หน.พรรคกล้า ไม่ขอออกความเห็นตัวบุคคลกรณี “นฤมล” คุมทีมเศรษฐกิจ หวังให้เร่งช่วย SME รายย่อย ปรับ ครม.ขอให้ตอบโจทย์ นโยบายต้องเร็วแรงตรงเป้า ต้องพึ่งคนรู้จริง ติงพึ่งพาระบบราชการเดิมๆ มากไป หวังรัฐฟังเสียงวิจารณ์
วันนี้ (30 มิ.ย.) นายกรณ์ จาติกวนิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีรัฐบาลจะมีการปรับ ครม.และมีชื่อนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาสำคัญ เพราะประเทศไทยเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ทีมเศรษฐกิจมีหน้าที่เร่งแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะปัญหาของผู้ประกอบการ SME รายย่อยที่กำลังรอความช่วยเหลืออยู่ เพราะคนในประเทศไม่มีกำลังซื้อ นักท่องเที่ยวไม่มีใครเข้ามา จึงหวังว่าใครก็ตามที่เข้ามามีหน้าที่ดูแลปัญหาของเศรษฐกิจจะมีนโยบายตอบโจทย์นี้ ตนขอให้กำลังใจ ส่วนเรื่องของตัวบุคคลไม่ขอให้ความเห็นเพราะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว
ส่วนการปรับ ครม.ในขณะนี้จะเหมาะสมหรือไม่เป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องพิจารณา จะอย่างไรก็ได้ขอให้ตอบโจทย์ปัญหาของประเทศ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน ยอมรับว่าประชาชนเดือดร้อนทั้งรากหญ้า และชนชั้นกลาง ฉะนั้น นโยบายต้องเร็วและแรงตรงต่อกลุ่มเป้าหมาย อะไรที่ดีเราก็ชม อะไรที่บกพร่องเราก็จะเสนอแนะวิธีการที่อาจจะดีกว่าในการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
เมื่อถามว่าการยุบสภาแบบสิงคโปร์โมเดล จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นหรือไม่นั้น นายกรณ์กล่าวว่า เศรษฐกิจดีขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับการทำงาน และภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญคือต้องพึ่งคนที่รู้จริง ส่วนการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เห็นว่ารัฐบาลต้องชี้แจงว่าทำไมถึงยังต้องอาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และประชาชนต้องใช้วิจารณญาณว่าการชี้แจงขอรัฐบาลเหมาะสมหรือไม่ เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ควรใช้ในกรณีที่ไม่จำเป็น ส่วนจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจหรือไม่นั้น ตนมองว่ามีปัจจัยอื่นที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโควิด-19 ที่ถือเป็นปัจจัยใหญ่ทำให้การค้าขายไม่คล่องตัว การท่องเที่ยวหยุดชะงัก
นายกรณ์ยังกล่าวถึงการใช้งบประมาณที่ตอบโจทย์ต่อการแก้ไขปัญหาว่า ตอนนี้เรามีอยู่ 3 งบประมาณ งบประมาณ 2563 งบเงินกู้ และงบปี 2564 ทั้งหมดจะต้องใช้อย่างชาญฉลาด ทันต่อเหตุการณ์ แต่เท่าที่เห็นเราพึ่งพาระบบราชการแบบเดิมๆ มากเกินไป ควรจะทำงานตอบโจทย์ของประชาชน เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งรัฐบาลยังมีเวลาคิดให้ดีว่าการใช้เงินในทุกนโยบายเป็นการใช้ที่ตอบโจทย์ปัญหาประชาชนมากที่สุดแล้วหรือไม่และควรตั้งคำถามว่ามีวิธีใช้เงินที่ดีกว่านี้หรือไม่ และใช้เงินได้ตรงจุดกว่านี้หรือไม่ หวังว่ารัฐบาลจะรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อเรื่องการใช้เงินทั้งเงินงบประมาณและเงินกู้