ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ขนาด “ฌอน บูรณะหิรัญ” แฟนคลับยังหายไปร่วมล้าน แบบนี้ พปชร. จะไปต่อไหวมั้ย ? เพราะยังมีพวก “สุดพีค” ที่ “คนนินทา หมาดูถูก” อยู่รอบลุงเต็มไปหมด
เกิดดรามาบนโลกออนไลน์ กรณี “ฌอน บูรณะหิรัญ” ไลฟ์โค้ชชื่อดังที่มีแฟนคลับติดตามหลายล้านคน จนขึ้นแฮชแท็กติดอันดับในโซเชียล เมื่อ “ฌอน” โพสต์คลิปวิดีโอการไปร่วมกิจกรรมปลูกป่าปลูกต้นไม้ร่วมลดปัญหาโลกร้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วเอ่ยชม “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คนใหม่เป็น “ผู้ใหญ่น่ารัก” ไม่เห็นเหมือนใน MEME ที่ชอบล้อเลียนว่าชอบหลับ และภาพดูออกร้าย
“สิ่งที่เราเห็นในสื่อ มันก็มีเจตนาที่จะทำให้เราคิดอะไรบางอย่าง อย่าเพิ่งตัดสินใจจนกว่าเราจะได้เจอเขาจริงๆ ได้คุยกับเขา และได้สัมผัสกับเขา น้องๆ ที่กำลังเติบโตอยู่ อยากให้รู้ว่าข่าวก็มีเจตนาของเขานะ อย่าเพิ่งเชื่อ 100%” ฌอน ว่าไว้
จากนั้นโซเชียลของ “ฌอน บูรณะหิรัญ” ก็ลุกเป็นไฟ เรียกแขกที่ไม่เห็นด้วยมาทั่วทุกสารทิศ แถมเชื้อเชิญทัวร์มาลงคนละหนุบ สองหนุบ วิพากษ์วิจารณ์ บ้างก็ด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง บ้างก็ขยายผลขุดคุ้ยชีวิต จับโป๊ะ มีคนเอาหนังสือที่เขาเขียนออกมาเผา และประกาศขาย มรสุมกลุ้มรุมหนุ่มไทยวัย 29 ที่เกิดและเติบโตที่อเมริกา รายนี้อย่างหนัก
คนที่รุมถล่ม “ฌอน” รวมๆ แล้วมองว่า ฌอนโลกสวยต่อการเมืองเกินไป แค่เห็นแล้วชอบ ทั้งที่โลกความเป็นจริงไม่ได้สวยงามแบบนั้น โดยเฉพาะช่วงนี้ การเมืองก็เห็นๆ กันอยู่ว่า มีแต่ความขัดแย้ง แก่งแย่งผลประโยชน์จากก๊วน-ก๊ก นักการเมืองที่มุ่งแต่เล่นเกมการเมือง ไม่สนใจปัญหาบ้านเมืองและประชาชนที่ระทมทุกข์ จากพิษโควิด
ขณะที่ “ลุง” ที่ฌอนชื่นชอบก็ต้องยอมรับว่า เจอปฏิกิริยารุนแรงจากชาวโซเชียล ไม่น้อยหน้าไลฟ์โค้ชชื่อดัง ก็น่าเป็นห่วง และคงจะเกิดคำถามตามมาแน่ๆ ว่า พลังประชารัฐของลุงจะไปต่อไหวมั้ย ?
พรรคลุงยุคนิวนอร์มัล ถูกบูลลี่จะไปต่อกันยังไง เพราะไม่ใช่แค่ลุง ต้องไม่ลืมว่ารอบๆ ตัวลุง เอาแค่แกนนำก๊ก-ก๊วนต่างๆ วันที่รวมตัวกันจับมือคล้องแขน ยืนยิ้มหน้าแป้น ... วันที่ส่งเทียบเชิญลุงขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเมื่อวันก่อน ชาวโซเชียลเห็นหน้าค่าตา เอ่ยชื่อเสียง ไล่เรียงประวัติพฤติการณ์ของแต่คน ล้วนแล้วแต่บอกกันว่า มีแต่พวก “สุดพีค” ทั้งภาพลักษณ์และคุณลักษณะเฉพาะตัวจัดอยู่ในขั้นนักการเมืองประเภท “คนนินทา หมาดูถูก” ต่างมีอานุภาพทำลายล้างรุนแรงทั้งนั้น
นี่ขนาด “ฌอน” เป็นไลฟ์โค้ช นักเขียน นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ นำเสนอแนวคิดและปรัชญาการใช้ชีวิตจนโด่งดังในโซเชียล มีผู้ชื่นชอบและติดตามในโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆ หลายล้านคนดังว่า แต่จากกรณีนี้ ก็มีคนประท้วงด้วยการเลิกติดตามแฟนเพจฌอน ไปแล้วนับล้านเช่นกัน ภาพลักษณ์ของ พปชร. ภายใต้การนำของ “ลุง” จะเป็นอย่างไร ทำนายได้เลย
เรียกว่า เหตุครั้งนี้เป็นกระจกสะท้อนทางหนึ่ง เป็นบทเรียนที่ “ฌอน” ต้องไปตั้งหลัก กลับไปคิดว่าเกิดอะไรขึ้น แค่ก้าวเข้ามาเฉียดการเมืองชั่วประเดี๋ยว ก็เจอรุมถล่มจากบรรดาชาวโซเชียลถึงเพียงนี้
ส่วน พปชร. ถ้าดูจากถูกบูลลี่ไปพร้อมฌอน งานนี้แล้วก็น่าจะได้คำตอบบ้างล่ะว่า เรตติ้ง เป็นยังไง
** ทายาทกระทิงแดงยังลอยนวล แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ต้องรับเคราะห์แทน เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ฐานให้การช่วยเหลือ ไม่ออกหมายจับ เปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาหลบหนี
แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกิอบ 8 ปีแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนยังคงจำกรณีไฮโซหนุ่ม “ทายาทกระทิงแดง” วรยุทธ อยู่วิทยา ซิ่งรถหรูเฟอร์รารี่ ด้วยความเร็วสูง ชน “ดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ” ตำรวจสายตรวจ สน.ทองหล่อ จนเสียชีวิตคาเครื่องแบบ และยังลากร่างของผู้ตายไถลไปไกลเป็นร้อยเมตร
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 55 โดยหลังเกิดเหตุ “วรยุทธ” ได้ขับรถหลบหนีไป ...ตำรวจชุดสืบสวนต้องแกะรอยตามคราบน้ำมันไปจนถึงบ้านหลังใหญ่ ในซอยสุขุมวิท 53 ปรากฏว่า เป็นคฤหาสน์ของเจ้าสัวกระทิงแดง แต่ถูกคนในบ้านสกัดไม่ให้เข้า เดือดร้อนถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในยุคนั้น ต้องยกกำลังเข้าปิดล้อม จึงยอมเปิดประตูให้เข้าไป แต่ไม่พบตัวไฮโซหนุ่ม แถมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สน.ทองหล่อ ยังพาคนดูแลบ้านพักไปมอบตัวแทน อ้างว่าเป็นคนขับรถหรูคันดังกล่าว จึงถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่าเป็นการ “จับแพะ” มารับบาปแทนลูกมหาเศรษฐี
แต่สุดท้าย “ไฮโซหนุ่ม” ผู้ก่อเหตุ ทนแรงกดดันสังคมไม่ไหว จึงยอมออกมามอบตัว พร้อมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง และถูกแจ้งข้อหาหนัก... ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (สั่งฟ้อง) ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือและไม่แจ้งพนักงาน (สั่งฟ้อง) ขับรถขณะเมาสุรา (สั่งไม่ฟ้อง) ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด (คดีขาดอายุความปี 56) ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย (คดีขาดอายุความปี 56)
การดำเนินคดีที่ไม่คืบหน้าจนบางข้อหาหมดอายุความดังกล่าวนั้น เนื่องจากผู้ต้องหาอ้างว่าติดภารกิจในต่างประเทศ และอ้างว่าป่วยหลายครั้ง ทำให้คดีถูกดองทิ้งไว้... แต่ข้อหาที่มีโทษโทษหนักสุด คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษจำคุกสูงสุด 10 ปี คดีนี้ยังไม่หมดอายุความ... แต่ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศแล้ว
โอกาสที่จะนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีเพื่อรับโทษจึงค่อนข้างเลือนราง !!
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีการร้องเรียนไปที่ ป.ป.ช. เพื่อให้สืบสวนสอบสวน เอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ว่าให้การช่วยเหลือ ไม่ดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหา เพื่อให้ได้ตัวมาส่งพนักงานอัยการฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาหลบหนี...
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในข่ายต้องถูกสอบ ได้แก่ “พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 “พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน” รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 “พ.ต.อ.ไตรเมต อู่ไทย” รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 “พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง” ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ “พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ เกตุแย้ม” “พ.ต.ท.วิบูลย์ ถิ่นวัฒนากูล” และ “พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี”
ล่าสุด ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดนายตำรวจชุดนี้ แยกเป็นกรณีไป โดย “พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี” มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความตั้งใจอุตสาหะ เพื่อให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ และประมาทเลินเล่อ ในหน้าที่ราชการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 78(9) ทั้งนี้ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 23 วรรคสอง
ส่วนกรณีละเว้นไม่ดำเนินการออกหมายจับนายวรยุทธ นั้น ป.ป.ช.มีมติว่า “พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง-พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ เกตุแย้ม-พ.ต.ท.วิบูลย์ ถิ่นวัฒนากูล และ พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี” มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง
สำหรับ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ที่ร่วมลงนามในสำนวนการสอบสวนคดีนี้ ของ สน.ทองหล่อ นั้น ป.ป.ช. มีมติว่า “พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว-พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน และ พ.ต.อ.ไตรเมต อู่ไทย” ในฐานะผู้บังคับบัญชา ไม่กำกับดูแล ติดตามเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปโดยถูกต้องรอบคอบและเป็นธรรม เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย อันถือเป็นความบกพร่อง ซึ่งมีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง เช่นกัน
จากนี้ ป.ป.ช.จะได้ทำรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัย กับนายตำรวจดังกล่าวต่อไป
ถึงวันนี้ “ทายาทกระทิงแดง” ยังคงลอยนวล แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องต้องเผชิญวิบากกรรมแทน