xs
xsm
sm
md
lg

สาวขอนแก่นโพสต์ขอความเป็นธรรม ตร.ยัดยาบ้า ขอ 2 แสนแลกจบคดี ยันไม่ได้ทำอะไรผิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สาวโพสต์เฟซบุ๊กถูกตำรวจยกโขยงบุกค้นบ้านโดยไม่มีหมายค้น ตรวจค้นทั่วบ้านไม่เจอสิ่งผิดกฎหมาย เปลี่ยนไปค้นรถยนต์แทน อ้างเจอยาบ้าร่วม 1,000 เม็ด หิ้วพี่ชายสติไม่สมประกอบไปโรงพักแล้วให้เซ็นรับเป็นเจ้าของ ซ้ำขอเงิน 200,000 แลกจบคดีถามสังคมตำรวจทำอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ!

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กบัญชี เรือน ปักมุก ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กกลุ่มขอนแก่น มีด่านบอกด้วยฯ ข้อความว่า...รบกวนผู้รู้ตอบด้วยค่ะ พอดีตำรวจบุกขึ้นบ้านเราโดยที่ไม่มีหมายศาล ค้นห้องเราทุกห้องแต่บังเอิญเราไม่อยู่บ้าน มีแต่คนแก่อยู่แล้วค้นบ้านแล้วไม่เจออะไร แล้วเค้าลงไปค้นรถเค้าบอกว่าเค้าเจอยาบ้า 1,000 กว่าเม็ด ซึ่งยายและทุกคนอยู่บนบ้านไม่รู้ ไม่เห็นว่ามียาเสพติดในรถจริงหรือไม่ และเขาได้ขับรถเราไปโดยที่ไม่มีใครเซ็นรับทราบว่า ต้องเอารถไปโรงพักนะเพราะมียาเสพติดใครเป็นเจ้าของอะไร ยังไงเราไม่รู้รายละเอียดเลย

รู้อีกทีตำรวจให้เราโทร.ไปเบอร์ที่เขาทิ้งไว้ แล้วเราเข้าไปคุยรายละเอียดเขาบอกว่าจะเอากับเรา 200,000 เค้าจับพี่ชายเราไปด้วย ซึ่งพี่ชายเราสติไม่ค่อยสมประกอบ เค้าบอกพี่ชายเรามีไอซ์ 64 และยาเสพติดซึ่งพี่ชายเราไม่มีประสิทธิภาพในเรื่องนี้ขนาดนี้เพราะปกติพี่ชายเราก็อยู่บ้านปกติ รบกวนตอบด้วยค่ะว่าเราสามารถทำอย่างไรได้บ้าง แถมตอนนี้รถเราโดนยึดไว้ด้วย


ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ น.ส. เอ (นามสมมติ) เจ้าของโพสต์ข้อความดังกล่าว น.ส.เอ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.63 เวลาประมาณ 13.00 น. ซึ่งตนเป็นหลานสาวของเจ้าของบ้านและรถคันดังกล่าวก็เป็นของตนได้ไปจอดไว้บ้านที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 316 ม.8 บ.หนองหลุบ ต.แดงใหญ่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เจ้าของบ้านมีฐานะเป็นป้า กล่าวว่า ทุกคนอยู่ในห้องนอนและกำลังดูทีวี สักพักก็ได้ยินเสียงทุบประตูทุกคนก็ตกใจและได้ลุกมาเปิดประตู พบว่ามีผู้ชาย 4 คน ลักษณะเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อีก 3 คนยืนอยู่หน้าห้อง อีก 1 คนเข้าไปตรวจดูภายในห้อง คุณป้าได้ถามว่ามาทำอะไร มีหมายค้นหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่แสดงหมายค้นหรือเอกสารหลักฐานอะไร จนกระทั่งตรวจค้นภายในบ้านเสร็จก็เรียกคนที่อยู่ภายในบ้านออกมาดูว่ามียาบ้าจำนวนมากกองอยู่บนพื้นที่ลานจอดรถ

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหนึ่งยืนรอนอกบ้าน อ้างว่าที่นี่มีเบาะแสการซื้อขายยาบ้า จึงได้มีการยึดของกลาง และได้พาลูกชายของป้าที่กำลังป่วยเกี่ยวกับระบบประสาทไปโรงพักด้วย

เมื่อตนทราบข่าวก็รีบขับรถไปที่บ้านป้าทันที และได้สวนทางกันที่กลางทาง ตนจึงบีบแตรเพื่อให้หยุดรถ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงให้เบอร์โทรศัพท์กับตนไว้เพื่อติดต่อ หลังจากนั้นเวลาประมาณ 5-6 โมงเย็น ตนจึงเดินทางไปที่ สภ.บ้านเป็ด กับน้องสาว เพื่อไปสอบถามข้อมูลถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พอตนได้เข้าไปพูดคุยกับนายตำรวจท่านหนึ่ง ซึ่งได้ยินทุกคนเรียกว่าท่านรอง

ภายในห้องมีการวางของกลางให้ดู เช่น ยาไอซ์ ยาบ้า กัญชา แล้วบอกว่ามีเบาะแสการจับกุมคนร้ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ ชื่อนายสมคิด ซึ่งภายในครอบครัวของตนไม่มีคนชื่อสมคิด ตนยืนยันว่าทรัพย์สินทุกอย่างได้มาอย่างบริสุทธิ์ สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งตนขอดูหมายค้นหรือเอกสารหลักฐานที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว

ก็ทำให้นายตำรวจท่านนี้ไม่พอใจ ใช้วาจาไม่สุภาพ มีการบอกว่าจะยึดทรัพย์ทั้งหมด ตนยืนยันไปว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หากตนมีความผิดจริง


นอกจากนี้ นายตำรวจท่านนี้ยังเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนบอกให้นำตนไปปรับทัศนคติ ซึ่งได้มีการพูดคุยลักษณะว่าถ้าต้องการให้ท่านช่วยก็จะเป็นคนพูดให้ ตอนนั้นตนเข้าใจว่าคงเป็นเรื่องของคำแนะนำว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อที่จะให้ที่บ้านไม่กังวลไปมากกว่านี้ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปที่ห้องนายตำรวจเพื่อพูดคุยอะไรสักอย่าง และได้กลับออกมาหาตน แล้วพูดว่า “นายบอกว่า 2 ขึ้น” ตนจึงถามกลับไปว่า “คืออะไร” จึงได้คำตอบกลับมาว่า “นายบอกว่า 2 แสนขึ้น”

เมื่อได้ยินดังนั้นตนรู้สึกตกใจมากไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตนและครอบครัว และในขณะที่มีการพูดคุยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดโทรศัพท์ของตนไว้ด้วย

น.ส.เอ กล่าวต่อว่า เมื่อมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ จึงได้โพสต์ข้อความเห็นลงกลุ่มเฟซบุ๊ก เพื่อที่จะขอให้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ในการเรียกร้องความเป็นธรรม หากตนผิดจริงก็พร้อมที่จะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเรียกร้องเงินกับตนเพื่อให้เรื่องนี้จบ ตนมองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะมีคำแนะนำให้แก่ตนบ้าง

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ได้ติดต่อกลับไปยังโรงพักบ้านเป็ด ทางเจ้าหน้าตำรวจบอกว่า ส่งพี่ชายเข้าฝากขังและเตรียมส่งขึ้นศาลแล้ว รถยนต์ของตนก็ถูกยึดเป็นของกลางแล้ว ซึ่งตนขอยืนยันเช่นเดิม หากเป็นความผิดที่เกิดขึ้นจริงกับ ตนก็ยอมรับ แต่ที่ยอมรับไม่ได้คือ มีการเรียกร้องเงินกับประชาชน มันเป็นเรื่องไม่สมควรทำ


กำลังโหลดความคิดเห็น