“หมอวรงค์” สู้ไม่ถอย ยินดีถูกฟ้อง ลากไส้ “คณะก้าวหน้า” ต่อ ใครโอนเงิน 1.5 ล้าน? โต้ “ช่อ” ใครเล่นการเมืองราคาต่ำ? ใครทำประโยชน์ให้บ้านเมืองกว่ากัน รู้จักมั้ย “จำนำข้าว” หยามเป็น ส.ส.สอบตก ยกคำคม “ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (9 ก.ค. 63) เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์คลิป พร้อมระบุว่า
“วันนี้ ผมขออนุญาตชี้แจงผ่านคลิปครับ”
ทั้งนี้ นพ.วรงค์ ชี้แจงกรณีเงินบริจาคเมย์เดย์ของคณะก้าวหน้า ว่า ยินดีที่จะมีการฟ้องร้อง เพื่อจะได้ตรวจสอบต่ออย่างน้อย 4 ประเด็น เช่น การประกาศ 2,427 รายชื่อนี้ ตรงกับรายชื่อที่ขอเข้าไปกลุ่มแรกหรือเปล่า เพราะบอกว่าให้ทุกคนเท่าเทียมกันโดยไม่ต้องพิสูจน์ความจน ดังนั้น คนที่มาก่อนต้องได้ก่อน ฉะนั้น 2,427 รายชื่อ ที่ได้รับเงิน ต้องตรงกับ 2,427 รายชื่อแรกที่ขอเข้ามา ถ้าไม่ตรงต้องชี้แจงว่าทำไมถึงไม่ตรง
ข้อที่ 2 บอกว่า ถอนเงิน 4 แสนแล้วให้ธนาคารโอนระบบแมนนวล ถามว่า ทำไมคนร้อยกว่าคนวงเงิน 4 แสน ไม่ใช้ระบบออนไลน์ในการโอน มันมีข้อกังขาข้อพิรุธอะไรหรือเปล่า ร้อยกว่าคนนี้อยู่ใน 2,427 คนแรกหรือเปล่า หรือคนที่มาทีหลัง มันดูผิดปกติ
ประเด็นที่ 3 คือ ธนาธร เป็นคนพูดเองว่า โครงการเมย์เดย์นี้ เป็นการบริจาคเล็กๆ น้อยๆ ของประชาชน แต่เห็นตัวเลข 1.5 ล้านโอนเข้ามา เราอยากจะรู้ว่า ใครเป็นผู้โอนตัวเลขนี้เข้ามา
ประเด็นที่ 4 มีการชี้แจงว่า ถอนเงินไป 2 แสน เพื่อไปชำระค่าน้ำประปาให้กับชุมชนช่วยคนจนช่วงโควิด รัฐเองก็มีโครงการประปาฟรี สำหรับคนยากจนอยู่แล้ว ทำไมต้องโอนอีก น่าตรวจสอบใบเสร็จเหล่านี้เหมือนกัน
“นี่คือ สิ่งที่ผมรอให้คณะก้าวหน้าไปฟ้องร้องดำเนินคดี และเราจะใช้กระบวนการของกฎหมายเพื่อตรวจสอบความโปร่งใส ขอให้เตรียมการบ้านไว้ให้ดี”
และยังมีการกล่าวหาผม โดยคุณช่อกล่าวหาว่า เป็นการเมืองราคาต่ำ ผมไม่เข้าใจ ต้องถามกลับคุณช่อ ว่า การที่ คุณธนาธรบอกว่าจะแจกทุกคนโดยไม่ต้องพิสูจน์ความจน สุดท้ายแจกแค่ 2,427 คน จนถูกพี่น้องประชาชนต่อว่า ว่าหลอกลวง แบบนี้ราคาต่ำหรือไม่
เวลาถูกฟ้องร้องไปกล่าวหาว่าใช้กฎหมายปิดปาก วันนี้ไปฟ้องร้องคนอื่นบอกว่า แบบนี้ไม่ใช่กฎหมายปิดปาก อย่างนี้เป็นการเมืองราคาต่ำหรือไม่
ต่อมากล่าวหาผมแรงมาก บอกว่า หมอวรงค์ไม่เคยทำประโยชน์ให้กับสังคม ประเทศชาติ คุณรู้จักโครงการรับจำนำข้าวมั้ย โครงการ 878,000 ล้านบาท ผมสามารถยึดเงินกลับคืนสู่ประเทศจากเครือข่ายเสี่ยเปี๋ยง 1.2 หมื่นล้าน รวมทั้งคุณยิ่งลักษณ์หนีไปต่างประเทศ บุญทรงติดคุก ผมถามว่า คุณไปอยู่ที่ไหน ผมถามเลยว่าวันนี้คุณช่อกับผม คุณทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติ หรือแม้คุณธนาธร คุณปิยบุตร คุณทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติ หรือพวกคุณทั้ง 3 คน มาเปรียบเทียบกับผมเลย ใครทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากกว่ากัน
สุดท้ายคุณช่อกล่าวหาผมเป็น ส.ส.สอบตก แพ้อนาคตใหม่ ไม่ใช่แค่เยาะเย้ย แต่หยาม คุณช่อไม่เข้าใจสังคมไทย ลูกผู้ชายฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ ผมถามว่า มนุษย์เกิดมาไม่เคยมีใครแพ้ หรือล้ม ผมยอมรับว่าผมแพ้ แต่ผมไม่จำนนต่อความพ่ายแพ้ ผมพร้อมที่จะสู้ต่อไป และวันนี้ผมกำลังสู้ จึงฝากคุณช่อ คุณธนาธร คุณปิยบุตร วันหนึ่งจะรู้จักผมมากกว่านี้
เรื่องของเรื่อง ก่อนหน้านี้ (8 ก.ค. 63) “ช่อ” น.ส.พรรณิการ์ วานิช หนึ่งในแกนนำคณะก้าวหน้า ได้ออกมาขู่ฟ้องร้อง “หมอวรงค์” ที่ออกมาแฉความไม่โปร่งใสในการดำเนินโครงการเมย์เดย์ เมย์เดย์ โดยเฉพาะ 15 รายชื่อที่สงสัยว่า ไม่มีตัวตนจริง
โดย น.ส.พรรณิการ์ วานิช แถลงที่รัฐสภา ว่า คณะก้าวหน้าได้เปิดเผยเอกสารเกี่ยวกับการโอนเงินและจำนวนเงินไปทั้งหมดแล้ว และหลักฐานทุกอย่างพร้อมให้ถูกตรวจสอบ แต่อยากให้สังคมตั้งคำถาม ว่า บุคคลที่กล่าวหาว่า เราเอาคนอวตารมารับเงินนั้น เป็นการกล่าวหาลอยๆ ทั้งสิ้น และปล่อยให้ภาระการพิสูจน์เป็นของเรา ดังนั้น เรื่องนี้ต้องสอบถามทางธนาคารไทยพาณิชย์ ว่า ทำไมถึงให้บุคคลที่ไม่มีข้อมูลในทะเบียนราษฎรตามที่ นพ.วรงค์ อ้างนั้น เปิดบัญชีธนาคารได้
“อยากถามคุณได้แสดงหลักฐานหรือยังว่า บุคคลที่รับเงินเป็นคนอวตาร มีแต่การพูดลอยๆ และโกหกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นใครย่อมไม่ควรถูกกล่าวหาด้วยเกมการเมืองราคาต่ำเช่นนี้ โดยไม่มีต้นทุนอะไรเลย เพราะมีการกล่าวหาเรา แต่กลับไม่มีหลักฐานมาแสดงและปล่อยให้ภาระการพิสูจน์เป็นของอีกฝ่าย ดังนั้น เมื่อเราแสดงหลักฐานแล้ว ขอให้ไปช่วยดูด้วยและพิจารณาข่าวสารด้วยใจเป็นธรรม ซึ่งทั้งหมดจะมีการฟ้องและจะมีการพิสูจน์กันในชั้นศาล”
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทนายความรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการฟ้องร้อง นพ.วรงค์ ต่อไป ส่วนกรณีการกล่าวหาของ ว่าที่ร้อยตรี บุญเกื้อ ปุสสเทโว อดีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทยนั้น ทางคณะก้าวหน้าได้ดำเนินการฟ้องร้องแล้ว
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวอีกว่า เงินบริจาค มีหลักฐานการโอนเงินกว่า 2,431 คน รวมทั้ง 15 รายชื่อที่ นพ.วรงค์ กล่าวหาว่า เป็นอวตาร โดยได้มีการชี้แจงผ่านเพจคณะก้าวหน้า และจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับ นพ.วรงค์ และ นายบุญเกื้อ ปุสสเทโว อดีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมองว่า การออกมากล่าวหาเป็นเรื่องเกมการเมืองที่ไม่ลงทุน และหวังดิสเครดิตทางการเมือง
ขณะเดียวกัน รู้สึกเห็นใจ นพ.วรงค์ เพราะสอบตกแพ้พรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้ง และต้องการมีที่ยืนทางการเมือง ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่ นพ.วรงค์ เคยลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหากชนะก็จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นบทบาทของ นพ.วรงค์ ในการทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติ
พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่า การยื่นฟ้องหมิ่นประมาททั้งสองคน ไม่ได้ต้องการใช้กฎหมายเพื่อปิดปาก แต่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างว่า ไม่ควรมีใครถูกใส่ร้ายป้ายสีโดยปราศจากหลักฐาน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปยื่นฟ้องนายบุญเกื้อก่อนจะรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องนายแพทย์วรงค์ต่อไป ส่วนค่าเสียหาย ขึ้นอยู่กับฝ่ายกฎหมายจะพิจารณา
ส่วนจะให้ 15 รายชื่อที่ถูกกล่าวหาต้องออกมาแสดงตัวยืนยันกับสังคมหรือไม่นั้น น.ส.พรรณิการ์ เห็นว่า จะเป็นการรบกวน แต่ขอให้สื่อไปตรวจสอบเอง และหาก นพ.วรงค์ อยากเห็นหลักฐานการโอนเงินทั้งหมด ขอให้ไปดูในชั้นศาล
นอกจากนี้ มีรายงานว่า น.ส.พรรณิการ์ ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ว่า “แจงสเตทเมนต์หมดแล้วก็ยังจะขอดูของ 15 คน เชิญคุณหมอวรงค์ตรวจสอบ และกล่าวขอโทษช่อและคณะก้าวหน้าให้ปรากฏต่อสาธารณะภายใน 24 ชั่วโมง มิฉะนั้น ขอดำเนินการตามกฎหมาย เราแสดงหลักฐานทั้งหมด คุณไม่เคยแสดงอะไรเลยนอกจากกล่าวหาลอยๆ”
และต่อมา มีรายงานว่า น.ส.พรรณิการ์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า มอบหมายให้ทีมกฎหมายยื่นฟ้อง นายบุญเกื้อ ปุสสเทโว อดีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกค่าเสียหายจำนวน 1 ล้านบาท จากกรณีที่นายบุญเกื้อ กล่าวหาว่า โครงการเมย์เดย์ เมย์เดย์ ซึ่งได้รับเงินบริจาคจำนวน 7.7 ล้านบาท ของคณะก้าวหน้า มีข้อพิรุธและความไม่โปร่งใส และเป็นหนึ่งในผู้เสียหายร่วมบริจาคจำนวน 1 สตางค์ โดยศาลกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 26 ต.ค.63 เวลา 13:30 น.
แน่นอน, เรื่องนี้ว่าที่ร้อยตรีบุญเกื้อ เป็นคนแรกที่ออกมาแฉ โดยพุ่งเป้าไปที่รายชื่อผู้รับบริจาค อาจไม่มีตัวตนอยู่จริง หลายรายชื่อซ้ำๆกัน อันส่อว่าไม่โปร่งใสหรือไม่
และต่อมา “หมอวรงค์” ก็ได้นำรายชื่อ 15 คนมาตั้งประเด็นว่า เข้าข่ายที่ไม่มีอยู่จริง และท้าพิสูจน์ความจริงกับ “คณะก้าวหน้า”
ขณะเดียวกัน “ช่อ” เตือนว่าที่ร้อยตรี บุญเกื้อ ให้ลบโพสต์ที่เอามาแฉ พร้อมขอโทษภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้น เจอกันที่ศาล และเรื่องราวก็บานปลายมาถึง “หมอวรงค์” ที่ถูกขู่ฟ้องด้วยเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ถือว่า ต่างฝ่ายต่างตั้งข้อกล่าวหาซึ่งกันและกัน และพร้อมให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ถ้าจะว่าไปแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องดี ที่ทุกฝ่ายจะได้รับความเป็นธรรม ไม่ต้องมีอะไรค้างคาใจกันอีก และคนที่จะได้ประโยชน์สูงสุดก็คือ ประชาชนนั่นเอง
ความจริง ยังถือด้วยว่า คณะก้าวหน้าได้ทำตัวอย่างที่ดีให้กับตัวเอง ที่นำความขัดแย้งขึ้นสู่ศาล และยอมรับคำพิพากษาของศาลทุกเรื่องนับแต่นี้ไป ซึ่งถ้าทำเช่นนี้ให้เป็นปกติวิสัย เชื่อว่า ประชาชนคนไทย จะค่อยๆ ยอมรับมากขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็จะไม่มีใครกล่าวหาได้ว่า ถ้าไม่ได้ประโยชน์ก็จะไม่ยอมรับบวนการยุติธรรม?