xs
xsm
sm
md
lg

เหลือแต่...!? “ตู่-จตุพร” ขอยุติขัดแย้งเพื่อชาติ เผยเบื้องลึกตั้ง “หมู่บ้านเสื้อแดง-ล้มสถาบัน?” กลืนเลือดมา 10 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ทักษิณ ชินวัตร (นายใหญ่) และตู่ - จตุพร พรหมพันธุ์ จากแฟ้ม
“ตู่-จตุพร” ส่งสัญญาณชัด พร้อมยุติขัดแย้งเพื่อชาติ ไม่มีสีเสื้อ เผยเบื้องลึก “หมู่บ้านเสื้อแดง” ไม่เกี่ยว นปช. “กลืนเลือดมา 10 ปี” เมื่อคนตั้งยุบเอง เหมือนปลดแอกจากบ่า “ประธานแดงนอก” หยัน “ลุงตู่” เผด็จอำนาจ สร้างภาพรับฟังสื่อ

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (13 ก.ค. 63) นายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือ “ตู่” ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ PEACETALK เปิดใจถึงความจริงตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ต้องอยู่ในสภาพพูดไม่ออก น้ำท่วมปาก อึดอัด และจำต้องกลืนเลือดกับการถูกกล่าวหากรณีตั้งหมู่บ้านคนเสื้อแดงขึ้น ซึ่งความจริงไม่ใช่

ที่สำคัญ เริ่มจาก นายจตุพร กล่าวถึงการปลดป้ายชื่อหมู่บ้านคนเสื้อแดง ว่า ไม่ได้เดือดร้อนอะไรทั้งสิ้น เนื่องจากแกนนำ นปช.ไม่ได้ก่อตั้งขึ้นมา แต่กลับต้องแบกรับกลืนเลือดมายาวนานนับ 10 ปี และต้องยอมรับความจริงว่า สังคมบ้านเรามักติดกับเปลือก ไม่สนใจแก่นแท้ อีกทั้งความรู้ทั้งหลายมักจบลงที่เปลือก ซึ่งไม่ได้มองลึกถึงกระพี้ ดังนั้น การตั้งข้อกล่าวหาคนทำงานจึงมาจากการวิเคราะห์ที่เปลือกนอกเท่านั้น

“วันนี้ที่ผมพูดถึงหัวข้อเป้าหมายเหนือความรู้สึก เพราะจะพูดถึงหมู่บ้านคนเสื้อแดง หากไม่พูดก็จะมีการจินตนาการตามความรู้สึก”

“จตุพร” ขอทบทวนความทรงจำหมู่มิตรว่า เรื่องหมู่บ้านคนเสื้อแดงนั้น หลังต่อสู้เมื่อปี 2553 ขบวนการเสื้อแดงทรุดไประยะหนึ่ง เพราะเต็มด้วยข้อกล่าวหาว่า ล้มสถาบัน ผู้ก่อการร้าย พวกเผาบ้านเผาเมือง เมื่อช่วงหนึ่งตนลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจ จึงพลิกฟื้นกลับขึ้นมาได้ทันตามสถานการณ์ขณะนั้น

“เรื่องหมู่บ้านคนเสื้อแดงนั้น แกนนำ นปช.ส่วนกลางต่างมีความรู้สึกอึดอัด เพราะว่าเป็นการกระทำของแนวร่วม แต่แกนนำ นปช.อยู่ในสถานการณ์น้ำท่วมปาก ทั้งศัตรูและมิตรต่างเชื่อกันคนละอย่าง ฝ่ายศัตรูกล่าวหาในเวลานั้นว่า การเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง โดยเอารูปในหลวงลง แล้วเอารูปทักษิณขึ้น และเป็นหมู่บ้านที่ต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครอง พวกผมเองต่างเห็นว่า นี่เป็นภัยโดยไม่จำเป็นอะไรเลย”

นายจตุพร กล่าวว่า วิวัฒนาการจัดตั้งขบวนการเสื้อแดงนั้น ทำอย่างตรงไปตรงมา แต่การตั้งหมู่บ้านคนเสื้อแดงทำให้แกนนำ นปช.อยู่ในสถานการณ์น้ำท่วมปากทั้งสิ้น เราต้องอธิบาย ทั้งที่ความจริงแล้วในทางปฏิบัติไม่ได้เป็นอะไรเช่นนั้นเลย และต้องแบกกับสิ่งเหล่านี้มายาวนานมาก

“เมื่อเราถูกร้องขอให้ไปเปิดหมู่บ้านคนเสื้อแดง แม้อยากจะหลีก แต่หลีกไม่ออก พวกจัดตั้งก็ไม่รู้จักกันมาเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เกิดความอึดอัด เหมือนแบกแอกบนบ่า สลัดออกไม่ได้ เมื่อพวกเขาสลัดแอกออกจากบ่าของ นปช.ส่วนกลางเองแล้ว ผมมีหน้าที่ต้องไปปกป้องอะไร เพราะสีเป็นสิ่งสมมุติ แต่สาระอยู่ที่แก่น และกระบวนการหมู่บ้านคนเสื้อแดงไม่เกี่ยวข้องกับ นปช.โดยตรง”

นายจตุพร ย้ำว่า เมื่อเรื่องไม่มีอยู่จริง แต่ถูกอธิบายความเข้าใจผิดที่น่าเจ็บปวดที่สุด โดยเฉพาะคดีเผาศาลากลางอุดรธานี ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดขณะนั้นบอกว่า เขาจัดกำลัง อส. (อาสาสมัคร) แต่ถูกกองกำลังที่เหนือกว่า เข้ามาบีบบังคับแล้วเผา จากนั้นคนเสื้อแดงก็มา แต่ข้างศาลากลางคือที่ทำการศาล เมื่อผู้พิพากษาลงมาเห็นคนเสื้อแดงเต็มกองเพลิงแล้ว ความเป็นจริงจึงเป็นเช่นนี้

อีกทั้งยังกล่าวว่า ตลอดเวลาผ่านมาเรากลืนเลือดมาตลอด เราอยู่ในสภาพลำบากทั้งช่วงปลายของสังขารชีวิต เรื่องตั้งหมู่บ้านคนเสื้อแดง เมื่อเจ้าตัวคนทำประกาศยกเลิกเอง แล้วทำไมตนต้องไปปกป้องในสิ่งที่ไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้น และยังสร้างให้เข้าใจผิด เกิดผลเสียมากกว่าผลดีในทางปฏิบัติ

“ที่ยกตัวอย่างเรื่องนี้มาเพื่อให้พวกปากหอยปากปูทั้งหลายได้คลายความโง่ออกไปเสียบ้าง ผมเดินมาถึงจุดที่ไม่ได้สนใจคนรักคนชังแล้ว เพราะวันนี้สถานการณ์ของบ้านเมืองที่ต่อสู้มานั้น ผมยึดมั่นระบอบเดียวเท่านั้น คือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และอยู่ภายใต้ร่มพระบารมี ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากความเป็นคนไทยทั้งปวง เข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง แต่ถูกบีบบังคบให้เล่นหน้าเดียว ขณะที่องคาพยพทุกฝ่ายเล่นกัน 15 หน้าเกินทศกัณฐ์มา 5 หน้า”

ตนพูดเสมอว่า คนที่มีความเชื่อแตกต่างทางการเมืองออกมาต่อสู้ แม้คุยกันได้ แต่ตนบอกให้รักษาความเชื่อของตัวเองกันต่อไป ขณะเดียวกัน ตนก็รักษาความเชื่อของตัวเองต่อไปเช่นเดียวกัน เราต้องมองข้ามความรู้สึกส่วนตัว แต่ไม่ใช่สยบยอมราบคาบจนละทิ้งอุดมการณ์ เพียงเข้าใจสถานการณ์ว่า ชาติบ้านเมืองมาก่อนเรื่องส่วนตัวเสมอ เราต่อสู้บนเส้นทางอุดมการณ์นี้มาตลอด เพียงแต่คนสนใจเปลือก ไม่ใส่ใจแก่น จึงถูกทำลายมาตลอด

ภาพ กิจกรรมเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง จากแฟ้ม
“วันนี้ ถ้าเราไม่เข้าใจ และองคาพยพมีเรื่องมากมาย แต่เราต้องกลืนเลือดไป เมื่อเราต่างอยู่ในช่วงปลายของชีวิต การทำอะไรให้ชาติบ้านเมืองนั้น มาถึงจุดหนึ่งต้องพูดความจริงกันบ้าง แต่กรณีหมู่บ้านคนเสื้อแดงนั้น แกนนำ นปช.กระอักกระอ่วนมาก คนตั้งไม่วิตกกังวล แต่มาตกกับผมต้องแบกรับ เมื่อปลดป้ายลงก็ต้องโมทนาสาธุด้วย”...

ประเด็นที่น่าสนใจ นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศเดินมาถึงจุดที่ยากลำบากและเราอยู่ในจุดแค่รักษาสภาพให้ยืนได้ก็ยากลำบากแล้ว พี่น้องในเรือนจำลุกจากที่นอนต้องมีคนพยุงขึ้นมา ต้องจูงพาเข้าห้องน้ำกันแล้ว นี้คือโลกความจริง ส่วนกองเชียร์กองยุไม่เข้าใจ ไม่ข้ามให้พ้นจึงติดแต่เรื่องหยุมหยิม เอาแต่คิดเล็กคิดน้อยทำตัวเป็นพวกกุ้งฝอยเท่านั้น...

“เราเดินมาถึงจุดที่ต้องรักษาชาติบ้านเมืองเอาไว้ ความทุกข์ของราษฎรจากปัญหาเศรษฐกิจข้างหน้า อีกไม่กี่วันก็หนีไม่พ้น ดังนั้น ถ้าเราคิดแต่เรื่องส่วนตัวมากเกินไป เราจะสิ้นชาติ ถ้าเราจะเอาชาติบ้านเมืองให้รอดเสียก่อน แล้วค่อยมาขัดแย้งต่อสู้กันใหม่ ถ้าชาติไม่รอด แต่มาขัดแย้งกัน เราจะไม่เหลือชาติให้อยู่อีก”

ขณะเดียวกัน วันนี้ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน ลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินสายบทสื่อมวลชนว่า

“สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเผด็จอำนาจ เริ่มเดินสายพบหนังสือพิมพ์ ก่อนอื่น เป็นการบังคับให้คณะบรรณาธิการต้อนรับ เพราะไม่มีฉบับใดปฏิเสธ ต่อมา แสร้งแสดงว่า ตนยอมรับบทบาทและเสรีภาพของสื่อมวลชน สุดท้าย เป็นการสร้างภาพพจน์ทางการเมือง เท่านั้น”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ “ตู่-จตุพร” พยายามจะบอกว่า นปช. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหมู่บ้านเสื้อแดงตั้งแต่ต้น ดังนั้น การปลดป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง จึงไม่ใช่เรื่องที่จะปกป้อง แถมดีเสียอีก อนุโมทนาสาธุด้วย เพราะหมู่บ้านเสื้อแดง คือ ภัยที่ไม่จำเป็น เพราะนำมาซึ่งข้อกล่าวหา ล้มสถาบัน มุ่งเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทั้งที่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น

นอกจากการออกมาเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว “ตู่-จตุพร” ยังเปิดใจด้วยว่า ต้องการยุติความขัดแย้ง เพื่อชาติบ้านเมือง ที่กำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ และกำลังจะหนักขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งเมื่อพูดถึงแกนนำคนเสื้อแดง หรือแกนนำ นปช. สิ่งที่สะท้อนให้เห็นก็คือ ความยากลำบากในเรือนจำ หลายคนจ่อคุก จ่อสังขาร โดยที่พวกเอาแต่เชียร์ เอาแต่ยุยง ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรเลย แถมยังคิดเล็กคิดน้อยเรื่องหยุมหยิม ซึ่งก็ไม่รู้ว่า หมายถึงใคร กลุ่มใด แต่ที่แน่นอน วันนี้เต็มใจที่จะยุติการสร้างความขัดแย้งแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความขัดแย้งรุนแรงที่ยังคงอยู่ ก็คงเหลือแต่ กลุ่มคนที่ต้องการ “ล้มล้างการปกครอง” และ “กลุ่มแดงนอก” ที่มีพฤติกรรม “ล้มเจ้า” เท่านั้น

เพราะกลุ่มเหล่านี้ มีความชัดเจนว่า “ยุทธศาสตร์” การต่อสู้ คือ เปลี่ยนแปลงการปกครอง ดังนั้น ตราบใดที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย ตราบนั้น ไม่มีทางที่จะทำให้ยุติลงได้ ต่อให้ รัฐบาลเปลี่ยนมือจาก “ลุงตู่” ไปแล้วก็ตาม ไม่เชื่อคอยดู!


กำลังโหลดความคิดเห็น