ส.ส.ก้าวไกล อภิปรายงบไฟใต้ลดงบให้พอเอาหน้ารอด ส่วนใหญ่นำไปใช้ปรับทัศนคติและโฆษณาชวนเชื่อ ฉะตบตาสภาเปลี่ยนแค่ชื่อโครงการงบล้างสมอง แถมละเมิดสิทธิใช้พื้นที่เป็นห้องทดลองมนุษย์ หวังต่อยอดทั่วประเทศ
วันนี้ (2 ก.ค.) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายตัวเลขงบประมาณแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2564 ได้รับงบ 6,400 กว่าล้านบาท ลดลงจากปี 2563 ประมาณ 900 ล้านบาท ถึงงบประมาณจะลดลงดูแล้วแม้เป็นเรื่องดี แต่รายละเอียดงบประมาณมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก เพราะงบประมาณส่วนใหญ่ 42% ยังถูกนำไปใช้ในโครงการการปรับทัศนคติและโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ขณะที่งบด้านการเยียวยาและฟื้นฟูสันติภาพได้เพียง 16.4% รัฐบาลแค่ลดงบให้พอเอาหน้ารอด ว่า ได้ลดงบประมาณแก้ไฟใต้ลงแล้วเท่านั้น ที่น่าสนใจคือ โครงการส่งเสริมและเผยแพร่ความจริงที่ถูกต้อง ซึ่งถูกสภาวิจารณ์มากเมื่อปีที่แล้ว เพราะเป็นงบล้างสมอง ให้ทหารเข้าไปในโรงเรียนปลูกฝังค่านิยมให้เด็กนักเรียนนั้น มาปีนี้แม้จะไม่มีชื่อโครงการนี้ แต่หายไปแค่ชื่อ เพราะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น โครงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อสันติสุข แต่รายละเอียดโครงการแทบจะถอดแบบกันมา ถือเป็นความพยายามตบตาสภาใช่หรือไม่ เห็นสภาเป็นแค่ตรายาง
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพข่าวกรอง ตั้งงบไว้ 926 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 17 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างสายข่าว ซึ่งสร้างความแตกแยก หวาดระแวง เปิดช่องให้ใส่ร้ายกันในพื้นที่ และยังมีโครงการในลักษณะนี้ 100ล้านบาท รวมๆแล้วเท่ากับกอ.รมน.มีงบสร้างความแตกแยก 1,034 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังพบว่า มีการให้ตำรวจทหารเก็บดีเอ็นเอคนในพื้นที่ ปี 2562 มีเด็กนักเรียน ครู คนแก่ ถูกเก็บดีเอ็นเอไป 600 คน และทหารเกณฑ์ในพื้นที่อีก 19,000 คน เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ปฏิบัติต่อประชาชนเหมือนเป็นผู้ต้องสงสัยก่ออาชญากรรม รวมถึงบังคับให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในพื้นที่ ทั้งผู้ใช้รายเดิมและรายใหม่ลงทะเบียนซิม การกำหนดงบประมาณเช่นนี้บวกกับการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สะท้อนนโยบายไม่ไว้วางใจประชาชน ไม่เชื่อกระบวนการพูดคุย คิดแต่ใช้กฎหมาย อาวุธ และการโฆษณาชวนเชื่อครอบงำประชาชน สิ่งที่รัฐบาลทำเป็นการใช้พื้นที่ชายแดนใต้เป็นห้องทดลองมนุษย์ ทดสอบนวัตกรรมควบคุมเก็บข้อมูล ล้างสมองประชาชน มีชาวบ้านในพื้นที่เป็นหนูทดลอง วันนี้ทดลองจากประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ก่อน สบโอกาสเมื่อใดค่อยมาเอาใช้ทั่วประเทศ ถ้าสนับสนุนการใช้งบลักษณะนี้ไม่ต่างจากราดน้ำมันเข้ากองไฟ ผลาญชีวิต และอนาคตคนในพื้นที่ จึงไม่ยอมรับการเอาภาษีประชาชนมาเปิดห้องทดลอง ขอให้ส.ส.ใช้ 1 เสียงปิดห้องทดลองที่ชั่วร้ายดี อย่าปล่อยให้ลูกหลานต้องเป็นหนูทดลองต่อไป