“แบนกะทิ หาทารุณลิง” เป็นเรื่อง “ลุงไพศาล” จวก โชว์อำนาจบาตรใหญ่ ต้องบอยคอตกลับ “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ข้องใจคนให้ข้อมูลเท็จ ปมทารุณกรรมสัตว์ “ตู่-จตุพร” ด่าบ้าที่สุด มันเป็นวิถีชีวิต ปลุกคนไทยต้องสู้
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 ก.ค. 63) เฟซบุ๊ก ไพศาล พืชมงคล ของ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีห้างสรรพสินค้าในหลายประเทศ อาทิ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แบนกะทิกล่องและผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากมะพร้าวที่นำเข้าจากประเทศไทย หลังจากองค์กรประชาชนเพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีจริยธรรม (พีตา) นำผลการวิจัยและออกมาเรียกร้องต่อต้านผลิตภัณฑ์กะทิสำเร็จรูปและมะพร้าวจากประเทศไทย เนื่องจากนำลิงมาเก็บมะพร้าวและทารุณกรรมสัตว์ ว่า
“ขนาดเอาอกเอาใจกันถึงไหนต่อไหน จนแทบจะกราบตีนกันอยู่แล้ว!!
ประเทศไทยก็ยังถูกตัด GSP ยังถูกคว่ำบาตรการนำเข้ากะทิ โดยอ้างเหตุว่า เพราะคนไทยใช้ลิงเก็บมะพร้าว! และยังไม่ให้คนไทยเข้าประเทศทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีความปลอดภัยและการป้องกันรักษาไวรัสดีที่สุดในโลก
นั่นเพราะเขาต้องการแสดงอำนาจบาตรใหญ่เพื่อจะ “บังคับขับไส เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย”
พี่น้องประชาชนชาวไทยจงสามัคคีกันปรองดองสมานฉันท์กัน ช่วยกันคว่ำบาตรตอบโต้ ประเทศใดก็ตามที่เบียดเบียนคว่ำบาตรประเทศไทย!
ลุกขึ้นเถิดพี่น้องไทย อย่าให้ชีวิตสูญเปล่า!!!”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ของ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ก็โพสต์หัวข้อ “ทารุณกรรมสัตว์?”
โดยเนื้อหาระบุว่า “อังกฤษสั่งแบนกะทิจากไทยไม่ให้ขาย เพราะใช้ลิงเก็บมะพร้าว อ้างว่าทารุณกรรมสัตว์
ใครเป็นคนป้อนข้อมูลเท็จเหล่านี้ให้คนต่างชาติ แต่ส่งผลร้ายทำลายอุตสาหกรรมผลิตกะทิของไทย
หากอุตสาหกรรมผลิตกะทิใช้ลิงเก็บมะพร้าว จะทันกินมั้ย
ตะวันตกใช้สุนัขต้อนฝูงแกะ ฝูงวัว จัดวิ่งแข่งสุนัขไม่ทารุณสัตว์หรือ นี่มันมาตรฐานอะไร
หากส่วนราชการไทยชี้แจงแล้วยังไม่ยกเลิกการแบน มันคือ สงครามการกีดกันทางการค้า”
ด้าน “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ PEACETALK หัวข้อ “บ้าที่สุด!! ลิง มะพร้าว ไทย อังกฤษ” ว่า ในยุคปัจจุบัน อังกฤษไม่รู้เลยหรือว่า ลิงเก็บมะพร้าวเป็นวิถีชีวิตปกติ และไม่มีใครมองเป็นการทารุณสัตว์
โดยเปรียบเทียบวิถีชีวิตการเกษตรของต่างประเทศ ซึ่งใช้สัตว์มาร่วมการผลิตว่า หลายประเทศในยุคเก่านั้น ยังใช้ม้าลากรถในการขนส่งสินค้า ในอดีตอังกฤษยังใช้ช้างมาลากไม้ซุงที่ได้รับสัมปทานจากไทย ส่วนไทยใช้ควายลากไถทำนาปลูกข้าว และมีอีกหลายประเทศก็ใช้สัตว์มาร่วมทำอาชีพเกษตรกรรม ทั้งใช้อูฐ ซึ่งไม่มีใครบอกว่าเป็นการทารุณสัตว์
ส่วน พีตา นั้น ไม่ใช่องค์กรเพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ในระยะปีหรือสองปีนี้ จะไม่รู้ถึงวิถีชีวิตชาวสวนปลูกมะพร้าวใช้ลิงเก็บมะพร้าว ซึ่งไม่ใช่การทารุณสัตว์เลยหรือ จึงถึงกับรณรงค์เรียกร้องบอยคอตสินค้าผลิตภัณฑ์มะพร้าวของไทย
“ผมขอให้สถานทูตอังกฤษได้ทำความเข้าใจกันด้วย หากยังไม่เข้าใจก็บอยคอตมา เราก็ต้องบอยคอตสินค้าอังกฤษกลับเช่นกัน ขออย่าเอาลิงมาทะเลาะกันเลย เรื่องไม่เป็นเรื่อง และอังกฤษเป็นอะไรไป ไม่มีเหตุผลสิ้นเชิง เหมือนหมาป่ากับลูกแกะ”
ไม่เพียงเท่านั้น นายจตุพร เรียกร้องว่า กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรรีบทำความเข้าใจกับอังกฤษ เพราะการกระทำที่ไร้เหตุผล เป็นเรื่องเกินไป และมันมากเกินไป
“ชักจะมากไป ที่กล่าวหาใช้ลิงเป็นเครื่องจักรเก็บมะพร้าววันละพันลูก ซึ่งเป็นเรื่องเท็จโดยสิ้นเชิง ขอให้เลิกกล่าวหา ไม่เช่นนั้นคงทะเลาะกัน โดยเราต้องบอยคอตสินค้าอังกฤษกลับเช่นกัน และจำเป็นต้องปฏิบัติการกันอย่างนั้น”
อีกทั้งย้ำว่า กรณีลิงเก็บมะพร้าวเป็นการทารุณสัตว์นั้น เป็นสิ่งที่กระทบกับความรู้สึกของคนไทย เพราะเกิดความรู้สึกว่า ถูกรังแกกันเกินเหตุ เมื่อสถานการณ์ไทยช่วงนี้ คนไทยมีความเครียดกับโควิดกระทบเศรษฐกิจ เกิดความเดือดร้อน แล้วยังมาถูกซ้ำเติมกับเรื่องไม่เป็นเรื่องกันเลย ไม่ควรเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว หากไม่เลิก คงถูกคนไทยตอบโต้กลับ โดยการบอยคอตสินค้าอังกฤษด้วยเช่นกัน
ขณะที่ เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab ของนายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความเหน็บรัฐบาลตามเคย
“วิกฤตซ้ำ วิกฤตซ้อน อีกแล้วสำหรับสังคมไทย ขณะที่ รัฐบาลไทย ก็ยังคงเงียบเฉยต่อเรื่องนี้... เพิ่มจำนวนหายนะให้ถี่ๆ เข้าไว้ ..เสียงบเยอะแยะไปกับล็อบบี้ยิสต์ต่างประเทศ เพื่อกำจัดฝ่ายตรงกันข้ามทางการเมือง แต่กลับไม่ลงทุนหรือยอมเสียอะไรเลย ในอันที่จะรักษาปกป้องผลประโยชน์เพื่อปากท้องของพี่น้องประชาชนคนไทย.”
แน่นอน, สิ่งที่รัฐบาลไทยจะต้องเร่งทำความเข้าใจอย่างที่หลายคนเรียกร้องก็เพราะหลายคนเชื่อว่า เป็นการเข้าใจผิด และเป็นการป้อนข้อมูลที่เกินจริง อย่างที่ “ตู่-จตุพร” เห็นว่า ข้อเท็จจริงมันคือ วิถีชีวิต มันคือ ความงดงามตามธรรมชาติของลิง ที่ตอบแทนบุญคุณเจ้าของ มันไม่ใช่การบังคับแบบทารุณกรรมสัตว์ อย่างโหดร้ายป่าเถื่อน
และถ้าทำความเข้าใจไม่ได้ หรือ ต่างประเทศไม่รับฟัง เพราะเชื่อคนที่ป้อนข้อมูลเท็จ ก็คงต้องเลิกนับญาติกัน อย่างที่หลายคนเสนอ และคนไทยจะต้องลุกขึ้นมาปกป้องธุรกิจคนไทยร่วมกัน รวมทั้ง “บอยคอต” กลับเช่นกัน ไม่เช่นนั้น การใช้อำนาจบาตรใหญ่ อย่างที่ “ลุงไพศาล” ว่า มันจะไม่ใช่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
กระนั้น ถ้ามีคนไทยด้วยกัน เป็นคนให้ร้ายประเทศไทย ร่วมกับฝรั่งทำลายชาติเสียเอง จะเพื่อต้องการดิสเครดิตทางการเมืองรัฐบาล หรืออะไรก็ตาม ก็จงรับรู้เอาไว้ด้วยว่า คนที่จะถูกประณาม ก็คือ คนที่ทำลายประเทศชาติ ไม่ใช่คนที่ต้องรับผิดชอบในการแก้ปัญหา เพราะเท่ากับซ้ำเติมปัญหาให้กับประเทศนั่นเอง เรื่องนี้คนไทยรู้ว่าต้องสู้กับใคร!?