้ทหารอียิปต์ ซึ่งเดินทางโดยเครื่องบินเข้ามาในไทยและได้เข้าพักชั่วคราวในสถานที่กักตัว ที่ จ.ระยอง ต่อมาถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 นั้น
ขอเรียนว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง กองทัพบกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการเดินทางของทหารอียิปต์ที่มีการระบุว่า มีการติดเชื้อโควิด
ขอประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ เพราะเป็นการกล่าวหาโดยปราศจากข้อเท็จจริง เชื่อมโยงในลักษณะชี้นำ หวังให้เกิดความเข้าใจผิด
วอนผู้ใช้โซเชียลมีเดียยุติการส่งข้อความต่อ หรือติด # ในข้อความดังกล่าว เพราะไม่ใช่เรื่องจริง และอาจตกเป็นเครื่องมือของผู้ที่มีเจตนาบิดเบือนให้ร้ายต่อกองทัพบก ทั้งนี้ ขอให้รับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือ ศบค.เป็นสำคัญ”
ด้าน “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบเรื่องมาก่อนเรื่องคณะทหารอียิปต์ เพิ่งมาทราบจากข่าว เพราะ ทบ.ไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่ได้เป็นแขกของกองทัพบก
ส่วนที่ถูกโจมตีในโซเชียลอย่างหนัก เพราะมีการปล่อยข่าวลือว่า เป็นคนอนุมัตินั้น พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า “ผมโดนตลอดอยู่แล้ว”
Fb. Wassana Nanuam
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3219522104772892&id=100001454030105
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเดินทางเข้ามาของคณะทหารอียิปต์ ศบค. แจ้งว่า เครื่องบินลำดังกล่าว ไม่ได้มาปฏิบัติราชการ แต่แวะมาปรนนิบัติเครื่อง หรือพักเครื่องเท่านั้น โดยไม่มีภารกิจในประเทศไทย ซึ่งมีผู้โดยสาร 31 คน เข้าพักในโรงแรม จ.ระยอง
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา เจ้าเก่า ยังแชร์ ทวิตเตอร์ ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มานำเสนอด้วย
โดยระบุว่า “บอกประชาชนการ์ดอย่าตก แต่พวกคุณกำลังชกหน้าพวกเขา! วันนี้ในที่ประชุม กมธ. #โควิด-19 ผมและพรรค #ก้าวไกล ได้เชิญผู้ประกอบการจากจังหวัดระยองมาพูด เขากำลังตั้งท้อง 5 เดือน รายได้เป็นศูนย์หลายเดือน และตอนนี้อยู่ๆ ก็กำลังจะได้รับผลกระทบอีกครั้ง ขอถามว่า รัฐบาลจะรับผิดชอบชีวิตพวกเขาอย่างไร?”
TWITTER : Pita Limjaroenrat
https://twitter.com/Pita_MFP/status/1282899668469346304?s=09
แชร์ทวิตเตอร์ ของ ผศ.ดร.วาสนา วงศ์สุรวัฒน์ ที่ระบุว่า
“นักวิจัยต่างชาติที่ทำงานด้วยกันยังบินมาไม่ได้ คนไทยอยู่ต่างประเทศก็ต้องวุ่นวาย 500 อย่าง กว่าจะกลับมาได้ ทหารอียิปต์นี่ ถ้าไม่อนุญาตพิเศษให้เข้ามานี่เข้าไม่ได้นะคะ ไม่ต้องไปโทษโรงแรมค่ะ โทษคนเปิดน่านฟ้าค่ะ 🙄”
TWITTER : wassanawong @WasanaWW
https://twitter.com/WasanaWW/status/1282857260297797633?s=09
และแชร์เฟซบุ๊ก ของ จักรพันธ์ ประจวบเหมาะ หัวหน้าพรรคพลังอนาคต ที่โพสต์ข้อความระบุว่า
“ตัวเลข 2 ราย ไม่เลวร้าย ยังพอแก้ไขได้
แต่ที่เลวร้ายคือ ทัศนคติของคุณ ที่เอาแต่พูดพร่ำเพรื่อ ถึงการระบาดรอบ 2 ทั้งที่มันยังไม่ใช่ คนไทยเราคุมอยู่มา 40 วันแล้ว คำพูดเชิงลบแบบนี้ มันกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุน-เศรษฐกิจ
วันที่ตัวเลขติดเชื้อเป็นศูนย์ เราแลกมาด้วยความเดือดร้อนและความหายนะของ ประชาชน, เศรษฐกิจ, การศึกษา
วันนี้คุณทำพลาด คุณต้องยืดอกรับผิด เร่งป้องกัน และแก้ไข ไม่ใช่พูดแก้ตัว, พูดเชิงลบ มันไม่ช่วยอะไร”
https://www.facebook.com/groups/1202210836629450/permalink/1386978658152666/
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือ “ตู่” ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ PEACETALK ถึงเรื่องนี้เช่นกัน ว่า
“เหตุการณ์ทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 แล้วยังไปเดินห้างสรรพสินค้า 2 แห่งใน จ.ระยอง รวมทั้งครอบครัวทูตเข้าพักคอนโดส่วนตัวใน กทม. ทั้ง 2 กรณีนี้ ไม่ถูกกักตัว 14 วัน ตามมาตรการผ่อนปรนของรัฐบาล และ ศบค. ซึ่งถูกสังคมวิจารณ์ว่า เป็นมาตรการของกลุ่มอภิสิทธิ์ชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอภิสิทธิ์ชนนี้ ถูกตรวจพบว่า ติดเชื้อโควิด-19 จนทำให้เกิดความวุ่นวายกันไปหมดทั้งจังหวัดระยอง และ กทม.
แล้ว อาการตกใจกับโควิด-19 ของคนเริ่มกลับมาใหม่อีกครั้ง เนื่องจากไม่รู้ว่าขณะนี้ทหารอียิปต์และครอบครัวทูตได้แพร่ระบาดเชื้อโรคไปถึงไหน อย่างไรกันแล้ว ศบค.ต้องรับผิดชอบและต้องสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ต้องชี้ว่า ใครเกี่ยวข้องอย่างแท้จริง ถ้าไม่มีการปล่อยปละละเลยแล้ว เหตุการณ์ต่างๆ คงไม่เกิดขึ้น และกรณีเช่นนี้จะปล่อยผ่านเลยไปกันไม่ได้
“เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น มีการตั้งคำถามว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เดือนสิงหาคมต้องต่ออีกหรือไม่ ซึ่งมีความจำเป็นต้องหยิบยกขึ้นมาแล้ว คาดว่า คงต้องจำเป็นต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก แต่ผมไม่รู้สึกถึงความจำเป็นหรือไม่จำเป็นแล้ว เพราะสิ่งสำคัญคือ เรากำลังจะเจอภัยพิบัติด้านเศรษฐกิจที่ใหญ่มากและกำลังจะเกิดขึ้น”...
อย่างไรก็ตาม วันนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงการเดินทางเข้ามาของทหารอียิปต์มีเจ้าหน้าที่กำกับหรือไม่ และใครเป็นผู้รับผิดชอบ ว่า
ศบค.จะเป็นผู้รับผิดชอบและจะพยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนการเดินทางของผู้ควบคุมยานพาหนะนั้น ตามคำสั่ง ศบค.ไม่ได้กำหนดให้มีผู้ควบคุม เพียงแต่ให้ใช้แอปพลิเคชันติดตามตัว เท่าที่ทราบเขามีการโหลดแอปฯไว้ แต่จะใช้หรือไม่ ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งเราพบว่า มีความหละหลวม คือ สถานทูตติดต่อโรงแรมที่พักโดยตรง นำไปสู่การเข้าพัก แล้ว ศบค.รับทราบทีหลัง แต่ก็ไม่ละเลย จึงทำให้ตรวจพบในครั้งนี้
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวคณะทหารอียิปต์ไปเที่ยวกลางคืน และเที่ยวอาบ อบ นวด หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบ ไม่ได้ออกนอกโรงแรมในช่วงเวลากลางคืน และคณะนี้ไม่ใช่วีไอพี เป็นเพียงคณะลูกเรือ กรณีเช่นนี้จะพักกันที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ มีเพียงคณะนี้เท่านั้น ที่มาลงที่สนามบินนานาชาติ อู่ตะเภา ดังนั้น ศบค.จะเป็นผู้รับผิดชอบ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ศบค.จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ หลายเรื่องเป็นเรื่องใหม่ที่คาดการณ์ไม่ถึง ไม่รู้ว่ามีรายละเอียดมาก หลังจากนี้ ก็จะต้องปรับปรุง ตนในฐานะโฆษก ศบค.ยืนยันว่า ทุกภาคส่วนทำงานอย่างหนัก จึงเห็นความเข้มแข็งของการพบผู้ติดเชื้อ นี่คือ ระบบของการตรวจสอบของมดงานในพื้นที่ ที่ทำงานได้อย่างดี ต้องขอชื่นชม ตนที่อยู่ใน ศบค.จะมองภาพใหญ่ แต่ต้องพึ่งคนในพื้นที่ ดูภาพย่อยแล้วนำมาประกอบกัน เพื่อปกป้องประเทศของเรา และขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่จะทำความเข้าใจและให้โอกาสพวกเราทำงาน หากมีอะไรไม่สบายสามารถแจ้งเข้ามาได้ เรายินดีพัฒนาปิดจุดอ่อนต่างๆ ได้ดีที่สุด
เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงว่า เรื่องสำคัญที่เป็นประเด็นที่ จ.ระยอง ซึ่งวันนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย เกิดจากการไม่เคารพกติกา ไม่มีวินัย ไม่คิดถึงส่วนรวม ทำให้เกิดปัญหา ความรับผิดชอบก็โทษกันไปมา ซึ่งตนในฐานะ ผอ.ศบค. ขอรับผิดชอบตรงนี้ด้วย สิ่งสำคัญที่สุด ต้องหาวิธีการปิดจุดหละหลวมเหล่านี้ให้ได้ และวันนี้ ได้ส่งทีมลงพื้นที่ติดตามเก็บข้อมูลเชิงลึกแล้ว รวมถึงตรวจหาพื้นที่สัมผัส และผู้อยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว และหาจุดการลงทะเบียนเข้าออกทางแอปพลิเคชันไทยชนะด้วย นอกจากนี้ จะมีการตรวจเชื้อเพิ่มเติมกับบุคคลที่สัมผัส และมีความกังวลในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อให้ทุกคนเกิดความสบายใจมากที่สุด และเร็วที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนสั่งการให้ ศบค.ไปทบทวนเรื่องเหล่านี้ มาตรการผ่อนคลายต่างๆ ทั้งบรรดาสถานทูต เอกอัครราชทูต ต้องปฏิบัติตามระบบระเบียบทุกปราการ ต้องทบทวนตรงนี้ใหม่ ส่วนการอนุญาตบินเข้ามาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินทหาร หรือที่ใดก็ตาม ต้องมีมาตรการตามที่กำหนดไว้แล้ว อันนี้เป็นเรื่องความไม่รับผิดชอบในส่วนที่รับปากกันไปแล้ว และผ่านการตรวจสอบไปแล้ว แต่ออกไปนอกพื้นที่ ถือเป็นการฝ่าฟืน ตนได้ให้กระทรวงการต่างประเทศหารือกับสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยไปแล้ว อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก พร้อมกับระงับทุกเที่ยวบินที่เข้ามาทั้งหมด ไม่ให้เข้ามาอีก จนกว่าจะแก้ปัญหานี้ได้...
แน่นอน, สิ่งที่เกิดขึ้น ถือว่าสะเทือนใจประชาชนคนไทยอย่างมาก เพราะอย่าลืมว่า สิ่งที่รัฐบาลขอความร่วมมือกับประชาชนนั้น ถือว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี แม้ที่ผ่านมา จะมีกลุ่มป่วนสถานการณ์ทางการเมือง ควบคู่มาเป็นระยะ แต่ประชาชนก็ไม่ใส่ใจ ยังคงเชื่อมั่นการแก้ปัญหาของรัฐบาล รวมทั้งรัฐบาลย้ำเสมอ “การ์ดอย่าตก” ทุกคนก็ขานรับเป็นอย่างดี แต่พอมาเกิด 2 กรณีขึ้น ทุกคนย่อมเสียความรู้สึก เพราะชัดเจนว่ารัฐบาลการ์ดตกเสียเอง
ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่รัฐบาลจะต้องตระหนักอีกเรื่องก็คือ ที่ผ่านมา ประชาชนยอมแลกกับเสรีภาพทั้งส่วนตัว และการทำมาหากิน ยอมรับสภาพทางเศรษฐกิจที่จะต้องเดือดร้อนเพิ่มขึ้น ถือเป็นการ “เสียสละ” อันยิ่งใหญ่ ร่วมกับรัฐบาล
ดังนั้น จะถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยไม่ได้เป็นอันขาด ต่อให้ทุกอย่างมันอาจจะไม่ร้ายแรงอย่างที่ตื่นกลัวก็ตาม แต่มันก็เป็นบทเรียนที่พึงสำนึกอยู่เสมอว่า เรามีประชาชนเป็นเดิมพัน ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ก็ตาม