ได้ฤกษ์ซ่อมอีกรอบ “ตึก 44” ตำนานโยกเข้ากรุ ในระยะที่ 2 หลัง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี บอกเลิกสัญญาผู้รับเหมา ระยะแรกฉบับปี 2557 เหตุถูกปล่อยทิ้งไม่มีการใช้ประโยชน์ภายในพื้นที่อาคาร แถมปรับปรุงซ่อมแซมไม่แล้วเสร็จ เผยเล็งดันห้องเย็นประจำทำเนียบ เป็น Smart Office รองรับไทยแลนด์ 4.0 เปิดประกวดราคาใหม่ ตามราคากลาง 41.4 ล้าน จ่าย 100 งวด กำหนดแล้วเสร็จภายใน 390 วัน ย้ำหากปล่อยทิ้ง เกรงทรุดโทรมมากกว่าเดิม ส่อกระทบภาพลักษณ์ทำเนียบรัฐบาลโดยรวม
วันนี้ (16 มิ.ย.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้ออกประกาศเปิดประกวดราคาจ้างก่อสร้าง โครงการปรับปรุงอาคารสำนักงาน (Smart Office) ระยะที่ 2 อาคารสูง 4 ชั้น อาคาร 44 จำนวน 1 งาน ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ราคากลางก่อสร้างจากงบประมาณรายจ่าย ปี 2563 ทั้งสิ้น 41,428,000 บาท โดยแบ่งงานออกเป็น 100 งวด กำหนดระยะเวลาดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 390 วัน
สำหรับอาคารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรืออาคาร 44 เดิม ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ รวมถึงสื่อมวลชนในทำเนียบรัฐบาลรู้จักกันในชื่อ “ตึก 44” เป็นอาคารสูง 4 ชั้น มีชั้นลอยระหว่างชั้น 1 และชั้นที่ 2 และชั้นดาดฟ้า เป็นอาคารศิลป์ร่วมสมัย ใช้เป็นศูนย์กลางในการปฏิบัติราชการประจำของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งสำนักงานของหน่วยงานภายในสังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และสำนักงานของผู้บริหาร โดยอาคาร 44 ได้รับการปรับปรุงเป็น Smart Office ระยะที่ 1 ด้วยระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ ที่เริ่มดำเนินการครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ค.2557 โดยการปรับปรุงระยะที่ 2 สลน.ระบุว่า หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ทรุดโทรมมากไปกว่าเดิมที่เป็นอยู่ และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์บริเวณทำเนียบรัฐบาลโดยรวม
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณชั้น 2 ของอาคารทั้งชั้น ใช้เป็นสถานที่รองรับการปฏิบัติราชการของผู้บริหารระดับสูง บิ๊กข้าราชการที่ถูกคำสั่งต้องมาประจำห้องเย็นสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วยการโยกย้ายด่วนจากหน่วยงานภายนอกมาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือในอดีตถูกโยกย้ายด้วยมาตรา 44 ช่วงรัฐบาล คสช. มานั่งตบยุงในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการ โดยส่วนใหญ่พบว่าไม่เข้ามาทำงาน แต่สภาพปัจจุบันยังไม่มีการใช้ประโยชน์ภายในพื้นที่อาคาร ด้วยเหตุการปรับปรุงซ่อมแซมยังไม่แล้วเสร็จ หลังจากเริ่มต้นซ่อมแซมตั้งแต่ปี 2557 สลน.จึงได้มีการบอกเลิกสัญญาจ้างผู้รับเหมารายเดิม”
สลน.ระบุ ในประกาศฯว่า การปรับปรุงตึก 44 ต้องให้ครอบคลุมในส่วนที่ดำเนินการแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ และส่วนที่ยังไม่ได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ โดยดำเนินการภายใต้รูปรายการตามที่กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดำเนินการตรวจสอบ เพื่อให้งานปรับปรุงเสร็จเรียนร้อยและใช้ประโยชน์ต่อราชการต่อไป
ในปัจจุบันอาคารในทำเนียบรัฐบาล ที่มีทั้งตึกบัญชาการ 2 จำนวน 5 ชั้น มี 5 ห้องทำงานขนาดใหญ่ ห้องประชุม 1 ห้อง เป็นสถานที่รับรองตำแหน่งที่ปรึกษาฯ ฝ่ายข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำ ส่วนตึกบัญชาการ 1 จำนวน 5 ชั้น เป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะทำงาน อีกจำนวนมาก รวมถึงเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ (ประชุม ครม.) และห้องประชุมขนาดเล็ก
“ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สำนักงาน สลน.ต้องย้ายไปทำงานภายในตึกแดง ขณะที่ตึกผู้แทนการค้าไทยเดิมสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ถูกใช้เป็นสำนักงาน สลน.เช่นกัน” รายงานข่าวระบุ
สำหรับโครงการปรับปรุงอาคารภายในทำเนียบรัฐบาล และบ้านพิษณุโลก ครั้งใหญ่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เสนอและรับอนุมัติจากรัฐบาลเมื่อ ก.ค. 2557 เป็นโครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการในกรอบวงเงิน 252,000,000 บาท
โดยให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 ภายใต้แผนงานพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดินผลผลิตการบริหารจัดการของรัฐบาล จากงบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการขับเครื่องยุทธศาสตร์ของรัฐบาล จำนวน 256,000,000 บาท ไปตั้งจ่ายในงบลงทุน รายการปรับปรุงอาคารสถานที่ต่างๆ และสภาพแวดล้อมภายในทำเนียบรัฐบาล