“จิตภัสร์” ถกร่างงบปี 64 ชี้ งบ ศธ.ไม่สอดรับยุค New Normal แนะ เสมา 1 ใช้ประสบการณ์บริหาร ร.ร.อินเตอร์ ฉวยช่วงวิกฤตทั่วโลกนับหนึ่งระบบการศึกษาใหม่ ยกเครื่องหลักสูตรเก่าทันสมัยเทียบนานาประเทศ ติงงบสร้าง platform เรียนผ่านอินเทอร์เน็ตแค่ 24 ล.น้อยมาก ฝากนายกฯโยกงบกลางช่วย เพื่อสร้างความเสมอภาคให้เด็ก ร.ร.ทุรกันดาร พร้อมคุมเข้มจัดซื้อ-จัดจ้าง ให้โปร่งใส
น.ส.จิตภัสร์ กฤษดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2564 ในส่วนงบกระทรวงศึกษาธิการ ว่า งบปี 64 ตั้งวงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท เป็นงบในส่วนกระทรวงศึกษาธิการ 1.3 แสนล้านบาท ถือว่าอยู่ใน 5 กระทรวงอันดับต้นๆ ที่ได้รับงบประมาณมากที่สุดในทุกๆ ปี ซึ่งตนสนใจว่า การจัดงบประมาณ ปี 64 นี้ จะมีงบเตรียมการให้เด็กไทยเข้าสู่สังคมใหม่นี้หรือไม่ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่า พอเข้าไปในดูรายละเอียดในงบของกระทรวงศึกษาธิการ ปี 64 กลับไม่ได้สะท้อนถึงปัญหาในโลกปัจจุบันที่เกิดขึ้นมากเพียงพอ และไม่สามารถที่จะตอบโจทย์ความต้องการของสังคมทุกวันนี้ได้
น.ส.จิตภัสร์ กล่าวว่า เราต่างทราบว่า วิกฤตโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบไปถึงภาคเศรษฐกิจ และสังคมทั้งในประเทศ และทั่วโลกอย่างรุนแรง ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนและสังคมมีการเปลี่ยนแปลง หรือที่เรียกกันทุกวันนี้ ว่า new normal ภาระสำคัญยิ่งของกระทรวงศึกษาธิการ คือ การเตรียมความพร้อม การให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน รวมทั้งบุคลากรทางการศึกษา ด้วยหลักสูตรการศึกษา ที่ต้องรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก วันนี้ เราน่าจะใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส ในเมื่อต้องเจอปัญหาเดียวกันทั้งโลก เสมือนกับต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่พร้อมๆ กัน ซึ่งยังพอมีหลักสูตรเดิมๆ ที่พอจะนำมาใช้กับสถานการณ์ปัจจุบันได้ เช่น การเรียนทางไกลผ่านจานดาวเทียม DLTV และ DLIT ที่สามารถเข้าถึงผู้เรียนได้อย่างรวดเร็วและบริหารจัดการได้ง่าย โดยใช้งบประมาณน้อย แต่ที่ผ่านมา หลักสูตรนี้มีไว้เพื่อช่วยแก้ปัญหาของโรงเรียนในพื้นที่ทุรกันดาร หรือพื้นที่ห่างไกล เช่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สอดคล้องกับโลกปัจจุบันว่าอยู่ที่ไหนก็เรียนได้ และยุทธศาสตร์การเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่ระบบนี้ก็ยังมีความล่าช้า สัญญาณไม่ชัด ไม่ทั่วถึง และโดยเฉพาะเนื้อหาที่ไม่ได้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงมาเป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ข้อมูลที่สอนนั้นตกยุค ไม่ไปด้วยกันกับโลกยุคใหม่
ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า งบประมาณ 2564 ตั้งงบสำหรับโครงการเรียนทางไกล ผ่านจานดาวเทียม ไว้ 235 ล้านบาท โดยเป็นงบลงทุน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นงบส่วนนี้ ไปใช้พัฒนาระบบการเรียนทางไกลอย่างจริงจัง ด้วยการพัฒนาเนื้อหาให้ทันสมัย ปรับปรุงระบบสัญญาณให้ชัดเจน ให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดสำหรับนักเรียนทั่วประเทศ แต่โครงการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ดี ก็คือ ระบบการเรียนการสอนผ่านทางสัญญาณอินเทอร์เน็ต โดยใช้ platform ของต่างประเทศ เช่น ระบบ google หรือแอปพลิเคชัน zoom เป็นระบบเรียนผ่านทางออนไลน์ โดยเป็นการสื่อสารสองช่องทาง คือ การแลกเปลี่ยน สื่อสาร พูดคุยแบบสด
“ดิฉันดีใจที่เห็นกระทรวงศึกษาฯ ตั้งงบประมาณ เพื่อที่จะสร้าง platform ขึ้นมาเองโดยไม่ต้องพึ่งระบบอื่นๆ แต่กลับตั้งงบประมาณไว้เพียง 24 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งน้อยมาก และถึงแม้จะตั้งไว้เป็นระบบใหญ่ ประเทศของเราก็ยังมีข้อจำกัดอีกมากเช่น การขาดแคลนทางอุปกรณ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่มีไม่ทั่วถึงทุกโรงเรียน ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงในการศึกษา”
น.ส.จิตภัสร์ กล่าวว่า จากการสำรวจปี 61 ครัวเรือนไทย เข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต 62% แต่ครัวเรือนที่มีคอมพิวเตอร์ มีแค่ 24% เท่านั้น จึงฝากนายกรัฐมนตรีช่วยจัดสรรงบกลางมาช่วยสนับสนุน เพื่อสร้างความเสมอภาค เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาให้แก่เด็กๆ ทั่วประเทศให้เท่าเทียมกัน เพราะทุกวันนี้จะเห็นตามข่าวว่าเด็กนักเรียนต้องไปขอใช้อินเทอร์เน็ตตามสถานีตำรวจ หน่วยบริการตำรวจทางหลวง หรือหน่วยงานราชการอื่นๆ ถ้าสามารถกระจายให้ทั่วถึงได้ จะช่วยบรรเทาการใช้ชีวิตของนักเรียนในยุค new normal นี้ได้อย่างยิ่ง ถึงแม้ที่ผ่านมา จะมีการกระจายอำนาจไปยังส่วนท้องถิ่น ในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างสรรหาอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ผ่านมหาดไทยส่วนนึง ตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็มีความเป็นห่วงในเรื่องของมาตรฐานและอุปกรณ์เครื่องเรียนเครื่องใช้
“จึงหวังว่า นายกฯจะช่วยกำกับดูแลความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ให้มีการทุจริต คอร์รัปชันเพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพและเป็นประโยชสำหรับนักเรียน โครงการนี้จะเป็นโครงการที่เข้ากับยุคสมัยของการใช้ชีวิตปัจจุบัน หรือ new normal แต่อุปกรณ์ต้องพร้อม เพราะการศึกษาคือหัวใจของชาติ ที่จะเป็นกุญแจไปสู่การเตรียมความพร้อมให้กับอนาคตของชาติในวันข้างหน้า จึงขอเสนอว่า ปีงบประมาณหน้า กระทรวงศึกษาธิการ จะต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างของงบประมาณ เพื่อเป็นการเตรียมตัวเด็กและเยาวชน ไปสู่สังคมยุคใหม่ และฝากถึง รมว.ศึกษาธิการ ให้รับรู้ปัญหาและความต้องการนี้ ดิฉันเชื่อมั่นว่า รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งมีประสบการณ์ในการจัดการศึกษาระดับโรงเรียนนานาชาติ จะมีแนวคิดที่จะส่งเสริมและสร้างคุณสมบัติของเยาวชน ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ ให้เท่าเทียมกับนานาอารยประเทศต่อไป” น.ส.จิตภัสร์ กล่าว