นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงการ
แก้ไขปัญหาการศึกษาไทยในยุค New Normal ที่ควรแก้ไข ว่า ในแนวคิดของผมที่อยู่ในแวดวงการศึกษามากว่า 15 ปี ทั้งประสบการณ์ตรง เคยเป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาคณิตศาสตร์ โรงเรียนจิตรลดา, อาจารย์พิเศษในโรงเรียนมัธยมหลายแห่ง, อาจารย์ติวเตอร์หลายสถาบันสอนทั้ง วิชา คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี พื้นฐานวิศวกรรม สอนจนถึงระดับอุดมศึกษาปี 1-2 เคยอยู่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งทำงานในภาคประชาชนตรวจสอบการทุจริตหลากหลายโครงการ อาทิ การทุจริตการรับนักเรียนหรือแปะเจี๊ยะ การทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอล การทุจริตโครงการ safe zone school การทุจริตโครงหนังสือยืมเรียน การทุจริตสร้างห้องเรียน e-class room/e-library การทุจริตจัดซื้อคุรุภัณฑ์อาชีวะงบไทยเข้มแข็ง การทุจริตเงินกองทุน ใน สกสค. การจัดซื้อแท็บเล็ต พร้อมเสนอแนะแก้ปัญหาต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมมองปัญหาออกว่าปัญหาแต่ละเรื่องจะแก้อย่างไร กระทรวงศึกษาธิการ มีหน่วยงานในกำกับ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สภาการศึกษา การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) การศึกษาเอกชน (สช.) สกสค. องค์การค้าของ สกสค. และ คุรุสภา มีข้าราชครูกว่า 4 แสนคน นักเรียนกว่า 12 ล้านคน ผู้ปกครองกว่า 24 ล้านคน ข้องเกี่ยวกับประชาชนโดยตรง ผมจึงสรุป สิ่งที่ควรแก้ไข พอสังเขป ดังนี้
1. รัฐควรจัดสรรจ่ายค่าบำรุงการศึกษาแทนผู้ปกครองทุกคนขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ เตรียมอนุบาล-อนุบาล-ประถมศึกษา-มัธยมศึกษา-ปวช.1-3 เรียนฟรีจริงๆ ให้เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน
2. รัฐต้องดูแลเด็กตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล-อนุบาล ช่วง 1 5-6 ขวบ อย่างดีที่สุด เป็นช่วงที่พัฒนาสมองดีที่สุด อาทิ เพิ่มอาหารเสริมสมอง (นมโรงเรียน) เพิ่มทักษะคิดวิเคราะห์ ความฉลาดทางอารมณ์ เพิ่มงบอุดหนุนอาหารกลางวัน
3. จัดการอุดหนุนรายหัวนักเรียนใหม่ ทุกระดับ ให้เหมาะกับขนาดโรงเรียน ใกล้ไกลให้สอดคล้องกัน โดยไม่มีจุดรั่วไหลในการทุจริตงบรายหัวที่ซ้ำซ้อนกัน
4. เพิ่มชั่วโมงการสอนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน อีก 1-2 เท่า ทุกระดับ จากปกติ
5. แก้ปัญหาราคาหนังสือแบบเรียน สำหรับ นักเรียน 12 ล้านคน อาทิ วิชาคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ ของ สสวท. ที่มีราคาแพงมากไม่สอดคล้องกับภาคเอกชนที่มีราคาเหมาะสม ทำให้ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นักเรียนได้หนังสือไม่เคยครบ 8 กลุ่มสาระ ได้แค่ 3 สาระ เพิ่มภาระผู้ปกครองนักเรียน ซึ่งผิดวัตถุประสงค์เงินอุดหนุนค่าหนังสือรายหัวนักเรียน
6. จัดการเรียนการสอนแบบเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงยังไม่มีวัคซีนแก้ไวรัสโควิด-19 ลดเวลาเรียนในห้องเรียน เรียนเป็นผลัด เพิ่มสัดส่วนเรียนผ่านออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งจัดหาสื่อการเรียนการสอน ระดับเตรียมอนุบาล-อนุบาล-ประถมศึกษา-มัธยมศึกษา สำเร็จรูป หรือ ครูผู้สอนบันทึกเทปการเรียนการสอนไว้ให้นักเรียนเรียนและทบทวน รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกเพื่อการเรียนการสอน
7. จัดทำวิชา ประวัติศาสตร์ชาติไทย ให้นักเรียนทุกระดับซึมซับอยู่ในสายเลือดของความเป็นชาติ ศาสนา และ สถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่มีมาอย่างยาวนานกว่าเกือบ 800 ปี
8. แก้ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้าย ครู ผู้บริหาร ให้เกิดความยุติธรรม สุจริต เป็นธรรม โดยโอนอำนาจไปเป็นของ เขตพื้นที่การประถมศึกษา และ เขตพื้นที่การมัธยมศึกษา ตามเดิม
9. การเลื่อนวิทยฐานะครู ขึ้นอยู่กับคุณภาพของนักเรียนแรกเริ่มเปรียบเทียบปัจจุบัน โดยไม่ผูกติดกับการอบรมครูหรือการทำผลงาน
10. ส่งเสริมให้นักเรียนที่มีความสามารถแต่ละด้านไปให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะ ด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กีฬา ศิลปวัฒนธรรม ฯลฯ
11. แก้ปัญหาขนาดห้องเรียนให้เหมาะสมกับคุณภาพผู้เรียนไม่เกิน ห้องละ 20 คน (อนุบาล) ห้องละ 30 คน (ประถม) ห้องละ 40 คน (มัธยม) เฉพาะโรงเรียนขนาดกลาง ใหญ่ ใหญ่พิเศษ เป็นการกระจายทรัพยากรครู สถานที่ ภาระงานให้ได้ประสิทธิภาพ อีกอย่างเป็นแก้ปัญหาแป๊ะเจี๊ยหรือทุจริตการเข้าเรียนไปในตัว
12. ส่งเสริมให้นักเรียนศึกษาต่อในระดับอาชีวศึกษา เพิ่มตลาดแรงงานเฉพาะด้าน ให้มีเงินเดือนตั้งแต่เรียน ปวช.1-3 รองรับกับงานภาคเอกชน ที่มีคุณภาพ สามารถทำงานได้เลย
13. แก้ปัญหานักเรียน นักศึกษา ตีกัน โดยใช้วิชาการทหารนำ
14. แก้ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศของครูกับนักเรียน โดยใช้กฎหมายบังคับ และ ให้ครูมีที่ปลดปล่อยตามกฎหมาย
15. แก้ปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบ ตัดหนี้ดอกเบี้ยเดิม ตั้งธนาคารครูแห่งประเทศไทย เพื่อซื้อหนี้เก่า เริ่มใหม่ ให้ดอกเบี้ยไม่เกิน 3.5-4.5% ทำให้ครูมีสภาพคล่องในชีวิตมากขึ้น
16. แก้หนี้ องค์การค้าของ สกสค.กว่า 6 พันล้านบาท โดยการใช้ทรัพยากรเดิมให้คุ้มค่า สร้างรายได้เพิ่ม คานอำนาจราคาหนังสือกับเอกชน
17. ปรับปรุงให้คุรุสภามีความเข้มแข็งในการควบคุมมาตรฐานวิชาชีพ
18. ปรับปรุง สกสค. โดยเฉพาะ กองทุน ช.พ.ค.- ช.พ.ส.เพิ่มศักยภาพให้การดูแล ครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
19.ส่งเสริมให้โรงเรียนเอกชนมีความเข้มแข็ง เพื่อแข่งขันกับโรงเรียนรัฐบาล เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศ
20.เพิ่มศักยภาพสภาการศึกษาให้เป็นมันสมองในการขับเคลื่อนการศึกษาภาพรวม