ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“เทพเทือก” หนวดกระดิก พวกจ้องเก้าอี้ “จับกัง 1” ออกโรงประกาศจองเก้าอี้ รมว.แรงงาน ให้ “ซินตึ๊งเอนก” จนเจอคำถามแรง ไหนว่าไม่ยุ่งการเมือง ย้อนน้ำคำ “จรกาหน้าดำ” ที่เคยประกาศหันหลังให้วงจรอำนาจมาแล้วไม่รู้กี่รอบ
ถึงนาทีนี้ ยังไม่มีสัญญาณจากหัวหน้ารัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด แต่ก็ยังเห็น “พ่อยก-แม่ยก” ประเภท “ขาอวย” ออกมาส่งเสียงเชียร์ “รัฐมนตรี-ว่าที่รัฐมนตรี” กันจ๊อกแจ๊กจอแจ
ทั้งพวกที่เป็น รมต.แต่อยาก “อัปเกรด” ขยับไปหา “สิ่งที่ดีกว่า” กับประเภท “หวงก้าง” กลัวใครจะมาชิงอาณาจักรตัวเองไปครอง
และที่ขาดไม่ได้ “รมต.วอนนาบี” ทั้งหลาย ที่อยากเข้ามาติดบั้ง “เสนาบดี” กับเขาบ้าง
อย่างที่ทราบกันดีว่า การปรับ ครม.เป็นอำนาจของ “นายกฯ” แต่เพียงผู้เดียว และที่ผ่านมา “ลุงตู่” ก็ตะเพิดผ่านสื่อหลายหนแล้วว่าไม่ต้องมาเสนอตัว หรือกดดันอะไร
แต่ก็ยังมีความพยายามจะขย่มให้มีการปรับ ครม.โดยเร็ว โดยเฉพาะหลังจากที่เสร็จศึกยึดพรรคพลังประชารัฐได้สำเร็จ
และแม้จะรู้เต็มอกว่า ข่าวความเคลื่อนไหวให้มีการปรับ ครม. รังแต่จะสร้างความรำคาญใจ แต่รู้ทั้งรู้ก็ไม่สนใจกัน หวังใจให้มี “ชื่อสกุล” ติดบนพื้นที่สื่อ ราวกับเป็นการส่ง “เรซูเม่” ไปในตัว
เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า กระทรวงแรงงาน น่าจะมีการปรับเปลี่ยน โดยมีชื่อ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ว่ากันว่าเดิมถือตั๋ว รมว.แรงงาน มาตั้งแต่สมัยตั้งรัฐบาลใหม่ๆ มาแทนที่
และ “เสี่ยเฮ้ง” ก็ออกมาโชว์วิสัยทัศน์ด้านแรงงานบ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงการดูแลเยียวยาผู้ใช้แรงงานช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา
อันน่าจะเป็นเหตุให้ “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องอาศัยในช่วงวันเกิด ขอของขวัญวันเกิดแบบตีเนียน ประกาศแบบ “เก้าอี้ข้าใครอย่าแตะ” กร้าวว่า “จารย์เหนก” เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ที่ “ค่ายลุงกำนัน” เตรียมส่งเข้าประกวดแทน “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ต้องอยู่ที่เดิม คือ รมว.แรงงาน เท่านั้น !!
น่าสนใจที่ “เทพเทือก” ต้องมาตะเบ็งเสียงย้ำให้ถึงหู “นายกฯตู่” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เคยเคาะแล้วว่าส่งชื่อ “เอนก” ให้นายกฯพิจารณา เรื่องก็น่าจบตั้งแต่ตอนนั้น
แถมรอบนี้ “สุเทพ” ยังขึงขังด้วยว่า “เอนก” ต้องอยู่ที่เดิมของพรรค นั่นคือ กระทรวงแรงงาน ไร้สร้อยท้ายว่า “ให้นายกฯพิจารณา” อีกต่อไป
แอกชันของ “สุเทพ” ดูเบาไม่ได้ เพราะระดับ “อดีตผู้จัดการรัฐบาล” ย่อมรู้จังหวะ “ได้-เสีย” ว่าเมื่อใดควรออกโรง
เหมือนถูกกระตุกหนวด หวังชิงเก้าอี้ รมว.แรงงาน ที่ รปช.คุมมาเกือบปีเพลินๆ “สุเทพ” ก็เลยต้องออกมาแยกเขี้ยว
แน่นอนความเป็น “รัฐบาลผสม” ก็เป็นธรรมดาว่าต้องมีเรื่อง “โควตา” เป็นที่ตั้ง ส่วนจะอยู่ที่เดิม-ที่ใหม่ ใหญ่ขึ้น-เล็กลง ก็อยู่ที่การต่อรองเจรจา
แต่ที่สังคมอดถามไม่ได้ มีว่า วันนี้ “สุเทพ” อยู่ในสถานะอะไร ทำไมถึงมาเจ้ากี้เจ้าการ กับพรรค รปช. แล้วยังล้ำเส้นไปถึงการฟอร์มเก้าอี้ รมต.อีกต่างหาก
ก็ไหนว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองเด็ดขาด ไม่ว่าจะสถานะใด ?
ประกาศซ้ำซากมาไม่ต่ำกว่า 6-7 รอบ เรียกร้องให้มีการ “ปฏิรูปการเมือง” ตั้งแต่สมัยพีกๆ เป็น “ลุงกำนัน” ชุมนุม กปปส. เดือนธ.ค. 57 หรือเป็น “พระสุเทพ” ปี 58 กระทั่งสึกออกมาแล้ว เมื่อต้นปี 61 ก็ยังประกาศ “แผ่นเสียงตกร่อง” ว่า ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว
ทว่าไม่นานก็ประกาศตั้ง พรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งสนับสนุน “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ ขึ้นมา สำคัญที่ดันคว้าเก้าอี้ ส.ส.เข้ามาได้ 6 ที่นั่ง จน “แลกแต้ม” ได้มา 1 ที่นั่งรัฐมนตรีว่าการ
ไม่แปลกที่จะถูก “คนชัง” ด่าสาดเสียเทเสีย “ตระบัดสัตย์” คืนคำ ไม่รักษาคำพูด ย้อนไปถึงสมญาในอดีต “จรกาหน้าดำ” ว่าไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่ต่างจาก “โมฆบุรุษ”
สำคัญที่พอ รปช.ได้โควตา รมว.แรงงาน และส่ง “หม่อมเต่า” ไปเป็น รมต. การบริหารงานกระทรวงแทนที่จะอยู่กับคนเป็น รมต. กลับมาสุมหัวอยู่ที่ “คลับหรู” ย่านสุขุมวิท แทน
จนแทบจะย้ายที่ทำการกระทรวงมาให้รู้แล้วรู้รอด !!
ไม่เท่านั้น อำนาจสั่งการก็ดันเป็น “เจ้าของพรรค” ทั้งเรื่องนโยบาย หรือการประมูลโครงการต่างๆ แต่พออะไร “ห่วยแตก” กลับโยนให้ “หม่อมเต่า” เจ้ากระทรวงแทน จนเจ้าตัวทนไม่ไหว ตัดใจไขก๊อกหนี “มือมืด”
สรุปแล้ว “เจ้าของพรรค” แค่ไม่ออกหน้าเป็น “นักการเมือง” ขอเป็น “นักสั่งการ” อยู่เบื้องหลังสบายใจกว่า
ไหนว่าไม่ยุ่ง วางมือแล้ว ตระบัดสัตย์กลับไปกลับมา แต่พฤติกรรมและคำพูดวันนี้ของ “สุเทพ” มุ่งการเมืองชัด ทั้งบงการ- แทรกแซง-ล็อกเก้าอี้ รมว. กดดัน “ลุงตู่” มาเต็มอย่างนี้ เขาเรียกว่าคนอะไร ?
** “หมอวรงค์” ขีดเส้น “ช่อ” โชว์สเตทเมนต์การโอนเงินบริจาค “เมย์เดย์ เมย์เดย์” วันนี้ หากไม่มีถือว่าฉ้อโกงประชาชน แกนนำคณะก้าวหน้าเตรียมบวกเพิ่มอีกคดี
ยังดรามาเข้มข้นต่อเนื่อง ไม่แพ้เรื่อง “ลิงเก็บมะพร้าว” ที่ทำเอางานเข้าพลพรรคสีส้ม ก็คือ กรณี “อมเงินบริจาค?” ของคณะก้าวหน้า ที่มี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกนกุล-พรรณิการ์ วานิช” เป็นแกนนำ ซึ่งจัดกิจกรรมในโครงการ “เมย์เดย์ เมย์เดย์” เปิดรับเงินบริจาคจากคนทั่วไปเพื่อนำไปแจกจ่ายเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยไม่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติให้เสียอารมณ์ ใครลงชื่อก่อนได้ก่อน รับไปเลยคนละ 3,000 บาท ... ปรากฏว่า มีผู้ลงชื่อขอรับแจกกันล้นหลาม เป็นหลักแสนคน
นัยว่าเป็นการจัดกิจกรรมแจกเงินเพื่อ “เกทับ” โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” ของรัฐบาล ซึ่งขณะนั้นกำลังถูกวิจารณ์ว่าดำเนินการล่าช้า เพราะขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ
ครั้งนั้น ทางคณะก้าวหน้า โดย “ช่อ พรรณิการ์” แจ้งว่ามียอดเงินบริจาคทั้งสิ้น ประมาณ 7.2 ล้านบาท จ่ายให้ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คนละ 3,000 บาท จำนวน 2,427 คน ไปเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว
ต่อมาได้เกิดกรณีการตรวจสอบเงินบริจาค ที่ “ฌอน บูรณะหิรัญ” นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ หรือไลฟ์โคช ชื่อดังเปิดรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าที่ภาคเหนือ แล้วถูก “จับโป๊ะ” ว่าไม่ได้ช่วยเหลือจริง กระแสการตรวจสอบเลยลามมาถึง “คณะก้าวหน้า” โดย “บุญเกื้อ ปุสสเทโว” อดีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ออกมาเรียกร้องให้มีการแสดงหลักฐานการโอนเงินช่วยเหลือ เยียวยาผู้เดือดร้อนจากโควิด-19 เพื่อความโปร่งใส ว่ารับมาแล้วได้แจกจริง ไม่ใช่เอามา “อม” ไว้ ... แต่แทนที่ “ช่อ พรรณิการ์” จะนำหลักฐานมาแสดงเพื่อยืนยันความถูกต้อง กลับขู่ฟ้อง “บุญเกื้อ” หากไม่ลบโพสต์ !!
หลังถูกกดดันจากกระแสสังคม “ช่อ” ก็ได้นำรายชื่อผู้ที่ได้รับแจกเงินทั้ง 2,427 ราย มาโชว์ผ่านเพจคณะก้าวหน้า ... แต่ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ที่โดดเข้ามาร่วมตรวจสอบ ไม่เชื่อว่ารายชื่อดังกล่าวจะมีตัวตนจริงทั้งหมด จึงทำการสุ่มมา 15 รายชื่อ โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก พร้อมเรียกร้องให้ “ช่อ” นำสเตทเมนต์ การโอนเงินของทั้ง 15 คนมายืนยัน
ถัดมาอีกวัน (6 ก.ค.) ปิยบุตร แสงกนกกุล ยังคงเงียบ ขณะที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เลี่ยงที่จะตอบเรื่องนี้ มีเพียง “ช่อ พรรณิการ์” เท่านั้นที่บอกว่าได้ให้ฝ่ายกฎหมาย ร่างคำฟ้อง “หมอวรงค์” ไว้แล้ว และยืนยันว่า ได้โอนเงินครบตามรายชื่อแล้ว มีหลักฐาน เอกสารทางการเงิน เก็บไว้ในระบบเรียบร้อย... แถมยังพูดในเชิงเย้ยหยันว่า เหตุที่ “หมอวรงค์” ตามจองล้างจองผลาญ เพราะสอบตก แพ้คนของพรรคอนาคตใหม่ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวเพียงเพื่อให้มีที่ยืนทางการเมือง …
ล่าสุด “หมอวรงค์” ได้ออกมาโพสต์ว่า “ด่วน...โอนเงินให้อวตาร ผมได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า รายชื่อ 15 รายชื่อ ที่ขอดูสเตทเมนต์ การโอนเงินจากคณะก้าวหน้า ตามที่ขอล้วนแล้วแต่เป็น “อวตาร” ไม่มีตัวตนจริงในโลกใบนี้ แต่ถ้าคณะก้าวหน้า ภายใต้การนำของ ธนาธร ปิยบุตร และ ช่อ แสดงสเตทเมนต์ ที่มีรายชื่อให้ดูได้ ผมก็พร้อมจะตรวจสอบ... ขอย้ำว่า นี่เป็นการตรวจสอบ ที่นำหลักฐานรายชื่อมาแสดง ไม่ได้กล่าวลอยๆ และเป็นแค่บางส่วนเท่านั้น” พร้อมขีดเส้นว่าวันนี้ (8 ก.ค.) เป็นวันสุดท้าย ที่จะรอดูหลักฐานจาก “ช่อ”
แน่นอนว่า “หมอวรงค์” ได้ตรวจสอบและมั่นใจว่าในช่วงเดือน พ.ค.- มิ.ย. ที่ผ่านมา ไม่ได้มีการโอนเงินให้ 15 คน ที่ได้สุ่มตรวจมา แต่ถ้า “ช่อ” นำหลักฐานว่ามีการโอนในเดือน ก.ค. ก็แสดงว่าเป็นการโอนเงินย้อนหลัง ...แต่ถ้าถึงวันนี้ยังไม่สามารถนำสเตทเมนต์มาโชว์ได้ แสดงว่ามีการทุจริตในโครงการ เข้าข่าย “ฉ้อโกงประชาชน” ดังนั้น ประชาชนที่ร่วมบริจาคมา ก็สามารถเป็นเจ้าทุกข์แจ้งความดำเนินคดีกับ “แกนนำคณะก้าวหน้า” ได้เลย ...ใครที่พร้อมจะแจ้งความ “หมอวรงค์” มีข้อมูลหลักฐานไว้คอยสนับสนุนเต็มที่
ต้องติดตามกันต่อไปว่าเรื่อง “อมเงินบริจาค” นี้ “หมอวรงค์” หรือ “แกนนำคณะก้าวหน้า” จะต้องขึ้นศาลในฐานะจำเลย!!