เอาล่ะสิ ทัวร์ลง “ช่อ” ทันควัน หลังเสนอเลิก ม.112 เพราะ “ลุงตู่” บอกเองไม่ใช้ ทั้งระบุมีปัญหาละเมิดเสรีภาพประชาชน ฝ่ายต้าน “ล้มเจ้า” รุมจวก “บิดเบือน” เห็นๆ “จับไต๋” ต้องการล้มสถาบัน เปลี่ยนการปกครอง
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (16 มิ.ย. 63) “ช่อ” น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ทวิตเตอร์ Pannika Wanich @Pannika_FWP ว่า
“เมื่อนายกฯบอกเองว่า ทุกวันนี้ไม่ใช้ ม.112 แล้ว และก็เป็นที่รู้กันมานานว่า กม.นี้มีปัญหา ถูกใช้ละเมิดเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคง กม.นี้ไว้ รวมถึงควรมีการพิจารณา กม.อื่นที่ถูกใช้ปิดปากผู้เห็นต่าง เช่น พ.ร.บ.คอมฯ ม.117 ข้อหายุยงปลุกปั่น #ยกเลิก112
ก่อนที่ “ช่อ” จะโพสต์อีกครั้งว่า *ขออภัยพิมพ์ผิด* แก้ไขนะคะ ม.116 ค่ะ ข้อหายุยงปลุกปั่น เนื้อหากฎหมายเขียนไว้ตีความได้กว้างขวาง จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือปิดปากผู้ที่รัฐต้องการให้เงียบเสมอ”
เท่านั้นเอง ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะคนที่ต่อต้านพฤติกรรม “ล้มเจ้า” ออกมาโพสต์ข้อความตอบโต้ทันควัน
อย่าง “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ว่า
“ท่านนายกฯพูดว่า “ทรงพระเมตตาไม่ให้ใช้มาตรา 112”
แต่ช่อกับไปโพสต์ “เป็นที่รู้กันมานานว่า กม.นี้มีปัญหา ถูกใช้ละเมิดเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน”
แค่นี้ช่อก็มาบิดเบือนอีกแล้วว่า ม.112 ถูกใช้เพื่อละเมิดเสรีภาพของประชาชน
ความจริงแล้ว ช่อน่าจะรู้กฎหมายนะ เมืองไทยนั้นมีสิทธิและเสรีภาพเต็มที่ น่าจะอันดับต้นๆ ของโลก เห็นต่างได้เต็มร้อย แต่ไม่ให้ จาบจ้วง หมิ่นประมาท
ผมไม่เห็นมีประชาชนคนไหนเดือดร้อนกับการแสดงความเห็นเลย เพราะทุกคนต้องระมัดระวัง การไปกระทบผู้อื่น มีพวกท่านเท่านั้นแหละ ที่ชอบไปก้าวล่วงและพูดว่า ถูกจำกัดเสรีภาพ โดยมีต่างชาติช่วยไปขยายผล
เรื่องแบบนี้ใครเขาก็รู้ว่า พวกท่านคิดอะไรอยู่ ที่สำคัญ การเป็นนักการเมืองต้องไม่โกหก บิดเบือนนะ ผู้ชายโกหกบิดเบือนเขาเรียก “กะล่อน” แต่ถ้าเป็นหญิง ไม่รู้ว่าควรจะเรียกอะไรดี ???
#save112.”
ขณะที่ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในหลวงทรงมีพระเมตตาที่จะไม่ให้ลงโทษคนที่จาบจ้วงตามมาตรา 112 นั้น
ไม่เกินคาดหมาย นักกิจกรรม นักเคลื่อนไหว นักการเมืองที่มีจิตใจฝักใฝ่ต่อต้านสถาบันฯ โดดงับทันทีเสนอให้ยกเลิกมาตรา 112
เตือนความจำนะ รัฐธรรมนูญมาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มาตรา 6 พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้
ชัดเจนนะ พ่อแม่ของทุกคนเป็นที่เคารพสักการะ คงไม่มีใครด่าพ่อด่าแม่ตัวเองนะ ใครด่าพ่อด่าแม่ตัวเอง นับว่าเป็นลูกที่เลว อกตัญญู
แม้แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังมีกฎหมายคุ้มครองเลย เด็กชาวอังกฤษส่งเมลแจกของชำร่วยโอบามา ยังถูกสั่งห้ามเข้าสหรัฐฯตลอดชีวิตเลย
มาตรา 112 เปรียบเสมือนเกราะกำบังมิให้ผู้ใดล่วงละเมิดองค์พระประมุข หากอยากจะยกเลิกมาตรา 112 เราคงต้องยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทก่อน ให้ด่าใครก็ได้ ให้ร้ายใครก็ได้ ใครจะเสียหายอย่างไรก็ช่าง ไม่มีความผิด แล้วค่อยมาคิดยกเลิกมาตรา 112”
ด้าน เฟซบุ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค ของ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความระบุว่า
“พวกคุณเรียกร้องสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น หรือสิทธิ์ในการหมิ่นประมาทผู้อื่น โดยเฉพาะการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กันแน่ เอาให้แน่ อย่าหมกเม็ด
............................................................................
ช่อ พรรณิการ์ สร้างวาทะ พูดขึ้นมาเอง
แต่อ้างว่านายกฯเป็นคนพูด
ความจริง สิ่งที่นายกฯพูดคือ...
“ม.112 ไม่ได้บังคับใช้มาหลายปีแล้ว เพราะในหลวงมีเมตตา”
แต่ ช่อ พรรณิการ์ เอาความจริงไปบิดเบือน โดยแอบอ้างว่า นายกฯพูดว่า...
“ทุกวันนี้ไม่ใช้ ม.112 แล้ว เพราะเป็นที่รู้กันว่า กม.นี้มีปัญหาละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น”
บิดเบือนคำพูดกันชัดๆ
............................................................................
นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้สังคมไทยตระหนักว่า ในรอบ 2-3 ปีมานี้ ไม่มีผู้ใดถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเลย
“สิ่งที่อยากจะบอกคนไทยทุกคน มาตรา 112 ไม่ได้ใช้เลย เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงพระเมตตา ไม่ให้ใช้ นี่คือสิ่งที่ท่านทรงทำให้แล้ว แล้วคุณก็ละเมิดกันไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้ หมายความว่ายังไง ต้องการอะไรกัน วันนี้ผมจำเป็นต้องพูด เพราะต้องการให้บ้านเมืองสงบ”
............................................................................
ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า
“ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี”
ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ คนไทยหรือคนต่างด้าวไม่ว่ากระทำในหรือนอกราชอาณาจักรก็ต้องรับโทษ
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับเรื่อยมามีข้อที่กล่าวว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้"
............................................................................
กฎหมายคุ้มครองประมุขของรัฐนั้น ไม่ได้มีเฉพาะเมืองไทย แต่ทุกประเทศ ทั้งที่ปกครองแบบราชอาณาจักรที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือปกครองแบบสาธารณรัฐ ที่มีประธานาธิบดี ก็ล้วนมีกฎหมายคุ้มครองประมุขของรัฐทั้งนั้น
โดยเฉพาะสถาบันพระมหาพระมหากษัตริย์ จะไม่มีการไปดำเนินคดีกับใคร จึงต้องมีกฎหมายที่ไม่ให้ใครล้วงละเมิดสถาบันฯ
ซึ่งถ้าพูดแบบชาวบ้าน ก็พูดได้ว่า เป็นเรื่องที่แฟร์ต่อกันมาก เพราะสถาบันฯไม่เคยกล่าวหา ให้ร้าย ใคร นักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือประชาชน ว่าทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ดี
แล้วทำไมนักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือประชาชน จึงอยากมีสิทธิ์ในการกล่าวหาว่า โจมตีว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ดี
คือต่างฝ่ายต่างไม่ล่วงละเมิดต่อกัน
ใครเคยเห็นสถาบันพระมหากษัตริย์ออกมาวิจารณ์ใครในประเทศนี้มั้ย ว่าทำไมทำแบบนั้นแบบนี้ คนนั้นโกง คนนี้โกหก ไม่เคยเลยใช่มั้ย
แต่สิ่งที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองพยายามจะล้ม ม.112 เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตของคนไทย ถ้าคิดจะเปลี่ยนแปลงการปกครองให้ได้ ต้องล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ได้ด้วย จึงเป็นที่มาของความพยายามที่จะล้มเจ้า เพื่อล้มการปกครอง
มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิในการแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด เพราะทุกคนมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอยู่แล้ว
แล้วทำไมใช้สิทธิ์ในแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไปเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแทน
สิทธิในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองมันเกี่ยวอะไรกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
คุณกำลังเรียกร้องสิทธิในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งความจริงกฎหมายให้สิทธิ์นั้นอยู่แล้ว ทำไม?
ตกลงคุณเรียกร้องสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น
หรือสิทธิ์ในการหมิ่นประมาทผู้อื่น โดยเฉพาะการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กันแน่
อย่ามั่ว
............................................................................
แน่นอน, ประเด็นของ “ช่อ” ถือว่า หยิบยกเอาคำพูดของ “ลุงตู่” มาตีความเข้าทางตัวเอง ซึ่งแนวทางของ “คณะก้าวหน้า” หรือแม้แต่ แกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ อย่าง ปิยบุตร แสงกนกกุล ก็มีแนวความคิดที่ต้องการให้ยกเลิก ม.112 อยู่แล้ว “ช่อ” จึงถือเป็นหน่วย “กล้าตาย” ที่ออกมาโหนเรื่องนี้โดยพลันที่นายกฯพูดคนละความหมาย
สำหรับ ม.112 ถือว่า เป็น “ก้างชิ้นใหญ่” มาตลอด สำหรับกลุ่มคนที่มีพฤติกรรม “ล้มเจ้า” เพราะการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันไม่ว่าเรื่องอะไร อาจถูกตีความหมิ่นสถาบัน ตามกฎหมายอาญา ม.112 ได้ ที่ผ่านมา จึงสร้างความอึดอัดและคับข้องใจให้คนกลุ่มนี้อย่างมาก เพราะไม่มีเสรีภาพที่จะวิพากษ์วิจารณ์นั่นเอง
จึงไม่แปลก ที่จะมีคำถามตามมาว่า ทำไมต้องอยากวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ ในเมื่อประชาชนส่วนใหญ่ไม่เดือดร้อนที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ หมกเม็ดอะไรอยู่หรือไม่ ในความหมายที่ไม่ต้องการมีก้างขวางคออีกต่อไป ในการที่จะทำให้เสื่อมเสีย เพื่อนำไปสู่ การ “ล้มสถาบัน” หรือไม่? นี่คือ สิ่งที่หลายฝ่ายจับตามองคนกลุ่มนี้
สุดท้าย ก็จะทำให้ความเห็นที่ว่า “...สิ่งที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองพยายามจะล้ม ม.112 เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตของคนไทย ถ้าคิดจะเปลี่ยนแปลงการปกครองให้ได้ ต้องล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ได้ด้วย จึงเป็นที่มาของความพยายามที่จะล้มเจ้า เพื่อล้มการปกครอง” ของ อัษฎางค์ ยมนาค มีน้ำหนักอย่างมาก และน่าติดตามอย่างใกล้ชิดทีเดียว