วันนี้ (19 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือร่วมกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เกี่ยวกับข้อตกลงทราเวล บับเบิล หรือการจับคู่ประเทศการท่องเที่ยว ว่าสัปดาห์นี้เอกอัครราชทูตในหลายๆ ประเทศจะมาหารือเรื่องนี้ โดยไทยจะเลือกจับคู่กับประเทศที่บริหารจัดการป้องกันโควิดที่ดี ไม่มีการระบาดหนัก มีหลายปัจจัยที่เราจะต้องนำมาพิจารณาประชาชนอย่างพึ่งตกใจเพราะยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามา แต่เปิดให้นักธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญเข้ามาก่อน ซึ่งการเจรจาได้แจ้งไปถึงการกำหนดระยะเวลาที่คนญี่ปุ่นเข้ามาในประเทศไทยที่แน่นอน ต้องแจ้งว่าไปอยู่ที่ไหน และต้องมีใบรับรองแพทย์ก่อนการขึ้นบิน และการเดินทางต้องมีการรายงานตัวต่อบริษัทห้างร้านที่จะเข้ามาทำงานตลอดเวลา หากไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวอะไรเลย ระบบเศรษฐกิจก็เดินต่อไปไม่ได้ ไวรัสโควิดไม่ใช่ที่ฆ่าเศรษฐกิจ แต่คือการที่นักธุรกิจไปไหนมาไหนไม่ได้ เราจึงต้องเกาให้ถูกที่คันเร่งทราเวล บับเบิลให้ได้ใน ก.ค.
เมื่อถามว่าจะเริ่มทราเวล บับเบิลกับประเทศญี่ปุ่นได้เมื่อไร นายอนุทินกล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าคงมีการพูดคุยกัน โดยตนได้บอกกับท่านทูตญี่ปุ่นว่าให้รีบไปหารือเรื่องหลักการ ทางกระทรวงการต่างประเทศก็คงไม่มีปัญหา ตนได้เรียนนายกฯ ว่าหลังเซ็นสัญญาสนามบินอู่ตะเภาเรียบร้อยแล้วจะมาหารือพูดคุยกับท่านทูตญี่ปุ่น ซึ่งนายกฯ ก็รับทราบ และบอกว่าให้คำนึงถึงความปลอดภัยของบ้านเมืองและประชาชนเป็นหลัก ต้องอธิบายให้พี่น้องระชาชนเข้าใจได้ว่าการเดินทางเข้ามาของคนต่างประเทศนั้นเป็นไปตามข้อกำหนด หากหารือเรียบร้อยแล้วจะนำเข้าที่ประชุม ศบค.สัปดาห์หน้า โดยกรมควบคุมโรคจะนำหลักการเข้าไปเสนอ ขณะนี้เราไม่มีเคอร์ฟิว และผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมมากมาย แต่ยังคงยกเว้นกิจการและกิจกรรมที่มีความเสี่ยงอยู่ เราพยายามจะเร่งดำเนินการเริ่มทราเวล บับเบิล ให้ได้ภายในเดือน ก.ค. ซึ่งนายกฯ ก็ได้เน้นย้ำย้ำว่าจะต้องไม่มีคนแอบอ้างในคราบนักธุรกิจแฝงเข้ามาเพื่อไปท่องเที่ยวเป็นหลัก